ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดร.ฟ.ท.เห็นชอบชื่อ “บริษัท เดินรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด” บริษัทลูกเดินรถแอร์พอร์ตลิ้งค์ สั่งจดทะเบียนใน 15 วัน ขณะที่ยังมีปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระบบ เสี่ยง ICE รับรองความปลอดภัยระบบไม่ทัน เม.ย. เชื่อเปิดได้ก็แค่บางส่วนซึ่งเก็บเงินไม่ได้ คาดเปิดเต็มระบบเชิงพาณิชย์ส.ค. “โสภณ” สั่งตั้งกรรมการติดตามงาน เร่งเปิดเม.ย.ให้ได้ เมินสหภาพฯ ร.ฟ.ท.ค้านตั้งบริษัทลูก ชี้ที่ผ่านมาชี้แจงแล้วไม่มีเสียงค้าน
นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุม วานนี้ (19 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตั้งบริษัทเดินรถ โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) ชื่อ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด โดยให้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเสร็จสิ้นภายใน 15 วัน
พร้อมกันนี้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการ เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถได้ตามกำหนดเดือนเม.ย.2553 เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีอีกหลายงานที่ยังไม่เสร็จสิ้น เช่น การเจรจาต่อรองค่าจ้างบริหารการเดินรถกับการรถไฟแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หรือ Deutsche Bahn AG (DB) เพื่อว่าจ้างให้เข้ามาเดินรถ 3 ปีแรก ซึ่งต้องรอหลังการจัดตั้งบริษัทเดินรถแล้วเสร็จ, ระบบเช็คอินที่สถานีมักกะสัน ซึ่งในช่วงแรกของการเดินรถจึงยังคงไม่สามารถเก็บค่าโดยสารเต็มราคาได้ โดยงานติดตั้งระบบทั้งหมดจะเสร็จสิ้นปลายเดือนก.พ.2553 ซึ่งการทดสอบการเดินรถร่วมกับระบบต่างๆ จึงยังไม่สมบูรณ์ดี โดยการเปิดเดินรถในเดือนเม.ย.นี้ จะเป็นเพียงการเปิดบริการบางส่วนเท่านั้น ส่วนการเปิดสมบูรณ์เต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ต้องรอเดือนส.ค.2553
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า มีความเป็นห่วงโครงการว่าอาจจะมีการล่าช้าออกไปจากแผนเดิม จึงตั้งคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าและแก้ไข และให้รายงานโดยตรงทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้โครงการสามารถที่จะเปิดให้บริการตามแผนที่ร.ฟ.ท.กำหนดเดือนเม.ย.2553
สำหรับปัญหาที่สหภาพแรงงานรัฐวิสหากิจร.ฟ.ท.คัดค้านการจัดตั้งบริษัทลูกนั้น ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม รวมทั้งผู้บริหารร.ฟ.ท.ได้รับฟังข้อเสนอแนะของสหภาพฯ ทุกอย่าง และก่อนหน้านี้ได้มีการชี้แจงแผนการปรับปรุงโครงสร้างให้กับพนักงานทุกคนรับฟังแล้ว และก็ไม่มีการออกมาคัดค้านแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.ได้เปิดทดลองระบบแอร์พอร์ตลิ้งค์อย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ธ.ค.2552 โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า บี.กริมม์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีบริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาโครงการ ส่งมอบงานก่อสร้าง ให้ร.ฟ.ท.เมื่อพ.ย.2552 ส่วนงานระบบจะส่งมอบในก.พ.2553 จากนั้นจะต้องมีการทดสอบและเชื่อมระบบทั้งหมด
รวมทั้งจะต้องให้ที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ (Independent safety and system Certification Engineer : ICE) เข้ามาตรวจสอบ เพื่อออกใบรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับร.ฟ.ท. จากนั้นจึงดำเนินการเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้
ก่อนหน้านี้ ในการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2553ฝ่ายบริหารร.ฟ.ท.ได้รายงานว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าว ยังมีปัญหาใหญ่ๆ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.เรื่องของระบบติดต่อสื่อสารแต่ละสถานียังไม่มีความสมบูรณ์ 100 % โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีการเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยในสถานี 2.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพิ่มเติมในจุดที่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของโครงการ และ3.ระบบประตูภายในสถานีบางแห่งยังไม่มีความเรียบร้อย ซึ่งร.ฟ.ท.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.ได้หารือถึง แผนแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ ร.ฟ.ท. วงเงิน 153,052 ล้านบาท ตามที่ครม.ได้เห็นชอบ และสั่งให้กระทรวงคมนาคมกลับไปจัดทำรายละเอียดในการจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนก่อนเสนอกลับให้ที่ครม.พิจารณาอีกครั้งภายใน 45 วัน โดยที่ประชุมได้พิจารณาการจัดลำดับความสำคัญของโครงการการลงทุนดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นวงเงินดังกล่าวร.ฟ.ท.จะนำมาใช้กับการปรับปรุงระบบรางรถไฟ การเปลี่ยนไม้หมอนรางรถไฟ และการปรับปรุงระบบความปลอดภัย ก่อนรวบรวมรายละเอียดเพื่อเสนอให้ครม.พิจารณา ตามกำหนด
ส่วนการปรับปรุงระบบความปลอดภัยนั้น ที่ผ่านมาสำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและการขนส่ง (สนข.) ได้มีแผนการแก้ไขปัญหาจุดตัดดังกล่าวทั่วประเทศ ที่มีมากถึง 2,400 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนกับทางรถไฟของกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยเบื้องต้นจะแก้ไขด้วยการใช้งบประมาณจากทั้งสองหน่วยงาน ติดตั้งสิ่งกีดขวาง ก่อสร้างทางลอด เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ
นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุม วานนี้ (19 ม.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตั้งบริษัทเดินรถ โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) ชื่อ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด โดยให้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเสร็จสิ้นภายใน 15 วัน
พร้อมกันนี้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการ เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถได้ตามกำหนดเดือนเม.ย.2553 เนื่องจากขณะนี้พบว่ายังมีอีกหลายงานที่ยังไม่เสร็จสิ้น เช่น การเจรจาต่อรองค่าจ้างบริหารการเดินรถกับการรถไฟแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หรือ Deutsche Bahn AG (DB) เพื่อว่าจ้างให้เข้ามาเดินรถ 3 ปีแรก ซึ่งต้องรอหลังการจัดตั้งบริษัทเดินรถแล้วเสร็จ, ระบบเช็คอินที่สถานีมักกะสัน ซึ่งในช่วงแรกของการเดินรถจึงยังคงไม่สามารถเก็บค่าโดยสารเต็มราคาได้ โดยงานติดตั้งระบบทั้งหมดจะเสร็จสิ้นปลายเดือนก.พ.2553 ซึ่งการทดสอบการเดินรถร่วมกับระบบต่างๆ จึงยังไม่สมบูรณ์ดี โดยการเปิดเดินรถในเดือนเม.ย.นี้ จะเป็นเพียงการเปิดบริการบางส่วนเท่านั้น ส่วนการเปิดสมบูรณ์เต็มรูปแบบเชิงพาณิชย์ต้องรอเดือนส.ค.2553
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า มีความเป็นห่วงโครงการว่าอาจจะมีการล่าช้าออกไปจากแผนเดิม จึงตั้งคณะกรรมการติดตามความคืบหน้าและแก้ไข และให้รายงานโดยตรงทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้โครงการสามารถที่จะเปิดให้บริการตามแผนที่ร.ฟ.ท.กำหนดเดือนเม.ย.2553
สำหรับปัญหาที่สหภาพแรงงานรัฐวิสหากิจร.ฟ.ท.คัดค้านการจัดตั้งบริษัทลูกนั้น ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม รวมทั้งผู้บริหารร.ฟ.ท.ได้รับฟังข้อเสนอแนะของสหภาพฯ ทุกอย่าง และก่อนหน้านี้ได้มีการชี้แจงแผนการปรับปรุงโครงสร้างให้กับพนักงานทุกคนรับฟังแล้ว และก็ไม่มีการออกมาคัดค้านแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.ได้เปิดทดลองระบบแอร์พอร์ตลิ้งค์อย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ธ.ค.2552 โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า บี.กริมม์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีบริษัท ซิโน-ไทยเอ็นจิเนียริง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาโครงการ ส่งมอบงานก่อสร้าง ให้ร.ฟ.ท.เมื่อพ.ย.2552 ส่วนงานระบบจะส่งมอบในก.พ.2553 จากนั้นจะต้องมีการทดสอบและเชื่อมระบบทั้งหมด
รวมทั้งจะต้องให้ที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ (Independent safety and system Certification Engineer : ICE) เข้ามาตรวจสอบ เพื่อออกใบรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับร.ฟ.ท. จากนั้นจึงดำเนินการเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้
ก่อนหน้านี้ ในการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2553ฝ่ายบริหารร.ฟ.ท.ได้รายงานว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าว ยังมีปัญหาใหญ่ๆ จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.เรื่องของระบบติดต่อสื่อสารแต่ละสถานียังไม่มีความสมบูรณ์ 100 % โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีการเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยในสถานี 2.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพิ่มเติมในจุดที่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของโครงการ และ3.ระบบประตูภายในสถานีบางแห่งยังไม่มีความเรียบร้อย ซึ่งร.ฟ.ท.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดร.ฟ.ท.ได้หารือถึง แผนแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ ร.ฟ.ท. วงเงิน 153,052 ล้านบาท ตามที่ครม.ได้เห็นชอบ และสั่งให้กระทรวงคมนาคมกลับไปจัดทำรายละเอียดในการจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนก่อนเสนอกลับให้ที่ครม.พิจารณาอีกครั้งภายใน 45 วัน โดยที่ประชุมได้พิจารณาการจัดลำดับความสำคัญของโครงการการลงทุนดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นวงเงินดังกล่าวร.ฟ.ท.จะนำมาใช้กับการปรับปรุงระบบรางรถไฟ การเปลี่ยนไม้หมอนรางรถไฟ และการปรับปรุงระบบความปลอดภัย ก่อนรวบรวมรายละเอียดเพื่อเสนอให้ครม.พิจารณา ตามกำหนด
ส่วนการปรับปรุงระบบความปลอดภัยนั้น ที่ผ่านมาสำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและการขนส่ง (สนข.) ได้มีแผนการแก้ไขปัญหาจุดตัดดังกล่าวทั่วประเทศ ที่มีมากถึง 2,400 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนกับทางรถไฟของกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) โดยเบื้องต้นจะแก้ไขด้วยการใช้งบประมาณจากทั้งสองหน่วยงาน ติดตั้งสิ่งกีดขวาง ก่อสร้างทางลอด เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุ
