คำให้สัมภาษณ์ของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีเมื่อสองวันก่อนที่บอกว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับทักษิณ ชินวัตร โดยกล่าวว่า ขณะนี้มีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว แต่จะหาทางแก้กันอย่างไร เราต้องยอมรับว่าน่าจะมีทางแก้ไขได้ หากเราร่วมมือร่วมใจกัน เพราะไม่มีปัญหาใดที่จะแก้ไขไม่ได้ ต้องค่อยๆ ปรับทำความเข้าใจกัน
แนวคิดเรื่องพูดคุยกัน เจรจากันเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ ถ้าหากเกิดขึ้นตั้งแต่ที่พลเอกสุรยุทธ์ท่านยังเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อมาเกิดขึ้นตอนที่ท่านพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว และขณะนี้ท่านคือ องคมนตรี ท่านจะเจรจาเรื่องอันใด และจะใช้อำนาจตรงไหนไปตกลง ที่สำคัญสถานการณ์ปัจจุบันนี้จำเป็นต้องพูดคุย เจรจากับทักษิณหรือ
เพราะสำหรับทักษิณแล้ว มีอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องทำ คือ ลากคอมาติดคุก และดำเนินคดีต่างๆ ที่ยังค้างศาลอยู่ ไม่มีหนทางอื่น
ถ้าหากต้องใช้วิธีเจรจาต่อรอง ขือแปของบ้านเมืองก็ไม่มีเหลือ ต่อไปนักโทษหนีคุกก็จะเอาอย่าง ใช้วิธีการป่วนบ้านป่วนเมืองก็จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ผู้คนในสังคมให้ความเคารพนับถือลงมาเจรจาด้วย (จะยอมรับข้อต่อรอง หรือมีเงื่อนไขใดๆ ก็ไม่รู้ได้)
ในความคิดความเห็นของฝ่ายทักษิณก็คือ เขาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ดีๆ ก็มีโจรมาปล้นอำนาจของพวกเขาไปจากเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มาตั้งคณะกรรมการ คตส. มารังแกเขา เอาเขาขึ้นศาล ซ้ำยังยึดทรัพย์สินซึ่งเขาหามาตลอดชีวิตไปอีก เพราะฉะนั้นต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่
พวกเขาไม่ยอมรับ และยอมรับไม่ได้ว่า รัฐบาลเสียงข้างมากของทักษิณนั้นเป็นเผด็จการทางรัฐสภา ทักษิณอาศัยเสียงข้างมากหลอกคนไทย หลอกคนทั้งโลกว่าเป็นประชาธิปไตยด้วยการมีเสียงข้างมากในสภา ทั้งที่เสียงข้างมากนั้นรวบรวมมาด้วยการซื้อ การเทคโอเวอร์พรรคการเมืองต่างๆ กลุ่มการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พรรคเสรีประชาธิปไตยของ พินิจ จารุสมบัติ กลุ่ม 16 ของเนวิน กลุ่มคุณปลื้ม ฯลฯ
ทักษิณเข้าประชุมสภา และให้ความสำคัญต่อสภาผู้แทนฯ หรือแม้แต่วุฒิสภาน้อยมาก
รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ตายไปแล้วในยุคของทักษิณ ไม่เชื่อก็ลองถาม คณิน บุญสุวรรณ ดู ว่าเขาเคยเขียนเรื่องนี้หรือไม่ (แต่ก็นั่นแหละวันนี้คณินหันไปใส่เสื้อสีแดงแล้ว ความคิดความอ่าน สติปัญญาเขาก็ต้องเปลี่ยนไป)
ทักษิณอยู่ในอำนาจ 2 สมัย 5-6 ปี บริหารบ้านเมืองตามอำเภอใจของทักษิณ ส.ส.ในสังกัด รัฐมนตรีร่วมคณะเหมือนทาสในเรือนเบี้ย ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ให้เมียซื้อที่ดินรัชดาฯ ของกองทุนฟื้นฟูฯ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปี เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า เพื่อให้พม่าพัฒนาระบบโทรคมนาคมโดยครอบครัวของทักษิณได้ประโยชน์ คือ ถ้าจะเอาเงินกู้ก็ต้องซื้อของจากชินวัตร ปราบปรามยาเสพติดด้วยการปล่อยให้มีการฆ่าตัดตอน 2,000 กว่าศพ แก้ปัญหาภาคใต้ด้วยการฆ่าประชาชนที่กรือเซะ ส่วนที่ตากใบก็โยนประชาชนขึ้นรถให้ทับกันตาย 87 ศพ โดยที่ไม่รับผิดชอบ องค์กรอิสระต่างๆ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ทักษิณสามารถครอบงำได้หมด
นักประชาธิปไตยทั้งหลายอาจจะบอกว่า ถ้ามันเลวขนาดนี้ก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้โดยวิธีประชาธิปไตย
ฝันไปเถอะครับ มันเลวขนาดนี้ก็ยังมีคนขายชีวิตให้จำนวนไม่น้อย เพราะมีเงินมากมายมหาศาลอย่างที่ภาษิตจีนบอกว่า มีเงินสามารถจ้างผีโม่แป้งได้ ทุกวันนี้นอกจากสามผีหัวขาดแล้วยังมีบางคนที่อุดรฯ เชียงใหม่ เชียงราย แล้วอดีตผู้พิพากษาเลวๆ บางคนก็ยังขายชีวิตให้มันโดยไม่อายฟ้าอายดินอีก
รอให้มีการเลือกตั้ง ให้มันแพ้ไปเองหรือ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ไม่แตกต่างไปจากการยึดอำนาจครั้งก่อนๆ ในอดีต นั่นก็คือมันไม่เป็นประชาธิปไตย อาจจะทำให้บ้านเมืองถอยหลังทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะให้เผด็จการทางทหาร เผด็จการนายทุนครองอำนาจต่อไป ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้มากกว่า
จอมพล ป.พิบูลสงคราม หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายธานินทร์ กรัยวิเชียร พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ท่านเหล่านี้หมดอำนาจไปจากการยึดอำนาจ ยกเว้นจากนายธานินทร์ ทั้งจอมพล ป. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ พลเอกชาติชาย ต่างก็มาจากการเลือกตั้ง มีเสียงข้างมากในสภา แต่เมื่อถูกยึดอำนาจท่านเหล่านี้ก็ยอมแต่โดยดี มีก็แต่ทักษิณนี่แหละที่เคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุดหย่อน เพราะมีเงินมากมายมหาศาลที่ร่ำรวยจากสัมปทานผูกขาดส่วนหนึ่ง และได้ระหว่างที่ครองอำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกส่วนหนึ่ง
พวกเขายังเรียกร้องให้กลับไปสู่สถานะเดิมคือก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 ทั้งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว ทั้งรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ให้ประชาชนลงมติ เอาหรือไม่เอาก่อนประกาศใช้ แล้วก็มีการเลือกตั้ง โดยชัยชนะเป็นของพรรคพลังประชาชน พรรคการเมืองซึ่งมีทักษิณเป็นเจ้าของตัวจริง สั่งการได้ทุกอย่าง และมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่พร้อมรับคำสั่งคำบัญชาทักษิณทุกอย่างทุกประการ
แล้วนายสมัครก็จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยทักษิณ ประชาชนก็ออกมาคัดค้านโดยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ
นายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า การไปจัดรายการโทรทัศน์ชิมไปบ่นไป มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนหันมาสนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณเป็นายกรัฐมนตรึ
ช่วงเวลานั้นไม่เห็นขี้ข้าของทักษิณคนไหนออกมาเรียกร้องให้สถานการณ์กลับไปก่อน 19 กันยายน 2549 เลย
แม้ถึงตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเสนอชื่อแข่งขันกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (มาจากพรรคพลังประชาชน และมาจากพรรคไทยรักไทย) ก็ไม่เห็นขี้ข้าม้าใช้ของทักษิณคนใดบอกว่ารัฐบาลใหม่ต่อจากรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปไตย
1 ปีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็น 1 ปีที่ทักษิณป่วนบ้านป่วนเมืองมาตลอด ก่อนสงกรานต์ทักษิณบงการเองที่จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ป่วนบ้านป่วนเมืองเรื่อยมาไม่หยุดหย่อน
แม้กระทั่งไปอาศัยกัมพูชามาป่วนบ้านป่วนเมืองก็ทำ เพื่อให้เห็นว่า พวกเขามีกำลัง มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ ยึดอำนาจจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ หรือไม่ก็ทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์บริหารบ้านเมืองอยู่ไม่เป็นสุข
ถ้าอยากอยู่เป็นสุขก็มาเจรจากัน
เจรจาทำไมละครับกับคนพรรค์นี้ ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เจอตัวก็จับมาเข้าคุก ดำเนินคดี บรรดาขี้ข้าม้าใช้ของทักษิณก็ดำเนินไปตามตัวบทกฎหมาย ผิดก็ดำเนินคดี
ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเจรจา ไม่มีการต่อรอง
หนทางเดียวที่ต้องทำก็คือ เอาตัวมันมาติดคุก
แนวคิดเรื่องพูดคุยกัน เจรจากันเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ ถ้าหากเกิดขึ้นตั้งแต่ที่พลเอกสุรยุทธ์ท่านยังเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อมาเกิดขึ้นตอนที่ท่านพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว และขณะนี้ท่านคือ องคมนตรี ท่านจะเจรจาเรื่องอันใด และจะใช้อำนาจตรงไหนไปตกลง ที่สำคัญสถานการณ์ปัจจุบันนี้จำเป็นต้องพูดคุย เจรจากับทักษิณหรือ
เพราะสำหรับทักษิณแล้ว มีอย่างเดียวเท่านั้นที่ต้องทำ คือ ลากคอมาติดคุก และดำเนินคดีต่างๆ ที่ยังค้างศาลอยู่ ไม่มีหนทางอื่น
ถ้าหากต้องใช้วิธีเจรจาต่อรอง ขือแปของบ้านเมืองก็ไม่มีเหลือ ต่อไปนักโทษหนีคุกก็จะเอาอย่าง ใช้วิธีการป่วนบ้านป่วนเมืองก็จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ผู้คนในสังคมให้ความเคารพนับถือลงมาเจรจาด้วย (จะยอมรับข้อต่อรอง หรือมีเงื่อนไขใดๆ ก็ไม่รู้ได้)
ในความคิดความเห็นของฝ่ายทักษิณก็คือ เขาเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ดีๆ ก็มีโจรมาปล้นอำนาจของพวกเขาไปจากเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มาตั้งคณะกรรมการ คตส. มารังแกเขา เอาเขาขึ้นศาล ซ้ำยังยึดทรัพย์สินซึ่งเขาหามาตลอดชีวิตไปอีก เพราะฉะนั้นต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่
พวกเขาไม่ยอมรับ และยอมรับไม่ได้ว่า รัฐบาลเสียงข้างมากของทักษิณนั้นเป็นเผด็จการทางรัฐสภา ทักษิณอาศัยเสียงข้างมากหลอกคนไทย หลอกคนทั้งโลกว่าเป็นประชาธิปไตยด้วยการมีเสียงข้างมากในสภา ทั้งที่เสียงข้างมากนั้นรวบรวมมาด้วยการซื้อ การเทคโอเวอร์พรรคการเมืองต่างๆ กลุ่มการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พรรคเสรีประชาธิปไตยของ พินิจ จารุสมบัติ กลุ่ม 16 ของเนวิน กลุ่มคุณปลื้ม ฯลฯ
ทักษิณเข้าประชุมสภา และให้ความสำคัญต่อสภาผู้แทนฯ หรือแม้แต่วุฒิสภาน้อยมาก
รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ตายไปแล้วในยุคของทักษิณ ไม่เชื่อก็ลองถาม คณิน บุญสุวรรณ ดู ว่าเขาเคยเขียนเรื่องนี้หรือไม่ (แต่ก็นั่นแหละวันนี้คณินหันไปใส่เสื้อสีแดงแล้ว ความคิดความอ่าน สติปัญญาเขาก็ต้องเปลี่ยนไป)
ทักษิณอยู่ในอำนาจ 2 สมัย 5-6 ปี บริหารบ้านเมืองตามอำเภอใจของทักษิณ ส.ส.ในสังกัด รัฐมนตรีร่วมคณะเหมือนทาสในเรือนเบี้ย ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ให้เมียซื้อที่ดินรัชดาฯ ของกองทุนฟื้นฟูฯ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก 2 ปี เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า เพื่อให้พม่าพัฒนาระบบโทรคมนาคมโดยครอบครัวของทักษิณได้ประโยชน์ คือ ถ้าจะเอาเงินกู้ก็ต้องซื้อของจากชินวัตร ปราบปรามยาเสพติดด้วยการปล่อยให้มีการฆ่าตัดตอน 2,000 กว่าศพ แก้ปัญหาภาคใต้ด้วยการฆ่าประชาชนที่กรือเซะ ส่วนที่ตากใบก็โยนประชาชนขึ้นรถให้ทับกันตาย 87 ศพ โดยที่ไม่รับผิดชอบ องค์กรอิสระต่างๆ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ทักษิณสามารถครอบงำได้หมด
นักประชาธิปไตยทั้งหลายอาจจะบอกว่า ถ้ามันเลวขนาดนี้ก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้โดยวิธีประชาธิปไตย
ฝันไปเถอะครับ มันเลวขนาดนี้ก็ยังมีคนขายชีวิตให้จำนวนไม่น้อย เพราะมีเงินมากมายมหาศาลอย่างที่ภาษิตจีนบอกว่า มีเงินสามารถจ้างผีโม่แป้งได้ ทุกวันนี้นอกจากสามผีหัวขาดแล้วยังมีบางคนที่อุดรฯ เชียงใหม่ เชียงราย แล้วอดีตผู้พิพากษาเลวๆ บางคนก็ยังขายชีวิตให้มันโดยไม่อายฟ้าอายดินอีก
รอให้มีการเลือกตั้ง ให้มันแพ้ไปเองหรือ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ไม่แตกต่างไปจากการยึดอำนาจครั้งก่อนๆ ในอดีต นั่นก็คือมันไม่เป็นประชาธิปไตย อาจจะทำให้บ้านเมืองถอยหลังทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะให้เผด็จการทางทหาร เผด็จการนายทุนครองอำนาจต่อไป ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้มากกว่า
จอมพล ป.พิบูลสงคราม หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายธานินทร์ กรัยวิเชียร พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ท่านเหล่านี้หมดอำนาจไปจากการยึดอำนาจ ยกเว้นจากนายธานินทร์ ทั้งจอมพล ป. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ พลเอกชาติชาย ต่างก็มาจากการเลือกตั้ง มีเสียงข้างมากในสภา แต่เมื่อถูกยึดอำนาจท่านเหล่านี้ก็ยอมแต่โดยดี มีก็แต่ทักษิณนี่แหละที่เคลื่อนไหวอยู่ไม่หยุดหย่อน เพราะมีเงินมากมายมหาศาลที่ร่ำรวยจากสัมปทานผูกขาดส่วนหนึ่ง และได้ระหว่างที่ครองอำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกส่วนหนึ่ง
พวกเขายังเรียกร้องให้กลับไปสู่สถานะเดิมคือก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 ทั้งที่ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว ทั้งรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ให้ประชาชนลงมติ เอาหรือไม่เอาก่อนประกาศใช้ แล้วก็มีการเลือกตั้ง โดยชัยชนะเป็นของพรรคพลังประชาชน พรรคการเมืองซึ่งมีทักษิณเป็นเจ้าของตัวจริง สั่งการได้ทุกอย่าง และมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ที่พร้อมรับคำสั่งคำบัญชาทักษิณทุกอย่างทุกประการ
แล้วนายสมัครก็จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยทักษิณ ประชาชนก็ออกมาคัดค้านโดยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ
นายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า การไปจัดรายการโทรทัศน์ชิมไปบ่นไป มีผลประโยชน์ทับซ้อน ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนหันมาสนับสนุนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณเป็นายกรัฐมนตรึ
ช่วงเวลานั้นไม่เห็นขี้ข้าของทักษิณคนไหนออกมาเรียกร้องให้สถานการณ์กลับไปก่อน 19 กันยายน 2549 เลย
แม้ถึงตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเสนอชื่อแข่งขันกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (มาจากพรรคพลังประชาชน และมาจากพรรคไทยรักไทย) ก็ไม่เห็นขี้ข้าม้าใช้ของทักษิณคนใดบอกว่ารัฐบาลใหม่ต่อจากรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปไตย
1 ปีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็น 1 ปีที่ทักษิณป่วนบ้านป่วนเมืองมาตลอด ก่อนสงกรานต์ทักษิณบงการเองที่จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ป่วนบ้านป่วนเมืองเรื่อยมาไม่หยุดหย่อน
แม้กระทั่งไปอาศัยกัมพูชามาป่วนบ้านป่วนเมืองก็ทำ เพื่อให้เห็นว่า พวกเขามีกำลัง มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ ยึดอำนาจจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ หรือไม่ก็ทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์บริหารบ้านเมืองอยู่ไม่เป็นสุข
ถ้าอยากอยู่เป็นสุขก็มาเจรจากัน
เจรจาทำไมละครับกับคนพรรค์นี้ ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เจอตัวก็จับมาเข้าคุก ดำเนินคดี บรรดาขี้ข้าม้าใช้ของทักษิณก็ดำเนินไปตามตัวบทกฎหมาย ผิดก็ดำเนินคดี
ไม่มีการพูดคุย ไม่มีการเจรจา ไม่มีการต่อรอง
หนทางเดียวที่ต้องทำก็คือ เอาตัวมันมาติดคุก