“เทพเทือก” ยันไม่ละอายใจเข้าข้างพรรคร่วมแก้รัฐธรรมนูญ รับประชาธิปัตย์ไม่ร่วมวงทำแก้สำเร็จยาก แต่เชื่อยังมองหน้าแกนนำติด ทำงานร่วมรัฐกันได้ พร้อมประคับประคองให้รัฐบาลอยู่นานเกิน 1 ปี
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมติพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ร่วมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วม ว่า ตนไม่มีความอัดอั้นใจ เวลาเราได้ยินพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่ต้องรับนำมาใส่ใจไว้ตลอด คือ ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง เพื่อชาติ บ้านเมือง ตามขอบเขตความรับผิดชอบให้เต็มที่ ซึ่งตนรับใส่เกล้าไว้ตลอดเวลา และยึดเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตไปจนถึงการปฏิบัติงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปมีอารมณ์ เพราะทุกอย่างมีธรรมชาติของมันเอง การเมืองก็มีธรรมชาติการเมือง ดังนั้นต้องทำใจให้ได้ เวลาที่มาเป็นนักการเมือง ที่หลายคนเป็นห่วงว่าตนอึดอัดใจกับมติของพรรคที่ออกมา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนมีความสุขกับการทำหน้าที่โดยทุกวินาทีที่ทำหน้าที่ก็ทำด้วยสำนึกรับผิดชอบ ที่เกิดเป็นคนไทยทั้งที ถ้าจะทำอะไรให้แผ่นดินดีขึ้นโดยวิธีไหนก็ตาม จะพยายามทำ
เมื่อถามว่าในเมื่อทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลไม่เป็นผลสำเร็จอย่างนี้แล้วจะพิจารณาตัวเองอย่างไร นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า มีคนพยายามยั่วยุตนอย่างนี้อยู่เรื่อย แต่ตนคิดว่า ตั้งแต่ทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลมากว่า 1 ปี ถือว่าได้ทำงานประผลสำเร็จมาก แต่ถ้าพูดมากไปก็จะหาว่ายอตัวเอง แต่ที่ผ่านมาทำหน้าที่ดีที่สุด และไม่เห็นข้อผิดพลาดที่เสียหายต่อประเทศ ตนเป็นคนชักชวนพรรคร่วมให้มาแก้ปัญหาของประเทศ โดยยึดประโยชน์บ้านเมืองเป็นตัวตั้ง แต่เป็นเรื่องปกติที่ทำงานด้วยกัน ก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ตนมีน้ำใจและความจริงใจให้พรรคร่วมมาโดยตลอด ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของตนในที่ต่างๆได้ให้เกียรติและความสำคัญกับพรรค ร่วมเช่นกัน แต่ตนอ่านเจอจากสื่อที่ระบุว่าเป็นเรื่องน่าละอายที่ตนไปพูดเข้าข้างพรรค ร่วมรัฐบาล ก็ต้องชี้แจงว่าตนไม่ได้ละอายอะไร ในเมื่อทำงานด้วยกันก็ต้องมีใจให้กันเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีเสียงซุบซิบจาก ส.ส.ที่ใกล้ชิดนายสุเทพออกมาพูดว่า ไม่คิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะกล้าหักกับเลขาธิการพรรคขนาดนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ส.ส.ที่พูดอาจเป็น ส.ส.ใหม่ ตนเคยย้ำไปหลายครั้งแล้วว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรม ประเพณีทางการเมืองไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นตามความคิดของแต่ละคนได้อย่างเสรี แม้แต่ ส.ส.ใหม่ ก็สามารถลุกขึ้นพูดแสดงเหตุผลตรงข้ามกับ ส.ส.ที่อยู่มา 30 - 40 ปีได้ ถือเป็นเรื่องปกติ มีหลายเรื่องที่ตนเห็นตรงกับนายกรัฐมนตรี แต่หลายเรื่องนายกรัฐมนตรีก็เห็นไม่เหมือนกับตน แต่พรรคจะเปิดให้แสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ จากนั้นจะให้สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสิน ทั้งหมดนี้คือประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องว่าใครหักกับใคร
เมื่อถามว่า หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติออกมา ได้โทรศัพท์ประสานพรรคร่วมเพื่อทำความเข้าใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตั้งใจว่าหลังเปิดสมัยประชุมจะเอาคำตอบไปบอกกับพรรคร่วม แต่เทคโนโลยีสมัยนี้สูง ที่ประชุมยังอภิปรายไม่เสร็จสื่อก็ออกข่าวกันไปหมดแล้ว ตนคงไม่ต้องไปแล้ว เพราะเขาก็รู้กันหมดแล้วว่าตนอภิปรายอย่างไร นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรีอภิปรายอย่างไรบ้าง ก็ชัดเจนหมดแล้ว เมื่อถามว่า แสดงว่าต่อไปนี้อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิดใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ตนต้องทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงให้เต็มที่ รวมทั้งช่วยรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้ดีที่สุด เมื่อรัฐบาลเข้มแข็ง ยืนหยัดบริหารประเทศได้ โอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศก็จะดีขึ้นตามไปด้วย และปัญหาทางการเมืองก็จะค่อยๆคลี่คลายขึ้นตามลำดับ เมื่อถามว่า จะเป็นกาวใจในการประสานกับพรรคร่วมอย่างไร เพื่อให้การทำงานกับพรรคร่วมไม่เกิดอุปสรรค นายสุเทพ กล่าวว่า ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตน คงไม่มีคนอื่นที่จะสามารถไปคุยกับพรรคร่วมได้ เพราะไม่เคยคบค้าใกล้ชิดกันมาก่อน ถึงอย่างไรตนก็คงต้องไปหา ไปพูดกับพรรคร่วม มีเรื่องอะไรก็คุยกันให้เข้าใจ โดยอธิบายไปตามความเป็นจริง เพราะการพูดความจริงถือว่าดีที่สุด เวลาพูดกับใครควรจะยึดความจริงเป็นที่ตั้ง
นายสุเทพ กล่าวว่า การทำงานการเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลพรรคร่วมมีเรื่องมากมายที่ต้องทำและแก้ปัญหา ให้กับบ้านเมือง แต่ประเด็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี้เป็นแค่เรื่องหนึ่งที่ยกขึ้นมาพูดคุย และพรรคร่วมถือเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ได้มีผลได้ผลเสียที่กระทบกับประชาชนและบ้านเมือง ดังนั้นต้องตัดใจ ตนก็จะไปบอกว่าเรื่องนี้เป็นแค่ประเด็นเดียว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังทำงานร่วมกันได้ เมื่อถามว่า การทำงานต่อจากนี้ พรรคร่วมจะเชื่อใจพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร เพราะสัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนตั้งรัฐบาลก็ยังละทิ้งได้ นายสุเทพ กล่าวว่า บางครั้งคนเราต้องอดทน อดกลั้น โดยเห็นกับเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของบ้านเมือง เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่พรรคร่วมระบุว่าจะหันไปร่วมมือกับฝ่ายค้านแทน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะพรรคร่วมมีเสรีที่จะคิดอย่างไรก็ได้ แต่ตนจะไปพูดคุยเพื่อบอกว่าให้อยู่ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อช่วยกันประคับประคองรัฐบาลต่อไปถือว่าดีที่สุดแล้ว เมื่อถามว่า ยังคิดว่าพรรคร่วมจะเชื่อคำพูดอยู่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ตนจะไปคุยไม่ได้ไปหลอกลวง ต้มตุ๋น แต่เอาหัวใจไปคุยกัน ถือเป็นหน้าที่ ตนเป็นคนขยัน แม้สติปัญญาไม่ดี ไม่ฉลาด แต่ยืนยันว่าขยัน
เมื่อถามว่า จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯออกมาระบุหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังมีเสียงครบอยู่ ใครบอกว่ารัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย ยืนยันว่าวันนี้เสียงยังครบ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่ากลุ้มใจไปก่อน เมื่อถามว่า แต่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะปล่อยฟรีโหวตเหมือนกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่านายชวรัตน์หมายความตามนั้นหรือไม่ อาจหมายความว่าเป็นขั้นตอนของการยื่นร่างแก้ไขมากกว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่ได้ยิน เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่พรรคร่วมจะแก้เผ็ดด้วยการปล่อยให้ ส.ส.ฟรีโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ฟรีโหวตเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่โหวต ส.ส. 48 คนที่ตั้งใจจะไปร่วมโหวตนั้น พอเสียงส่วนใหญ่บอกว่ามติของพรรคออกมาเป็นเช่นนี้ ก็ต้องทำตามอีก 82 คนที่มีมติว่าจะไม่โหวต ที่จะมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยฟรีโหวตแล้วเขาจะแก้เผ็ดด้วยการปล่อยฟรี โหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อถามว่า หากถึงเวลาโหวตจริง จะมี ส.ส.เปลี่ยนใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การเมืองมีปัจจัยใหม่และเหตุการณ์ใหม่ๆเข้ามาตลอด ก็อาจทำให้มีโอกาสแก้ไขได้ เมื่อถามว่า จะกลายเป็นยิ่งกว่าฟรีโหวต คือ โหวตสวนมติของพรรคหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะใช้อะไรดึงพรรคร่วมเอาไว้ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องอยู่ที่หัวใจของพรรคร่วมว่าจะเอาบ้านเมืองอยู่รอดกันก่อนหรือไม่ วันนี้เมื่อเรามาเป็นรัฐบาลแล้ว ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง เมื่อถามว่า แต่พรรคร่วมระบุว่าเสียความรู้สึกกับพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนก็มีธรรมชาติอยู่ บางวันก็ดีใจ บางวันก็เสียใจ บางวันก็มีความรู้สึกดี บางวันก็เสียความรู้สึกบ้าง เป็นปกติ เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้ถึงขั้นมีการมองว่าถ้าทำงานร่วมกันไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์อาจเลือกวิธียุบสภา นายสุเทพ กล่าวว่า ทำงานร่วมกันได้แน่นอน นายกฯก็บอกกับสื่อชัดเจนแล้วว่าไม่ยุบสภา ซึ่งไม่ใช่ว่าก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจแบบนี้ รู้อยู่แล้วว่าถึงอย่างไรพรรคร่วมก็จะไม่หนีไป พรรคร่วมก็มีความคิดของเขา ตนก็พยายามจะอธิบายชี้แจงกับเพื่อนร่วมพรรคทุกอย่างทุกแง่มุมเท่าที่จะสามารถพูดได้ แต่เมื่อเหตุการณ์มาเป็นอย่างนี้ตนก็ต้องพยายามคุยกับพรรคร่วมต่อไป ซึ่งก็เป็นไปได้ที่นายกฯจะไปพบปะกับพรรคร่วมรัฐบาลเอง เมื่อถามว่า แล้วจะมองหน้ากันติดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มองหน้ากันติด มองหน้ากันธรรมดา ตนว่าถ้ามีความจริงแล้วพูดความจริงกันก็มองหน้ากันธรรมดา เพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน ไม่ได้เป็นศัตรู ต้องมีความอาฆาตอะไรกันจนถึงขั้นตั้งใจไม่มองหน้ากันเลยก็ไม่ใช่ เพียงแต่ว่ามีความคิดเห็นทางการเมืองต่อประเด็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญไม่ตรง กันเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า มีการมองไปถึงอายุของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อายุของรัฐบาลตนก็พยายามประคองให้ยาวที่สุด ถ้าตนทำได้ ส่วนตัวก็ตั้งใจว่าอยากให้รัฐบาลอยู่อีกปีกว่าๆ เพราะงานที่กำลังทำให้ประชาชนกำลังดีขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนมีความสุขมากขึ้นกว่าช่วงของรัฐบาลที่แล้ว ดังนั้นเราก็ควรพยายามทำต่อไป เมื่อถามว่า สรุปแล้วเรื่องนี้จะไม่ทำให้รัฐบาลอายุสั้นใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ใช่ ช่วยกันมองโลกในแง่ดีหน่อย เมื่อถามว่า ได้ต่อสายคุยกับนายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องต่อสาย เพราะนายบรรหารคงได้ยินหมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าจะคุยด้วยยากหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ไม่ยาก คุยกันธรรมดา