นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลง ภายหลังการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า ที่ประชุมมีมติให้ขยายเวลา การสอบสวนกรณี นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์ พร้อมเครือข่าย และนายเรือง ไกรลีกิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา ขอให้ตรวจสอบและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามมาตรา 182 (7) ตามรัฐธรรมนูญ
กรณีนายอภิสิทธิ์ เรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าพบหลายครั้งและกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ที่ พล.ต.อ.ธานีเรียกให้มาร่วมชุดสอบสวนให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ จ. สุราษฎร์ธานี ถือว่าการดำเนินการทั้งสองประเด็นเข้าข่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ทาคณะกรรมการไต่สวนได้ขอขยายเวลาออกไปถึงวันที่ 30 ธ.ค.นี้เท่านั้น
นายสุทธิพล กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวนี้ การประชุมครั้งที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 10 พ.ย.กกต.ได้ให้คณะกรรมการไต่สวนเชิญ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพมาชี้แจง เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณา และเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงให้คณะกรรมการไต่สวนแจ้งเหตุแห่งการร้องเรียนให้บุคคลทั้งสองทราบ เพื่อมาชี้แจงหรือส่งคำชี้แจง ซึ่งทางคณะกรรมการไต่สวน ฯ พึ่งจะส่งหนังสือเชิญทั้ง 2 ไปและยังไม่ได้รับการตอบกลับ
ส่วนสาเหตุที่ส่งหนังสือเชิญไปยังบุคคลทั้ง 2 ช้า ก็เนื่องจากว่า ทางคณะกรรมการไต่สวนฯ ต้องการผลการสอบสวนจาก สน.ชนะสงคราม เพื่อที่จะมาดูก่อนที่จะแจ้งเหตุแห่งคดีให้ทั้ง 2 ชี้แจง แต่ทาง สน.ชนะสงคราม ก็ยังไม่ส่งผลการสืบสวน สอบสวนคดีมาให้ คณะกรรมการไต่สวนฯ ก็เลยเป็นเหตุให้การส่งหนังสือเชิญ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องล่าช้า จึงขอกกต.ให้ขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน แต่กกต.ให้ถึงเพียงแค่วันที่ 30 ธ.ค.นี้เท่านั้น
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐขอสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ร้องให้ กกต. ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้าร่วม เพื่อหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บ้านพิษณุโลก โดยให้ขยายเวลาออกไปอีก 30วัน ในระหว่างวันที่ 14 ธ.ค.52 ถึง 13 ม.ค.53
ส่วนกรณี พล.ต.อ.บรรณวิทย์ ร้องขอให้กกต.ดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย กรณีที่ยินยอมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาครอบงำ การบริหารงานของพรรค โดยที่ประชุมกกต.เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน ขึ้นมาพิจารณาหาข้อเท็จจริง และดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน กรณีนี้ทาง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ได้ส่งมาหลังจากที่ได้ส่งให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี
กรณีนายอภิสิทธิ์ เรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าพบหลายครั้งและกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ที่ พล.ต.อ.ธานีเรียกให้มาร่วมชุดสอบสวนให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ จ. สุราษฎร์ธานี ถือว่าการดำเนินการทั้งสองประเด็นเข้าข่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ทาคณะกรรมการไต่สวนได้ขอขยายเวลาออกไปถึงวันที่ 30 ธ.ค.นี้เท่านั้น
นายสุทธิพล กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวนี้ การประชุมครั้งที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 10 พ.ย.กกต.ได้ให้คณะกรรมการไต่สวนเชิญ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพมาชี้แจง เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณา และเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงให้คณะกรรมการไต่สวนแจ้งเหตุแห่งการร้องเรียนให้บุคคลทั้งสองทราบ เพื่อมาชี้แจงหรือส่งคำชี้แจง ซึ่งทางคณะกรรมการไต่สวน ฯ พึ่งจะส่งหนังสือเชิญทั้ง 2 ไปและยังไม่ได้รับการตอบกลับ
ส่วนสาเหตุที่ส่งหนังสือเชิญไปยังบุคคลทั้ง 2 ช้า ก็เนื่องจากว่า ทางคณะกรรมการไต่สวนฯ ต้องการผลการสอบสวนจาก สน.ชนะสงคราม เพื่อที่จะมาดูก่อนที่จะแจ้งเหตุแห่งคดีให้ทั้ง 2 ชี้แจง แต่ทาง สน.ชนะสงคราม ก็ยังไม่ส่งผลการสืบสวน สอบสวนคดีมาให้ คณะกรรมการไต่สวนฯ ก็เลยเป็นเหตุให้การส่งหนังสือเชิญ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องล่าช้า จึงขอกกต.ให้ขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน แต่กกต.ให้ถึงเพียงแค่วันที่ 30 ธ.ค.นี้เท่านั้น
นายสุทธิพล ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจรัฐขอสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย ร้องให้ กกต. ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้าร่วม เพื่อหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่บ้านพิษณุโลก โดยให้ขยายเวลาออกไปอีก 30วัน ในระหว่างวันที่ 14 ธ.ค.52 ถึง 13 ม.ค.53
ส่วนกรณี พล.ต.อ.บรรณวิทย์ ร้องขอให้กกต.ดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย กรณีที่ยินยอมให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาครอบงำ การบริหารงานของพรรค โดยที่ประชุมกกต.เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน ขึ้นมาพิจารณาหาข้อเท็จจริง และดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 30 วัน กรณีนี้ทาง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ได้ส่งมาหลังจากที่ได้ส่งให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี