ASTVผู้จัดการรายวัน – หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่จี้นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่บนความถูกต้องสั่งก.ตร.ทำตามมติ ป.ป.ช. ลั่นหากก.ตร.ไม่รับมติเชือด 3 นายพลตำรวจฆาตกรพันธมิตรพร้อมนัดชุมนุมขับไล่ทันที ยอมรับไม่มีน้ำยาซื้อเสียงเหมือนการเมืองน้ำเน่าแต่จะสร้างความแตกต่างให้ประชาชนเห็น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่(ก.ม.ม.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ แอน จินดารัตน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี วานนี้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่บนหลักแห่งความถูกต้องโดยน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปฏิบัติตนที่ว่า “คนเรามีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด” ซึ่งฟังดูเหมือนง่ายแต่ถ้านายกฯ รวมทั้งประชาชนคนไทยทุกคนยึดถือและนำมาปฏิบัติตามแล้วปัญหาต่างๆ ในประเทศไทยก็จะหมดไป
โดยเฉพาะปัญหาที่คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติหรือก.ตร.ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ที่มีมติว่านายพลตำรวจ 3 นายมีความผิดร้ายแรงจากกรณีมีส่วนรู้เห็นในการสังหารประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2550 และปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงทำร้ายประชาชนที่จ.อุดรธานี แต่กลับพยายามดึงดันไม่ทำตามมติป.ป.ช.และเตรียมเสนอให้นายกฯ นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อส่งให้กฤษฎีกาตีความอีกครั้ง
“ตอนนี้หน้าที่ของก.ตร.มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือปลดออกหรือไล่ออกนายตำรวจทั้ง 3 ตามมติของ ป.ป.ช.แต่กลับไม่ยอมทำ โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่พยายามทำตัวเป็นเครื่องมือของตำรวจบางพวกและกลุ่มอำนาจใหม่ไม่ต่างกับสมัยที่ทักษิณยังเป็นนายกฯ ที่ไม่ยอมทำอะไรบนความถูกต้อง เรื่องนี้ป.ป.ช.บอกจบแล้วก็ต้องจบ ทั้งนี้ถ้าก.ตร.ไม่รับมติป.ป.ช.พันธมิตรฯ ก็อาจลุกขึ้นมาสู้” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เดินทางไปหลายที่เพื่อรักษาตัวที่ประเทศจีนและเรียนรู้เรื่องต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งจากการเดินทางมาตลอดชีวิตไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทยเพราะเมืองไทยมีพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีเป็นหลักยึดมั่นของประชาชนชาวไทย แต่ข้อเสียของไทยคือมีนักการเมืองที่เลวและผู้นำที่ขาดความกล้าหาญ ขาดวิสัยทัศน์ทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายไม่เอาความถูกต้องมาเป็นตัวตั้ง กลับไปสมานฉันท์ในสิ่งที่ผิด
ซึ่งหากผู้นำประเทศทำหน้าที่บนพื้นฐานของความถูกต้องปัญหาทุกอย่างที่รุมเร้าประเทศไทยก็จะจบลงอย่างแน่นอน นายกฯ ในตอนนี้ยังขาดความกล้าหาญไม่ต้องไปเกรงใจใคร เนื่องจากการทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อส่วนรวม จะไปเกรงใจใครไม่ได้ ดูอย่างประเทศไต้หวันที่มีปัญหาขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่ายทางการเมืองมานานหลายสิบปีแต่ปัญหาก็ไม่จบเพราะไม่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแต่เรามีพระเจ้าอยู่หัวถ้าเราทำตามพระราชดำรัสของพระองค์ปัญหาทุกอย่างก็จบ
“ในความเห็นส่วนตัวแล้วการเมืองในขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ถ้าการเมืองยังเป็นการเมืองยังเป็นแบบนี้ เป็นการเมืองทอนสตางค์ มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอยู่ไม่จบ นายกฯ ทำตัวลอยเหนือปัญหา รัฐบาลเป็นพรรคร่วมแต่ละกระทรวงโกงกินกันหมดมหาศาลแต่เป้าหมายไม่ชัดเจนเหมือนสมัยทักษิณที่การโกงถูกรวมศูนย์ไว้ที่เขาผู้เดียว” นายสนธิกล่าว
หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กล่าวว่า ส่วนการดูถูกพรรคการเมืองใหม่นั้นต้องยอมรับว่าเราไม่มีน้ำยาในการซื้อเสียงอยู่แล้วเรามีความต้องการเข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนแต่ไม่ได้เข้ามาด้วยความชั่วด้วยการซื้อเสียงเหมืองการเมืองที่สกปรกในทุกวันนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยทักษิณ ชินวัตร สมัคร สุมทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยมีหัวหน้ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาจับเรื่องกลโกงซึ่งเป็นที่มาของการเลือกตั้งไม่สกัดการซื้อเสียงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
ทั้งนี้ พรรคการเมืองใหม่เราทำเต็มที่แต่ก็คงไม่ได้เสียงจำนวนมากเพราะซื้อเสียงไม่ได้แต่จะทำให้คนในประเทศเห็นความแตกต่างของพรรคการเมืองที่ไม่มีการซื้อเสียง ซึ่งเชื่อว่าระยะยาวจะสามารถทำได้สำเร็จแต่ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันธรรมไม่เคยชนะอธรรมได้เร็วถูกรังแกมาตลอดแต่สุดท้ายไม่ว่านานแค่ไหนธรรมก็ชนะอธรรมได้ในที่สุด
“เราเป็นคนที่มีคุณธรรม อยู่ในศีลธรรม พันธมิตรฯ หลายคนจับตาดูผมอยู่ว่าความอดทนจะมีแค่ไหนผมต้องอดทนถึงที่สุดอย่าดีแตก ถ้าผมพลิกขั้วกลับข้างเงินทองมากมายเท่าไหร่ผมก็มีได้ แต่หลายๆ คนบอกไว้ว่า นายสนธินี่ ขอไม่ได้ ซื้อไม่ขาย ต้องฆ่ามัน จึงมีกฐินสามัคคีมารุมฆ่าผม ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้วในชีวิตนี้ ผมจะสู้จนกว่าความถูกต้องจะกลับมาอยู่ในสังคมไทยได้อย่างถาวร” หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กล่าว
ทั้งนี้ หากสังคมไทยเฉยเมยต่อความไม่ถูกต้องคิดว่าธุระไม่ใช่แล้วทุกอย่างทุกวงการจะล่มสลายหมด ไม่เหลืออะไรเหลืออย่างเดียวคือพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่เราทุกคนต้องออกมาปกป้อง ซึ่งสังคมไทยตอนนี้กลับตาลปัดมากเพราะคนที่ยืนหยัดบนความถูกต้องกลับถูกปฏิเสธจากสังคมแต่คนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วรอบล้อมไปด้วยความทุจริตคนไทยกลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์
นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่(ก.ม.ม.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ แอน จินดารัตน์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี วานนี้ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่บนหลักแห่งความถูกต้องโดยน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปฏิบัติตนที่ว่า “คนเรามีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด” ซึ่งฟังดูเหมือนง่ายแต่ถ้านายกฯ รวมทั้งประชาชนคนไทยทุกคนยึดถือและนำมาปฏิบัติตามแล้วปัญหาต่างๆ ในประเทศไทยก็จะหมดไป
โดยเฉพาะปัญหาที่คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติหรือก.ตร.ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ที่มีมติว่านายพลตำรวจ 3 นายมีความผิดร้ายแรงจากกรณีมีส่วนรู้เห็นในการสังหารประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2550 และปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงทำร้ายประชาชนที่จ.อุดรธานี แต่กลับพยายามดึงดันไม่ทำตามมติป.ป.ช.และเตรียมเสนอให้นายกฯ นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อส่งให้กฤษฎีกาตีความอีกครั้ง
“ตอนนี้หน้าที่ของก.ตร.มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้นคือปลดออกหรือไล่ออกนายตำรวจทั้ง 3 ตามมติของ ป.ป.ช.แต่กลับไม่ยอมทำ โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่พยายามทำตัวเป็นเครื่องมือของตำรวจบางพวกและกลุ่มอำนาจใหม่ไม่ต่างกับสมัยที่ทักษิณยังเป็นนายกฯ ที่ไม่ยอมทำอะไรบนความถูกต้อง เรื่องนี้ป.ป.ช.บอกจบแล้วก็ต้องจบ ทั้งนี้ถ้าก.ตร.ไม่รับมติป.ป.ช.พันธมิตรฯ ก็อาจลุกขึ้นมาสู้” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เดินทางไปหลายที่เพื่อรักษาตัวที่ประเทศจีนและเรียนรู้เรื่องต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งจากการเดินทางมาตลอดชีวิตไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าเมืองไทยเพราะเมืองไทยมีพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีเป็นหลักยึดมั่นของประชาชนชาวไทย แต่ข้อเสียของไทยคือมีนักการเมืองที่เลวและผู้นำที่ขาดความกล้าหาญ ขาดวิสัยทัศน์ทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายไม่เอาความถูกต้องมาเป็นตัวตั้ง กลับไปสมานฉันท์ในสิ่งที่ผิด
ซึ่งหากผู้นำประเทศทำหน้าที่บนพื้นฐานของความถูกต้องปัญหาทุกอย่างที่รุมเร้าประเทศไทยก็จะจบลงอย่างแน่นอน นายกฯ ในตอนนี้ยังขาดความกล้าหาญไม่ต้องไปเกรงใจใคร เนื่องจากการทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อส่วนรวม จะไปเกรงใจใครไม่ได้ ดูอย่างประเทศไต้หวันที่มีปัญหาขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่ายทางการเมืองมานานหลายสิบปีแต่ปัญหาก็ไม่จบเพราะไม่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองแต่เรามีพระเจ้าอยู่หัวถ้าเราทำตามพระราชดำรัสของพระองค์ปัญหาทุกอย่างก็จบ
“ในความเห็นส่วนตัวแล้วการเมืองในขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ถ้าการเมืองยังเป็นการเมืองยังเป็นแบบนี้ เป็นการเมืองทอนสตางค์ มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอยู่ไม่จบ นายกฯ ทำตัวลอยเหนือปัญหา รัฐบาลเป็นพรรคร่วมแต่ละกระทรวงโกงกินกันหมดมหาศาลแต่เป้าหมายไม่ชัดเจนเหมือนสมัยทักษิณที่การโกงถูกรวมศูนย์ไว้ที่เขาผู้เดียว” นายสนธิกล่าว
หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กล่าวว่า ส่วนการดูถูกพรรคการเมืองใหม่นั้นต้องยอมรับว่าเราไม่มีน้ำยาในการซื้อเสียงอยู่แล้วเรามีความต้องการเข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนแต่ไม่ได้เข้ามาด้วยความชั่วด้วยการซื้อเสียงเหมืองการเมืองที่สกปรกในทุกวันนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยทักษิณ ชินวัตร สมัคร สุมทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยมีหัวหน้ารัฐบาลชุดไหนเข้ามาจับเรื่องกลโกงซึ่งเป็นที่มาของการเลือกตั้งไม่สกัดการซื้อเสียงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
ทั้งนี้ พรรคการเมืองใหม่เราทำเต็มที่แต่ก็คงไม่ได้เสียงจำนวนมากเพราะซื้อเสียงไม่ได้แต่จะทำให้คนในประเทศเห็นความแตกต่างของพรรคการเมืองที่ไม่มีการซื้อเสียง ซึ่งเชื่อว่าระยะยาวจะสามารถทำได้สำเร็จแต่ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันธรรมไม่เคยชนะอธรรมได้เร็วถูกรังแกมาตลอดแต่สุดท้ายไม่ว่านานแค่ไหนธรรมก็ชนะอธรรมได้ในที่สุด
“เราเป็นคนที่มีคุณธรรม อยู่ในศีลธรรม พันธมิตรฯ หลายคนจับตาดูผมอยู่ว่าความอดทนจะมีแค่ไหนผมต้องอดทนถึงที่สุดอย่าดีแตก ถ้าผมพลิกขั้วกลับข้างเงินทองมากมายเท่าไหร่ผมก็มีได้ แต่หลายๆ คนบอกไว้ว่า นายสนธินี่ ขอไม่ได้ ซื้อไม่ขาย ต้องฆ่ามัน จึงมีกฐินสามัคคีมารุมฆ่าผม ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้วในชีวิตนี้ ผมจะสู้จนกว่าความถูกต้องจะกลับมาอยู่ในสังคมไทยได้อย่างถาวร” หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กล่าว
ทั้งนี้ หากสังคมไทยเฉยเมยต่อความไม่ถูกต้องคิดว่าธุระไม่ใช่แล้วทุกอย่างทุกวงการจะล่มสลายหมด ไม่เหลืออะไรเหลืออย่างเดียวคือพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่เราทุกคนต้องออกมาปกป้อง ซึ่งสังคมไทยตอนนี้กลับตาลปัดมากเพราะคนที่ยืนหยัดบนความถูกต้องกลับถูกปฏิเสธจากสังคมแต่คนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วรอบล้อมไปด้วยความทุจริตคนไทยกลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา