“ธานี” น้องสุเทพ ดิ้นหนีใบเหลืองใบแดง ร้องศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำพิพากษาฯ อ้างองค์คณะไต่สวนกับองค์คณะตัดสินคนละองค์คณะขัดมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พร้อมยื่นกกต.ชะลอเลือกตั้งใหม่ ด้าน เลขา กกต.ยันเดินหน้าให้ฟ้องคดีอาญาเตรียมแจ้งความดำเนินคดีอาญาทันที เผยไม่หวั่นอิทธิพล “เทพเทือก”
วันนี้ (1 มิ.ย.) นายธานี เทือกสุบรรณ อดีตนายก อบจ. สุราษฎร์ธานี ซึ่งถูกศาลสั่งให้ใบเหลือง พร้อมด้วย นายสุริญญา ยืนนาน ผู้สมัคร ส.อบจ.สมุย ซึ่งศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายเชน เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความ ได้มายื่นเรื่องร้องต่อ กกต.เพื่อขอให้ยืดเวลาในการจัดการเลือกตั้ง นายก อบจ. สุราษฎร์ธานี และสมาชิกสภาจังหวัดเขต อ.เกาะสมุย ออกไป โดย นายธานี ให้เหตุผลว่า ก่อนหน้านี้ ตน และ นายสุริญญา ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพื่อขอคัดค้านการพิพากษา เนื่องจากองค์คณะที่ตัดสินในคดีนี้กลับเป็นคนละองค์คณะที่รับฟังการไต่สวนคดีมาโดยตลอด ซึ่งเราเห็นว่าการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้อง ทั้งนี้การยื่นร้องต่อศาลในครั้งนี้ สามารถกระทำได้ภายใน 8 วันนับแต่วันตัดสินคดี
นายธานี กล่าวต่อว่า การยื่นเรื่องคัดค้านคำสั่งศาลและขอให้ กกต.เลื่อนการจัดการเลือกตั้งออกไปนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการดำรงตำแหน่งของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และยืนยันว่า นายสุเทพ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และในวันที่เกิดเหตุ ตนก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์แต่อย่างใด ส่วนเรื่องการที่ตนจะลงสมัครอีกครั้งหรือไม่นั้น ต้องดูว่า กกต.จะตีความอย่างไร เพราะมีผู้ตีความตนอยู่ครบหนึ่งปีก็น่าจะนับเป็นหนึ่งวาระ โดยตามกฎหมายก็ห้ามดำรงตำแหน่งผู้บริหารเกินสองวาระ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลกับกระแสสังคมในขณะนี้หรือไม่ นายธานี กล่าวว่า เราไม่กังวล เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความจริง ครั้งนั้น นายสุเทพ ไปทำตามหน้าที่ และลงพื้นที่เยี่ยมราษฎรเท่านั้น และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุเทพแต่อย่างใด เนื่องจากนายสุเทพลงพื้นที่ที่จังหวัดทางภาคใต้
ด้าน นายเชน กล่าวถึงเหตุผลในการร้องคัดค้านคำพิพากษา ว่า ในวันที่ไปฟังคำพิพากษา ก็เห็นแล้วว่าองค์คณะที่ออกนั่งอ่านคำสั่งเป็นคนละองค์คณะกับที่ไต่สวนพยานมาตลอด แต่ก็ไม่ได้คัดค้านในทันที เพราะอาจจะเข้าข่ายหมิ่นศาล ทั้งนี้ การเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาครั้งนี้ปราศจากเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอื่น เพราะผู้พิพากษาเดิมก็ยังไม่พ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่ อีกทั้งมิได้กระทำความผิด ไม่ถูกคัดค้าน และถอนตัวออกไป รวมถึงไม่มีกรณีใดๆ ที่กระทบกระเทือนต่อความยุติธรรม ในระหว่างการพิจารณา ตามที่บัญญัติไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ประกอบกับกรณีดังกล่าวไม่ได้มีการประชุมใหญ่ของศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือที่ประชุมใหญ่ในคดีเลือกตั้ง ที่จะส่งผลให้เปลี่ยนผู้พิพากษาที่มานั่งอ่านคำสั่งมีอำนาจแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังเคยมีมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่ 99/2504 ระบุว่า “การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่ได้ร่วมรับฟังแถลงการณ์มาร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยนัยแห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183, 184 ประกอบมาตรา 215 และยังอาจทำให้มีการจูงใจเป็นเหตุให้ผู้พิพากษาที่นั่งรับฟังแถลงการณ์มีความเห็นปรวนแปรอย่างไรบ้างก็ได้ด้วย คำพิพากษานั้นจึงเป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1205/2473 จึงให้ยกคำพิพากษาและให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตามรูปคดี” เมื่อเป็นเช่นนี้จะเห็นว่าการลงนามคำพิพากษาขององค์คณะชุดใหม่ทั้งๆที่ไม่เคยนั่งพิจารณาคดีแม้แต่นัดเดียวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งเพิกถอนคำพิพากษาดังกล่าว
ด้าน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวเรื่องเดียวกันว่า วันเดียวกันนี้ได้ส่งโทรสารใบมอบอำนาจของ กกต.กลาง ไปยัง กกต.จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับ นายสุเทพ นายชุมพล กาญจนะ และ นายประพนธ์ นิลวัชรมณี ส.ส.สุราษฎร์ พรรคประชาธิปัตย์ ตามมติของ กกต.ส่วนที่ นายธานี มายื่นคำร้องขอชะลอการเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.จ.เขต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ออกไปนั้น ทางสำนักงาน กกต.จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณา แต่เบื้องต้นเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพากษา กกต.จะถือว่าคำสั่งศาลมีผลอยู่ ต้องดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ทาง กกต.กลางไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่า กกต.จังหวัดจะต้องแจ้งความดำเนินคดีเมื่อใด แต่โดยระบบแล้ว กกต.จังหวัดจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับเอกสารต่างๆ อาทิ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 และมติจาก กกต.กลาง แล้ว
เมื่อถามว่า นายสุเทพ เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จะมีปัญหาความล่าช้าในการดำเนินคดีของ กกต.จังหวัดและตำรวจหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ได้พูดคุยและกำชับกับ ผอ.กต.จว.สุราษฎร์ว่า ให้ทำงานภายใต้กรอบอำนาจที่มีอยู่ อย่างตรงไปตรงมา อย่าหวั่นไหวกับอิทธิพลใดๆ ซึ่งก็คิดว่าเมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ตำรวจก็ต้องปฏิบัติตามกฎกติกาที่มีอยู่
เมื่อถามต่อว่า มีข่าวว่า กกต.จังหวัดต้องการให้กกต.กลางเป็นผู้ดำเนินการแจ้งความในคดีนี้ นายสุทธิพล กล่าวว่า ในระบบที่ปฏิบัติมาหากเหตุเกิดในพื้นที่ใดก็จะให้พื้นที่นั้นรับผิดชอบ ซึ่งก็ต้องยึดแนวนี้ ไม่สามารถเลือกปฏิบัติได้ เว้นแต่จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่มีเหตุบ่งชี้ว่า กกต.จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะทำงานไม่ได้ เพราะจากการพูดคุยกับ ผอ.กกต.จังหวัดทราบว่า ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว