นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการ แก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคเพื่อไทยพยายามเสี้ยมให้พรรคร่วมรัฐบาลหยิบยกรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ ซึ่งจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลชัดเจนคือแก้เพียง 2 มาตรา ดังนั้นการหยิบรัฐธรรมนูญ ปี2540 มา ถือว่ามีเจตนาอำพรางที่จะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้หลุดคดีในศาล รวมถึงความผิดอื่นทั้งหมด และเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ไม่แตกต่างกัน รัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นการอุดรอยรั่วของรัฐธรรมนูญปี 2540 มากกว่า ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทยคลั่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เพราะให้คุณประโยขน์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในการเข้าสู่อำนาจ และใช้อำนาจนอกระบบ และเปิดโอกาสให้แทรกแซงองค์กรอิสระ จนทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง หาผลประโยชน์จาก นโยบายทับซ้อนซึ่งเป็นต้นเหตุในการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 และไม่อยากให้ พรรคเพื่อไทยดิ้นรนเอารัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นอนุสรณ์ทางการเมืองให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกต่อไป
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปะอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อเปิดประชุมรัฐสภารวมกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะร่วมลงชื่อด้วยอยู่แล้ว ถ้าพรรคร่วมมีความเห็นว่า ต้องแก้ 6 ข้อพรรคเราก็จะร่วมแก้ไขทั้ง 6 ข้อ แต่ถ้า 6 ข้อนั้นไม่ลงตัว เขาก็เห็นว่า ควรแก้ใน 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 กับ มาตราเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งจากเหตุใหญ่เรียงเบอร์ มาเป็เขตเดียวเบอร์เดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้ง 3 พรรคมีเสียงสนับสนุนเพียง 87 เสียงจะเพียงพอหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องร่วมแก้รัฐธรรมนูญด้วย เพราะเป็นคำมั่นสัญญาที่เคยมีต่อกันก่อนที่จะจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า การที่ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วยพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมยื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ แค่ 2 มาตรา คือ มาตรา 190 และเขตเลือกตั้งจากเขตใหญ่มาเป็น เขตเล็กนั้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติโดยส่วนรวม แต่เป็นการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น จึงขอเตือนว่าการแก้รัฐธรรมนูญดังกล่าวจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ เพราะการแก้ดังกล่าว เป็นเพียงการต่อรองผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล และเพื่อยืดอายุออกไปอีกเท่านั้น ไม่เป็นประโยชน์ของประชาชนโดยแท้จริงแต่อย่างใด อีกทั้งกลับจะนำงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในการทำประชามติ ทั้งนี้การทำประชามติควรจะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนมากกว่านี้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และโยนภาระการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นของพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ 1.ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญดังกล่าว จากการเลือกตั้งปี พ.ศ.2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียง ส.ส. มากที่สุด ตั้งแต่เคยตั้งพรรคมา
2.หากการแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะอ้างได้ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้เสนอไข แต่เป็นเรื่องของพรรคร่วมเป็นผู้เสนอเองและจะโยนบาป ให้พรรคร่วมรัฐบาล และ 3.ในระหว่างการแก้รัฐบาลอาจจะมีขบวนการต่อต้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งโดยแนวร่วมเดิมของพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม ส.ว. สรรหา และกลุ่มเครือข่ายของอำมาตย์ ที่เป็นผู้จัดร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้การแก้ไข ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ซึ่งจะเป็นเหตุผลที่ดี สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะอ้างเพื่อยุติการแก้ไข
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ขอสนับสนุนอำนาจทุกอย่าง ที่มาจากประชาชนโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540 ฉบับประชาชนที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดในการจัดทำ และเป็นรัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมการบริหารประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและมีความเป็นประชาธิปไตยสูง ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการดำเนินของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีวาระซ่อนเร้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปะอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะเสนอแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อเปิดประชุมรัฐสภารวมกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่า พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะร่วมลงชื่อด้วยอยู่แล้ว ถ้าพรรคร่วมมีความเห็นว่า ต้องแก้ 6 ข้อพรรคเราก็จะร่วมแก้ไขทั้ง 6 ข้อ แต่ถ้า 6 ข้อนั้นไม่ลงตัว เขาก็เห็นว่า ควรแก้ใน 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 กับ มาตราเกี่ยวกับเขตเลือกตั้งจากเหตุใหญ่เรียงเบอร์ มาเป็เขตเดียวเบอร์เดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้ง 3 พรรคมีเสียงสนับสนุนเพียง 87 เสียงจะเพียงพอหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องร่วมแก้รัฐธรรมนูญด้วย เพราะเป็นคำมั่นสัญญาที่เคยมีต่อกันก่อนที่จะจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า การที่ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วยพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน เตรียมยื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ แค่ 2 มาตรา คือ มาตรา 190 และเขตเลือกตั้งจากเขตใหญ่มาเป็น เขตเล็กนั้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติโดยส่วนรวม แต่เป็นการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น จึงขอเตือนว่าการแก้รัฐธรรมนูญดังกล่าวจะนำมาซึ่งความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ เพราะการแก้ดังกล่าว เป็นเพียงการต่อรองผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล และเพื่อยืดอายุออกไปอีกเท่านั้น ไม่เป็นประโยชน์ของประชาชนโดยแท้จริงแต่อย่างใด อีกทั้งกลับจะนำงบประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในการทำประชามติ ทั้งนี้การทำประชามติควรจะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนมากกว่านี้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ และโยนภาระการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นของพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ 1.ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญดังกล่าว จากการเลือกตั้งปี พ.ศ.2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้เสียง ส.ส. มากที่สุด ตั้งแต่เคยตั้งพรรคมา
2.หากการแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะอ้างได้ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้เสนอไข แต่เป็นเรื่องของพรรคร่วมเป็นผู้เสนอเองและจะโยนบาป ให้พรรคร่วมรัฐบาล และ 3.ในระหว่างการแก้รัฐบาลอาจจะมีขบวนการต่อต้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จัดตั้งโดยแนวร่วมเดิมของพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม ส.ว. สรรหา และกลุ่มเครือข่ายของอำมาตย์ ที่เป็นผู้จัดร่างรัฐธรรมนูญจะออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้การแก้ไข ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ซึ่งจะเป็นเหตุผลที่ดี สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะอ้างเพื่อยุติการแก้ไข
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ขอสนับสนุนอำนาจทุกอย่าง ที่มาจากประชาชนโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2540 ฉบับประชาชนที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดในการจัดทำ และเป็นรัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมการบริหารประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและมีความเป็นประชาธิปไตยสูง ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการดำเนินของพรรคร่วมรัฐบาลที่มีวาระซ่อนเร้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว