“เฉลิม” เข้าให้ถ้อยคำ กกต.กรณีปราศรัย “นช.แม้ว” เป็นหัวหน้าพรรคตัวจริง แถจนพื้นลื่นอ้างหาเสียงประชดเพื่อไทยไร้หัว ทวงบุญคุณ “อภิชาต” อ้างมีคนฝากให้ตนดันนั่งอธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 5 จ่อฉายหนังเก่านำคดีเงินบริจาค 258 ล้านซักฟอกประชาธิปัตย์อีกรอบ แยกเขี้ยวใส่พวกเดียวกัน ลั่นอย่านำชื่อคนนอกใส่แคนดิเดตนายกฯ
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการไต่สวน กกต.กรณีถูกร้องเรียนว่าปราศรัยหาเสียงระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง โดยระบุว่าสมัยที่ไปหาเสียงให้พรรคเพื่อไทยที่ จ.สกลนคร ตนปราศรัยแบบประชดประชันเพราะพรรคเพื่อไทยถูกดูหมิ่นดูแคลนจากหลายพรรคว่าเป็นพรรคหัวขาดไม่มีหัวหน้าพรรค จึงพูดประชดไปว่าหัวหน้าพรรคอยู่ที่นครดูไบ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปี พำนักอยู่ต่างประเทศ และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี การปราศรัยของตนจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นไปไม่ได้ เพราะทางนิตินัย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมกรณีที่คนถูกเว้นวรรคทางการเมืองอย่างนายบรรหาร ศิลปอาชา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายเนวิน ชิดชอบ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้จึงไม่มีคนร้องเรียน ทั้งที่มีความชัดเจนมากกว่ากรณีพรรคเพื่อไทย กกต.ก็ต้องตรวจสอบด้วย
“พ.ต.ท.ทักษิณ ก็โทร.มาปรับทุกข์ บอกว่าก่อนหน้านี้เราเคยโหวตโน และไม่เห็นด้วยกับ รธน.50 แต่ หลายฝ่ายกลับนำมาร้องเรียน แบบนี้สังคมจะอยู่ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายทำอะไรได้หมด ไปประชุมกันที่บ้านพิษณุโลก โดยมีนายอภิสิทธิ์เป็นประธาน เปิดโรงแรม 3-4 รอบกินข้าวกันกลับไม่เป็นไร” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีการพิจารณาเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาทของ กกต.ว่า ขอฝากไปยังนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้อ่านสำนวนที่ดีเอสไอส่งมาให้ละเอียด เพราะตนไม่ใช่คนร้องเรียน แต่ดีเอสไอได้สอบพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยพบว่าพรรค ปชป.รับเงินบริจาคเข้ามาโดยไม่แจ้ง กกต. และพบว่า ปชป.นำเงิน กกต.ไปใช้ผิดประเภท เพราะถ้าประธาน กกต.อ่านกฎหมายยังไม่เป็น บ้านเมืองมีปัญหาแน่
“ที่ผ่านมาผมไม่เคยเล่นการเมืองนอกสภา แต่ถ้า กกต.ละเลยเรื่องอย่างนี้แล้วมาเข้มงวดกวดขันกับพวกผมขอถามว่า เหตุใดนายอภิชาตไม่เรียกดีเอสไอ กรมสรรพากร มาให้ปากคำ เพื่อจะได้ทราบสาเหตุว่าเหตุใดดีเอสไอจึงส่งสำนวนมาให้ กกต.ตรวจสอบ เพราะดีเอสไอก็สอบชัดพบว่าเงินดังกล่าวถูกนำมาเลือกตั้ง ส.ก. ส.ข. เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ ”
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวต่อว่า กกต.ทำงานแบบนี้ทำให้คนติฉินนินทา เกิดความเสื่อม ที่สำคัญสุดคิดว่านายอภิชาตคงความจำเสื่อม เพราะในอดีตเคยมีผู้พิพากษาผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วมาบอกตนที่เวลานั้นเป็น รมว.ยุติธรรมว่านายอภิชาตเป็นคนดี จึงเสนอต่อคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) พิจารณาเห็นชอบให้เป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 5 แต่นายอภิชาตกลับบอกว่า รมว.ยุติธรรม มีหน้าที่เพียงนำรายชื่อกราบบังคมทูลเท่านั้น
“แต่นายอภิชาตให้สัมภาษณ์ลอยหน้าลอยตาว่าไม่เคยมาวิ่งเต้น ซึ่งความจริงคุณก็ไม่เคยวิ่งเต้นกับผม แต่แค่มีคนมาบอกว่าคุณเป็นคนดี แล้วขอฝากว่านายอภิชาตอย่าพูดแต่เรื่องเงิน 258 ล้าน ต้องตรวจสอบเงิน 29 ล้านบาทด้วย เพราะขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ก็เป็นกรรมการบริหารพรรค แล้วผมก็จะนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกรอบ”
ส่วนที่ประธาน กกต.ขอให้พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่ามาเอาข้อมูลจากตนเพราะตนให้ไปหมดแล้ว และคนที่ร้องเรื่องนี้คือดีเอสไอ ตนถือว่าที่นายอภิชาตพูดแบบนี้แสดงว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบ อ่านสำนวนไม่สะเด็ดน้ำ เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบ แค่สามวันเจ็ดวันก็จบแล้ว ไม่ต้องรอเรียกตน และถ้านายอภิชาตมีข้อมูลเพิ่มเติมแล้วยังยืนยันมติเดิม ก็เป็นเรื่องของเขา ถ้านายอภิชาตทำผิดก็เตรียมเข้าคุก ถ้าทำถูกก็ปลอดภัย ซึ่งปกติถ้านายทะเบียนรับคำร้องแล้วเห็นว่าไม่มีมูลความผิดก็ต้องยกคำร้องไป เลยจะเอาเข้าที่ประชุมกกต.ทำไม เพราะเมื่อเอาเข้ากกต.แล้วตั้งอนุบอกไม่ผิดต้องให้ที่ประชุมกกต.มีมติ ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ กกต.ทำงานกันยังไงเขาถึงด่ากันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีครั้งไหนที่พยานแวดล้อมชัดเจนเท่าครั้งนี้โดยเฉพาะพยานเอกสาร พยานบุคคล
“เอาเถอะน่า ถ้า กกต.แน่จริงก็ยกคำร้องสิ กล้าๆ หน่อย อย่ามาเก็บเอาไว้เฉยๆ เชิญเถอะ แน่จริงยกสิ แล้วผมจะทำอะไรให้เห็นบ้าง งานนี้ไม่ยอม ไม่ได้ข่มขู่นะแต่ถ้ายกคำร้อง ผมก็อยากให้ยุบดีเอสไอไปเลยเพราะทำสำนวนไม่ดีพอ และผมขอให้ประธาน กกต.หายจากโรคความดัน แต่ให้ระวังอย่าเป็นโรคดันทุรังแทน”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ รวมถึงกระทรวงที่ทุจริตมากๆ เช่น กระทรวงพานิชย์ และกระทรวงคมนาคม ส่วนจะอภิปรายใครเพิ่มหรือไม่ ทางพรรคจะมีการหารืออีกครั้ง ส่วนจะยื่นตอนไหนก็ต้องหารืออีกครั้งเช่นกัน ส่วนชื่อผู้เหมาะสมเป็นนายกฯคนใหม่ที่พรรคต้องเสนอขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณากัน แต่คราวที่แล้วใส่ชื่อตนก็ไม่เห็นแผ่นดินจะทรุด ครั้งนี้พรรคจะใส่ชื่อใครก็แล้วแต่ แต่ไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นชื่อคนนอกพรรค อย่างไรก็ตามขอเสนอแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข โดยนายกรัฐมนตรีต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกพรรคารเมือง กลุ่มเสื้อเหลือง กลุ่มเสื้อแดง พรรค พท. ปชป. มาหารือจากนั้นให้ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าผลการเลือกตั้งออกมาใครได้เสียงข้างมาก ก็ให้เป็นรัฐบาลและทุกฝ่ายไม่ต้องมาประท้วงกัน