คดีที่ ทักษิณ ชินวัตร ดิ้นพราดอยู่ขณะนี้คือ คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาแล้วในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ภายหลังจากการเบิกความพยานโจทก์ปากสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 มกราคม
ผลของคดีจะเป็นประการใดย่อมขึ้นอยู่กับวิจารณญาณขององค์คณะตุลาการที่มีหน้าที่พิจารณาเรื่องนี้
และแน่นอน ผลของคดีจะส่งผลกระทบต่อความเป็นไปของอนาคตบ้านเมือง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ยึด หรือไม่ยึด
หากยึด ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งสติแตกอยู่แล้วจะคลั่งหนัก อาจจะสั่งการให้บรรดาลิ่วล้อ สมุนที่ยอมขายชีวิตให้ปฏิบัติการป่วนบ้านป่วนเมืองหนักขึ้นไปอีก จากที่ป่วนมาแล้วนับตั้งแต่ที่ต้องระหกระเหินออกนอกประเทศ ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ
จากที่เคยตำหนิศาล ตำหนิขบวนการยุติธรรมว่าสองมาตฐานบ้าง ยุติความเป็นธรรมบ้าง ก็จะยิ่งกระพือหือโหมหนักขึ้นไปอีก
หากดุลพินิจของศาลไม่ยึด การป่วนบ้านป่วนเมืองก็ยังไม่หยุด เพราะคดีของทักษิณไม่ได้มีแต่กรณียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ยังมีอีกหลายคดีรอการพิจารณาอยู่ และที่ตัดสินเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่เอาตัวมาติดคุก 2 ปีก็ยังอยู่ แต่ดีกรีของการเคลื่อนไหวอาจจะลดน้อยลงไปบ้าง
ต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายของทักษิณคือ การที่เขาจะต้องไม่ติดคุก ไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ และที่สำคัญหากกลับมาเป็นใหญ่ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ก็ยิ่งเป็นเรื่องวิเศษ เขาเฝ้าบอกตัวเองว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติได้ ขณะที่ในใจของเขาตระหนักดีว่าการอยู่ในอำนาจ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นมันเยี่ยมจริงๆ วิเศษจริงๆ สามารถแต่ตั้งวงศาคณาญาติให้เป็นใหญ่ข้ามหัวคนอื่นๆ ได้อย่างสบายมากทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน สามารถกำหนดนโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้ตัวเองและครอบครัวได้เป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน เป็นต้นว่า เอาดาวเทียมเข้ามาทำมาหากิน ไม่ต้องจ่ายภาษีเป็นหมื่นล้าน สามารถแปลงสัมปทานมาเป็นการเสียภาษีสรรพสามิต ภาษีสรรพสามิตที่จ่ายไปขอคืนได้อีกต่างหาก
โอ มันเยี่ยมจริงๆ
คุณจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับการยึดหรือไม่ยึด 7.6 หมื่นล้านบาท ไว้ดังนี้
การพิจารณาเรื่องนี้มีปัญหา 2 ส่วนคือ
ส่วนแรกคือกลไกของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้งขึ้นจากผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับพ.ต.ท.ทักษิณ
อีกส่วนหนึ่งคือปัญหาปล่อยให้วิจารณ์ในทางที่ส่งเสริมการยึดทรัพย์ผ่านสื่อของรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจง ไม่เป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่สิ่งที่ตามมามีผลต่อความรู้สึกของประชาชนในทางต่างกัน คนที่พอใจอาจจะชื่นชม คนไม่พอใจอาจแสดงออกมาไม่ได้
ไม่ว่ามีคนพอใจหรือไม่ คงไม่นำไปสู่ความรุนแรง เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ทางที่ดีหากไม่พอใจผลคำตัดสิน ควรทำความเข้าใจว่าเป็นปัญหาที่มาจากระบบความยุติธรรมของประเทศ ทางออกในการแก้ปัญหาคือการปฏิรูประบบนิติธรรมเสียใหม่
ขอย้ำว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะกระทบต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศทั้งในแง่ลบและแง่บวกเป็นอย่างมาก และจะอยู่อีกนาน
ทางออกมีทางเดียวคือแก้ที่ระบบยุติธรรม (ข่าวสด 14 มกราคม)
คุณจาตุรนต์กับทักษิณ คิดไม่ต่างกันคือ โทษที่ระบบยุติธรรม ยิ่งถ้าศาลตัดสินให้เป็นฝ่ายแพ้ ก็ยิ่งจะต้องพูดว่า ยุติความยุติธรรม ทั้งๆ ที่ศาลก็อยู่ของศาล มีคดีขึ้นมาให้พิจารณาก็พิจารณาไปตามตัวบทกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน
ใช่ คตส. เกิดจาก คมช. คตส.พิจารณาแล้วก็ส่งให้อัยการพิจารณาฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถ้าเห็นว่าฟ้อง ศาลก็พิจารณา บางคดีก็ยกฟ้อง บางคดีก็ลงโทษ
หรือจะต้องปฏิรูประบบนิติธรรมเสียใหม่เป็นว่า ทุกคดีของทักษิณไม่ต้องพิจารณา ทุกคดีของทักษิณต้องหลุด อย่างนั้นหรือ?
เมื่อเป้าหมายของทักษิณเป็นไปดังที่ได้กล่าวแล้ว ความขัดแย้งของผู้คนในสังคมของเราก็จะยังดำรงอยู่ต่อไป ฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณก็จะยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว เราเคยมีนายกรัฐมนตรีที่ถูกปฏิวัติรัฐประหารไปแล้วหลายคน เมื่อเขาหมดอำนาจไปแล้วเขาก็หยุด เพราะเขาเหล่านั้น ไม่มีเงินที่จะจ้างผีโม่แป้งได้อย่างทักษิณ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หรือกระทั่งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อหมดอำนาจเพราะถูกยึดอำนาจ ก็ยุติบทบาท
ที่ ทักษิณ ยังเคลื่อนไหวได้ ทางหนึ่งเพราะรัฐบาลไม่เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ แกนนำของคนเสื้อแดงหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บางคนประกาศไล่ล่าจะเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์ บางคนนำกำลังบุกเข้าไปกระทรวงมหาดไทย ทุบรถ ทำร้ายผู้คน วันนี้คนเหล่านั้นยังออกมาเคลื่อนไหวได้อีก
นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นความอ่อนแอของรัฐบาล อันเกิดจากตำรวจ อัยการ ทำตัวเป็นเกียร์ว่าง อาจจะเพราะส่วนหนึ่งยังรับใช้ระบอบทักษิณอยู่ ยังมองว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้อีกไม่นาน
อีกทางหนึ่งก็เพราะทักษิณมีเงินมากมายมหาศาล เป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน เศษเงินของเขาทำให้คนที่เคยกินแต่มาม่าตาลุก ยิ่งเมื่อทำให้เขาเปลี่ยนฐานะ มีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีบ้าน มีรถ ฯลฯ ก็ยอมขายวิญญาณให้ บางคนพอมีฐานะอยู่บ้าง การรับใช้ทักษิณอาจจะเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เคยได้รับ ในช่วงที่ทักษิณยังอยู่ในอำนาจ เป็นต้นว่า ได้ตำแหน่งแห่งที่ ได้ทำมาหากินสะดวกขึ้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
ไม่ว่าผลคดียึดทรัพย์จะเป็นอย่างไร บ้านเมืองก็จะยังไม่สงบ เว้นแต่รัฐบาลนี้จะเข้มแข็ง ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายจริงๆ จังๆ
ผลของคดีจะเป็นประการใดย่อมขึ้นอยู่กับวิจารณญาณขององค์คณะตุลาการที่มีหน้าที่พิจารณาเรื่องนี้
และแน่นอน ผลของคดีจะส่งผลกระทบต่อความเป็นไปของอนาคตบ้านเมือง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ยึด หรือไม่ยึด
หากยึด ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งสติแตกอยู่แล้วจะคลั่งหนัก อาจจะสั่งการให้บรรดาลิ่วล้อ สมุนที่ยอมขายชีวิตให้ปฏิบัติการป่วนบ้านป่วนเมืองหนักขึ้นไปอีก จากที่ป่วนมาแล้วนับตั้งแต่ที่ต้องระหกระเหินออกนอกประเทศ ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีซื้อที่ดินรัชดาฯ
จากที่เคยตำหนิศาล ตำหนิขบวนการยุติธรรมว่าสองมาตฐานบ้าง ยุติความเป็นธรรมบ้าง ก็จะยิ่งกระพือหือโหมหนักขึ้นไปอีก
หากดุลพินิจของศาลไม่ยึด การป่วนบ้านป่วนเมืองก็ยังไม่หยุด เพราะคดีของทักษิณไม่ได้มีแต่กรณียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ยังมีอีกหลายคดีรอการพิจารณาอยู่ และที่ตัดสินเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือแต่เอาตัวมาติดคุก 2 ปีก็ยังอยู่ แต่ดีกรีของการเคลื่อนไหวอาจจะลดน้อยลงไปบ้าง
ต้องไม่ลืมว่า เป้าหมายของทักษิณคือ การที่เขาจะต้องไม่ติดคุก ไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ และที่สำคัญหากกลับมาเป็นใหญ่ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ก็ยิ่งเป็นเรื่องวิเศษ เขาเฝ้าบอกตัวเองว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาของประเทศชาติได้ ขณะที่ในใจของเขาตระหนักดีว่าการอยู่ในอำนาจ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นมันเยี่ยมจริงๆ วิเศษจริงๆ สามารถแต่ตั้งวงศาคณาญาติให้เป็นใหญ่ข้ามหัวคนอื่นๆ ได้อย่างสบายมากทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน สามารถกำหนดนโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้ตัวเองและครอบครัวได้เป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน เป็นต้นว่า เอาดาวเทียมเข้ามาทำมาหากิน ไม่ต้องจ่ายภาษีเป็นหมื่นล้าน สามารถแปลงสัมปทานมาเป็นการเสียภาษีสรรพสามิต ภาษีสรรพสามิตที่จ่ายไปขอคืนได้อีกต่างหาก
โอ มันเยี่ยมจริงๆ
คุณจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับการยึดหรือไม่ยึด 7.6 หมื่นล้านบาท ไว้ดังนี้
การพิจารณาเรื่องนี้มีปัญหา 2 ส่วนคือ
ส่วนแรกคือกลไกของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้งขึ้นจากผู้ที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับพ.ต.ท.ทักษิณ
อีกส่วนหนึ่งคือปัญหาปล่อยให้วิจารณ์ในทางที่ส่งเสริมการยึดทรัพย์ผ่านสื่อของรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจง ไม่เป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่สิ่งที่ตามมามีผลต่อความรู้สึกของประชาชนในทางต่างกัน คนที่พอใจอาจจะชื่นชม คนไม่พอใจอาจแสดงออกมาไม่ได้
ไม่ว่ามีคนพอใจหรือไม่ คงไม่นำไปสู่ความรุนแรง เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร
ทางที่ดีหากไม่พอใจผลคำตัดสิน ควรทำความเข้าใจว่าเป็นปัญหาที่มาจากระบบความยุติธรรมของประเทศ ทางออกในการแก้ปัญหาคือการปฏิรูประบบนิติธรรมเสียใหม่
ขอย้ำว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะกระทบต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศทั้งในแง่ลบและแง่บวกเป็นอย่างมาก และจะอยู่อีกนาน
ทางออกมีทางเดียวคือแก้ที่ระบบยุติธรรม (ข่าวสด 14 มกราคม)
คุณจาตุรนต์กับทักษิณ คิดไม่ต่างกันคือ โทษที่ระบบยุติธรรม ยิ่งถ้าศาลตัดสินให้เป็นฝ่ายแพ้ ก็ยิ่งจะต้องพูดว่า ยุติความยุติธรรม ทั้งๆ ที่ศาลก็อยู่ของศาล มีคดีขึ้นมาให้พิจารณาก็พิจารณาไปตามตัวบทกฎหมาย ตามพยานหลักฐาน
ใช่ คตส. เกิดจาก คมช. คตส.พิจารณาแล้วก็ส่งให้อัยการพิจารณาฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถ้าเห็นว่าฟ้อง ศาลก็พิจารณา บางคดีก็ยกฟ้อง บางคดีก็ลงโทษ
หรือจะต้องปฏิรูประบบนิติธรรมเสียใหม่เป็นว่า ทุกคดีของทักษิณไม่ต้องพิจารณา ทุกคดีของทักษิณต้องหลุด อย่างนั้นหรือ?
เมื่อเป้าหมายของทักษิณเป็นไปดังที่ได้กล่าวแล้ว ความขัดแย้งของผู้คนในสังคมของเราก็จะยังดำรงอยู่ต่อไป ฝ่ายที่สนับสนุนทักษิณก็จะยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว เราเคยมีนายกรัฐมนตรีที่ถูกปฏิวัติรัฐประหารไปแล้วหลายคน เมื่อเขาหมดอำนาจไปแล้วเขาก็หยุด เพราะเขาเหล่านั้น ไม่มีเงินที่จะจ้างผีโม่แป้งได้อย่างทักษิณ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หรือกระทั่งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อหมดอำนาจเพราะถูกยึดอำนาจ ก็ยุติบทบาท
ที่ ทักษิณ ยังเคลื่อนไหวได้ ทางหนึ่งเพราะรัฐบาลไม่เข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ แกนนำของคนเสื้อแดงหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บางคนประกาศไล่ล่าจะเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์ บางคนนำกำลังบุกเข้าไปกระทรวงมหาดไทย ทุบรถ ทำร้ายผู้คน วันนี้คนเหล่านั้นยังออกมาเคลื่อนไหวได้อีก
นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นความอ่อนแอของรัฐบาล อันเกิดจากตำรวจ อัยการ ทำตัวเป็นเกียร์ว่าง อาจจะเพราะส่วนหนึ่งยังรับใช้ระบอบทักษิณอยู่ ยังมองว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้อีกไม่นาน
อีกทางหนึ่งก็เพราะทักษิณมีเงินมากมายมหาศาล เป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน เศษเงินของเขาทำให้คนที่เคยกินแต่มาม่าตาลุก ยิ่งเมื่อทำให้เขาเปลี่ยนฐานะ มีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีบ้าน มีรถ ฯลฯ ก็ยอมขายวิญญาณให้ บางคนพอมีฐานะอยู่บ้าง การรับใช้ทักษิณอาจจะเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เคยได้รับ ในช่วงที่ทักษิณยังอยู่ในอำนาจ เป็นต้นว่า ได้ตำแหน่งแห่งที่ ได้ทำมาหากินสะดวกขึ้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
ไม่ว่าผลคดียึดทรัพย์จะเป็นอย่างไร บ้านเมืองก็จะยังไม่สงบ เว้นแต่รัฐบาลนี้จะเข้มแข็ง ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมายจริงๆ จังๆ