xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ยืดสรุปสอบเงินบริจาค ปชป.-แทรกแซงคดียิงสนธิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุทธิพล ทวีชัยการ
กกต.ยืดตัดสินเงินบริจาค ปชป.258 ล้าน และนายกฯ ใช้อำนาจแทรกแซง ตร.ในคดียิงสนธิ อ้างข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ ให้เวลาไต่สวนอีก 30 วัน ใช้อำนาจ ปธ.กกต.มีหนังสือเรียก “ประชัย” ให้ถ้อยคำ หากไม่มามีโทษทั้งจำทั้งปรับ ขณะเดียวกัน เรียก “มาร์ค-เทือก” แจง

วันนี้ (10 พ.ย.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติขยายเวลาการสอบสวนกรณี นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์ และเครือข่าย และนายเรือง ไกรลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ขอให้ตรวจสอบและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามมาตรา 182 (7) ตามรัฐธรรมนูญ ในประเด็นนายอภิสิทธิ์เรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าพบหลายครั้งและประเด็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ในขณะนั้นมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 กองบังคับการตำรวจน้ำ ที่พล.ต.อ.ธานีเรียกให้มาร่วมชุดสอบสวนให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่ จ. สุราษฎร์ธานี ว่าการดำเนินการทั้ง 2 ประเด็นเข้าข่ายแทรกแซงการปฎิบัติหน้าที่ของจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เนื่องจาก กกต.เห็นว่าตามรายงานของคณะกรรมการไต่สวนนั้นยังไม่ได้เชิญผู้ถูกกล่าวหาคือนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพมาชี้แจง ดังนั้นเพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณา และเป็นการให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายจึงให้คณะกรรมการไต่สวนแจ้งเหตุแห่งการร้องเรียนให้บุคคลทั้ง 2 ทราบเพื่อมาชี้แจงหรือส่งคำชี้แจง โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

นอกจากนี้ ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณารายงานผลการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการไต่สวน กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร้องขอให้ กกต.ตรวจสอบการรับเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ จากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) และ การใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ โดยมีมติให้ประธาน กกต. อาศัยอำนาจตามมาตรา 26 (3) ของ พ.ร.บ. กกต. ทำหนังสือเรียกนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารบริษัท ทีพีไอฯ มาให้ถ้อยคำพร้อมเรียกเอกสารประกอบหลายรายการ เช่น รายงานทางบัญชีของบริษัททีพีไอ รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัททีพีไอ สัญญาโครงการว่าจ้างบริษัทในการทำประชาสัมพันธ์ ทางวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา

ส่วนเหตุที่ต้องใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.กกต.เรียกนายประชัยมาให้ถ้อยคำ เนื่องจากคณะกรรมการไต่สวนฯ ได้เคยมีหนังสือเชิญนายประชัยมาชี้แจง ซึ่งนายประชัยก็เคยมีหนังสือชี้แจงกลับมาในครั้งแรกระบุว่าให้ถือเอาการให้ถ้อยคำของนายไวพจน์ คตบัว ผู้ได้รับมอบอำนาจเป็นหลักฐาน พร้อมกับระบุว่าหากประธาน กกต.ยังเห็นว่า จำเป็นที่ตนต้องมาให้ถ้อยคำก็พร้อม โดยขอเลื่อนการเข้าให้ถ้อยคำเป็นเดือน พ.ย.ซึ่งกรรมการไต่สวนก็มีหนังสือถึงนายประชัยอีกครั้งโดยระบุว่าขอให้มาให้ถ้อยคำด้วยตนเองในวันที่ 27 ต.ค. แต่นายประชัยมีหนังสือกลับมาในวันที่ 19 ต.ค. ระบุว่าช่วงดังกล่าวไม่สามารถมาให้ถ้อยคำได้ เพราะติดภารกิจไปต่างประเทศ จึงส่งผลให้คณะกรรมการไต่สวนฯใช้อำนาจตามข้อ 56 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาด ที่กำหนดให้สามารถตัดพยานหลักฐานดังกล่าวออกได้หากเป็นกรณีล่าช้าเกินความจำเป็น และสรุปผลการสอบสวน เมื่อเลขานุการคณะกรรมการไต่สวนฯ ได้รายงานให้ กกต.ทราบ กกต.เห็นว่านายประชัยก็ยินดีที่จะมาให้ถ้อยคำ โดยระบุว่าพร้อมที่จะมาภายในเดือน พ.ย. ประกอบกับนายพิชา วิจิตรศิลป์ ได้ยื่นคัดค้านกระบวนการสืบสวนสอบสวน ว่าหาก กกต.ตัดพยานในส่วนของนายประชัยออกจะทำให้เกิดผลได้ผลเสียต่อการวินิจฉัย กกต.จึงเห็นว่าเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการพิจารณาจึงมีมติดังกล่าว โดยให้คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 30 วัน ซึ่งหนังสือที่ส่งถึงนายประชัยจะส่งทางไปรษณีย์ หากนายประชัยไม่มาให้การจะมีโทษตามมาตรา 44 ของ พ.ร.บ. กกต.คือ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้สื่อข่าวถาม เหตุใด กกต.จึงไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 26 วรรคสาม เรียกนายประชัยมาให้ปากคำแต่แรก นายสุทธิพลกล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการไต่สวนไม่ได้ระบุความเห็นที่ชัดเจนว่าจะให้ กกต.ทำอย่างไร ทุกครั้งที่มีการรายงานจะบอกแต่เพียงว่ามีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ ขณะนี้ กกต.เห็นว่ามากรร้องคัดค้านกระบวนการสืบสวนสอบสวนประกอบกับการจะใช้มาตราดังกล่าวต้องเป็นการใช้ในกรณีจำเป็น ซึ่งในการพิจารณาการสอบสวนครั้งนี้ กกต.เห็นว่าแม้จะมีคำให้การของนายไวพจน์ ที่นายประชัยระบุให้ กกต. ยึดถือ แต่ก็มีหลายประเด็นของการสืบสวนที่ไม่อาจตอบประเด็นที่ กกต.สงสัยได้ โดยที่ประชุม กกต.ได้ยกตัวอย่างประเด็นต่างๆ ที่นายประชัยควรมาตอบเอง แต่ตนไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เพราะอาจมีผลต่อรูปคดี อีกทั้งความเห็นของคณะกรรมการไต่สวนก็มีเสียงข้างมากข้างน้อย กกต.จึงเห็นว่าเพื่อให้การสอบสวนสิ้นกระแสความจึงต้องให้นายประชัยมาชี้แจง

เมื่อถามต่อว่าการที่ กกต.ยังไม่วินิจฉัย ทำให้ถูกมองว่าเป็นการซื้อเวลา นายสุทธิพลกล่าวว่าคงไม่ใช่การซื้อเวลา หรือยื้อไม่ยื้อเพื่อหวังผลประการใดประการหนึ่ง เพราะจากข้อมูลที่เลขานุการของคณะกรรมการไต่สวนชี้แจงพบว่ายังมีพยานหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการไต่สวนไม่เคยเรียกนำมาประกอบใช้ในการพิจารณามาก่อน ทาง กกต.จึงเห็นว่ากรณีนี้ต้องใช้ดุลพินิจให้รอบคอบ จำเป็นต้องรอเอกสารและการให้ปากคำของนายประชัยก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น