เลขาฯศาลยุติธรรม ตรวจที่เกิดเหตุวางระเบิด ระบุ องค์คณะไม่หวั่นไหวไม่มีเลื่อนตัดสินยึดทรัพย์แน่นอน แต่ห่วงศาลทั่วประเทศเตือนต้องระวังตัว ย้ำ ผู้พิพากษาจะต้องปฎิบัติหน้าที่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ตามรับสั่งในหลวง ส่วนมาตรการ รักษาความปลอดภัย สั่ง รปภ.เข้มตรวจระเบิดรถยนต์ทุกคันห้ามคนนอกเข้าออกศาลฎีกาเด็ดขาด
วันนี้ ( 15 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.15 น.ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานยุติธรรม เดินทางเข้าพบ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา เพื่อปรึกษาข้อราชการและเตรียมการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. ซึ่งน่าจะมีการนำเรื่องคนร้ายลอบวางระเบิดในรั้วศาลฎีกาเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยก่อนเริ่มการประชุม ก.ต.นายวิรัช ได้เดินทางมาดูจุดที่เกิดเหตุ บริเวณสนามหญ้า ติดรั้วฝั่งคลองหลอด
นายวิรัช กล่าวว่าไปดูที่เกิดเหตุแล้ว เข้าใจว่าจะเป็นการข่มขู่มากกว่า เพราะถ้าจะมุ่งสังหารผู้พิพากษา ก็นับว่าเป็นจุดที่ห่างมาก หากมุ่งสังหาร ก็คงจะวางตรงไหนก็ได้ แต่จุดนี้ใกล้ห้องประชุม ก.ต. จึงได้ประสานตำรวจนครบาล มาตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยก่อนวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องปิดเป็นความลับก่อน
นายวิรัช กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า เหตุวางระเบิดจะไม่ถือเป็นภยันตรายที่จะทำให้มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ และไม่มีอะไรทำให้ผู้พิพากษาหวั่นไหวได้ มีผู้พิพากษาโทรศัทพ์มาสอบถามและให้กำลังใจองค์คณะผู้พิพากษามากมาย ตนก็ตอบไปว่า ไม่ใช่เฉพาะศาลฎีกา ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีการเมือง คดีความมั่นคง เช่น ศาลอาญา และผู้พิพากษาของศาลต่างๆ จะต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ผู้พิพากษาจะไปไหนมาไหน ต้องเหลียวหน้าเหลียงหลังบ้าง เราไม่แน่ใจว่า การที่เราปฎิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปกป้องสถาบัน จะทำให้ไม่เป็นที่พอใจแก่ผู้เสียผลประโยชน์หรือไม่
"ผมรู้สึกห่วงใยในผู้พิพากษาที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ทั่วประเทศ ขอให้อย่าประมาท ต้องมีความตื่นตัว ขณะเดียวกันเราก็ต้องทำงานด้วยความยึดมั่นในความถูกต้องปราศจากอคติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งแก่ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่เข้ารับการโปรดเกล้าฯเมื่อเดือนก่อนว่า ผู้พิพากษาจะต้องปฎิบัติหน้าที่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ท่านตรัสซ้ำถึง 7 ครั้ง ซึ่งในหลวงทรงเห็นว่า ผู้พิพากษาเป็นหน่วยหนึ่งที่มีหน้าที่รักษาความมั่นคงปลอดภัยให้บ้านเมือง" นายวิรัช กล่าวและว่า เหตุการณ์วางระเบิดครั้งนี้ ไม่ถึงกับสร้างความกังวลไม่ปลอดภัยแก่ผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน และประธานศาลฎีกา ได้มอบนโยบายให้ทุกตนเข็มแข็งในการปฎิบัติหน้าที่ ขณะที่ต้องเพิ่มความปลอดภัยในศาล และอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม และทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชวง ชูศิริ เลขานุการศาลฎีกา ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยศาลฎีกา ปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดเข้มงวดตามจุดเสี่ยงซึ่งเป็นบริเวณริมรั้วทั่วศาลฎีกา ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกรวมทั้งสื่อมวลชนเข้าไปในบริเวณศาลฎีกาอย่างเด็ดขาด ส่วนประชาชนและผู้ที่จะเข้าไปติดต่อราชการจะต้องแลกบัตรประชาชนและตรวจค้นภายในกระเป๋าสะพานอย่างละเอียด ส่วนรถยนต์หรือยานพาหนะที่ไม่ได้ติดสติ๊กเกอร์ศาลฎีกาหรือศาลยุติธรรมจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะใช้กระจกส่องใต้ท้องรถยนต์ว่ามีสิ่งผิดปกติซุกซ่อนหรือไม่ รวมทั้งให้แม่บ้านและพนักงานรักษาความสะอาดเดินเก็บกวาดทำความสะอาดรอบรั้วศาลฎีกา หากพบสิ่งของหรือวัตถุต้องสงสัยผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบ ส่วนบริเวณรอบนอกศาลฎีกามีตำรวจสายตรวจ สน.ชนะสงคราม ขี่รถ จยย.ตรวจตราความเรียบร้อยเป็นระยะและห้ามไม่ให้มีการตั้งโต๊ะหรือวางแผนจำหน่ายสินค้าใดๆบริเวณรอบศาลฎีกาอย่างเด็ดขาด
วันนี้ ( 15 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.15 น.ที่ศาลฎีกา สนามหลวง นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานยุติธรรม เดินทางเข้าพบ นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา เพื่อปรึกษาข้อราชการและเตรียมการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. ซึ่งน่าจะมีการนำเรื่องคนร้ายลอบวางระเบิดในรั้วศาลฎีกาเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยก่อนเริ่มการประชุม ก.ต.นายวิรัช ได้เดินทางมาดูจุดที่เกิดเหตุ บริเวณสนามหญ้า ติดรั้วฝั่งคลองหลอด
นายวิรัช กล่าวว่าไปดูที่เกิดเหตุแล้ว เข้าใจว่าจะเป็นการข่มขู่มากกว่า เพราะถ้าจะมุ่งสังหารผู้พิพากษา ก็นับว่าเป็นจุดที่ห่างมาก หากมุ่งสังหาร ก็คงจะวางตรงไหนก็ได้ แต่จุดนี้ใกล้ห้องประชุม ก.ต. จึงได้ประสานตำรวจนครบาล มาตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยก่อนวันอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องปิดเป็นความลับก่อน
นายวิรัช กล่าวว่า เชื่อมั่นว่า เหตุวางระเบิดจะไม่ถือเป็นภยันตรายที่จะทำให้มีการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 ก.พ. นี้ และไม่มีอะไรทำให้ผู้พิพากษาหวั่นไหวได้ มีผู้พิพากษาโทรศัทพ์มาสอบถามและให้กำลังใจองค์คณะผู้พิพากษามากมาย ตนก็ตอบไปว่า ไม่ใช่เฉพาะศาลฎีกา ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีการเมือง คดีความมั่นคง เช่น ศาลอาญา และผู้พิพากษาของศาลต่างๆ จะต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ผู้พิพากษาจะไปไหนมาไหน ต้องเหลียวหน้าเหลียงหลังบ้าง เราไม่แน่ใจว่า การที่เราปฎิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปกป้องสถาบัน จะทำให้ไม่เป็นที่พอใจแก่ผู้เสียผลประโยชน์หรือไม่
"ผมรู้สึกห่วงใยในผู้พิพากษาที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ทั่วประเทศ ขอให้อย่าประมาท ต้องมีความตื่นตัว ขณะเดียวกันเราก็ต้องทำงานด้วยความยึดมั่นในความถูกต้องปราศจากอคติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งแก่ผู้ช่วยผู้พิพากษา ที่เข้ารับการโปรดเกล้าฯเมื่อเดือนก่อนว่า ผู้พิพากษาจะต้องปฎิบัติหน้าที่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ท่านตรัสซ้ำถึง 7 ครั้ง ซึ่งในหลวงทรงเห็นว่า ผู้พิพากษาเป็นหน่วยหนึ่งที่มีหน้าที่รักษาความมั่นคงปลอดภัยให้บ้านเมือง" นายวิรัช กล่าวและว่า เหตุการณ์วางระเบิดครั้งนี้ ไม่ถึงกับสร้างความกังวลไม่ปลอดภัยแก่ผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน และประธานศาลฎีกา ได้มอบนโยบายให้ทุกตนเข็มแข็งในการปฎิบัติหน้าที่ ขณะที่ต้องเพิ่มความปลอดภัยในศาล และอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม และทั่วถึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชวง ชูศิริ เลขานุการศาลฎีกา ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยศาลฎีกา ปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดเข้มงวดตามจุดเสี่ยงซึ่งเป็นบริเวณริมรั้วทั่วศาลฎีกา ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกรวมทั้งสื่อมวลชนเข้าไปในบริเวณศาลฎีกาอย่างเด็ดขาด ส่วนประชาชนและผู้ที่จะเข้าไปติดต่อราชการจะต้องแลกบัตรประชาชนและตรวจค้นภายในกระเป๋าสะพานอย่างละเอียด ส่วนรถยนต์หรือยานพาหนะที่ไม่ได้ติดสติ๊กเกอร์ศาลฎีกาหรือศาลยุติธรรมจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะใช้กระจกส่องใต้ท้องรถยนต์ว่ามีสิ่งผิดปกติซุกซ่อนหรือไม่ รวมทั้งให้แม่บ้านและพนักงานรักษาความสะอาดเดินเก็บกวาดทำความสะอาดรอบรั้วศาลฎีกา หากพบสิ่งของหรือวัตถุต้องสงสัยผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบ ส่วนบริเวณรอบนอกศาลฎีกามีตำรวจสายตรวจ สน.ชนะสงคราม ขี่รถ จยย.ตรวจตราความเรียบร้อยเป็นระยะและห้ามไม่ให้มีการตั้งโต๊ะหรือวางแผนจำหน่ายสินค้าใดๆบริเวณรอบศาลฎีกาอย่างเด็ดขาด
