xs
xsm
sm
md
lg

เปิดศึกซักฟอกรับปีเสือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เปิดโผ รมต.ก้นร้อน ฝ่ายค้านจ่อซักฟอกฉลองปีเสือดุ หวังถล่มครม.มาร์ค "แม้ว" ลงมือกำกับด้วยตัวเอง อัพเกรด ขุนพล ฝึกปรือฝีปาก ยึดลีลาเผ็ดร้อนของ"เทพเทือก"เป็นต้นแบบ ด้านวิปรัฐบาลตั้ง 3 ทีมองครักษ์ รับมือ ขู่ฝ่ายค้านทำการบ้านให้ดี งานนี้อาจมีหมัดสวนกลับ

การเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ในสภากับการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันที ที่เปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องมีการจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์โค่นล้มรัฐบาล ของ นักโทษหนีคดี นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้วางแผนการเอาไว้

การเปิดศึกซักฟอกรัฐบาลครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองของฝ่ายค้าน ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ที่ครั้งนี้ "นายใหญ่"หมายมั่นปั้นมืออย่างยิ่งว่าต้องได้เห็นผล และยังโดดมากำกับและควบคุมการศึกด้วยตัวเองเหมือนเดิม แต่จะเอาจริงเอาจังมากกว่าครั้งที่แล้วถึงขนาดต่อสาย วิดีโอลิงก์ข้ามชาติ สั่งการในที่ประชุมส.ส. พรรคเพื่อไทย กำชับให้ สมุน เร่งรวบรวมข้อมูลสำหรับใช้อภิปราย ซักฟอกรัฐบาล ผ่านการใช้อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบของประธานคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก และประเด็นที่จะอภิปราย ต้องแหลมคม และใช้ตัวคนอภิปรายให้น้อยที่สุด เน้นกระชับ แต่มีน้ำหนัก

ว่ากันว่างานนี้ ฝ่ายค้านเอาจริง ถึงขั้นเปิดหลักสูตรฝึกอบรมพิเศษ มีการจัดห้องหับไว้สำหรับใช้ฝึกฝีปากให้กับขุนพลที่จะทำหน้าที่อภิปราย โดยมีการติวเข้ม ทั้งเรื่องการเรียงลำดับข้อมูล การตีฝีปาก และการวางท่าทาง กริยาต่างๆ มีแกนนำฝีปากกล้า และส.ส.ที่มีความเก๋าเกมในสภาหลายคนในพรรค มาทำหน้าที่เป็นติวเตอร์ให้ด้วยตนเอง แบบตัวต่อตัว

ส่วนนักอภิปรายตัวพ่อ ที่ฝ่ายค้านนำมาเป็นต้นแบบในการฝึกฝนครั้งนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" นักการเมืองลีลาจัดจ้านจากพรรคคู่แข่งนั่นเอง

ถึงขนาดมีการไปขุดเทปบันทึกการอภิปรายในอดีต สมัยที่"สุเทพ" เคยสร้างผลงานชิ้นโบว์แดง อภิปรายจนสามารถโค่นล้มระดับ"บิ๊กเติ้ง" บรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย และ เนวิน ชิดชอบ หรือ “ยี้ห้อย” อดีตแกนนำ ส.ส. กลุ่ม 16 มาให้ส.ส.เพื่อไทยได้ศึกษาและพยายามลอกเลียนแบบ ทุกลูก ทุกเม็ด

สำหรับที่มาของข้อมูลในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้มาจากบรรดาข้าเก่า เต่าเลี้ยง ในกระทรวงต่างๆ ของ นช.ทักษิณ สมัยที่เคยเรืองอำนาจในรัฐบาลกว่า 8 ปี จึงไม่ยากเย็นเกินไปที่จะไหว้วาน ยืมมือข้าราชการทาสเงินบางคนช่วยสนับสนุนในเรื่องของข้อมูล หลักฐานต่างๆ ที่พอจะนำมาสู่การไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแต่ละคนได้ รวมทั้งข้อมูลจากในชั้นกรรมาธิการ ชุดต่างๆ ที่ได้ทำการตรวจสอบมาทั้งปี

งานนี้ ส.ส.เพื่อไทย บอกว่า"นายใหญ่ทุ่มเต็มที่" เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ คือ โค่นล้มรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้

ระหว่างการโฟนอินในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย นช.ทักษิณ ถึงขั้นกำชับให้ลิ่วล้อเตรียมพร้อมในเรื่องการวางตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เพราะดีดลูกคิดแล้วว่า อย่างช้าสุด 3 เดือน รัฐบาลอภิสิทธิ์ ต้องเก็บข้าวเก็บของออกจากทำเนียบฯ เพราะทนแรงบีบจากรอบด้านไม่ไหว สุดท้ายต้องยอมตัดสินใจ ยุบสภา เปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่

แต่ถ้าแผนการไปไม่ถึงเป้าหมายในบัดดล อย่างน้อยก็น่าจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในรัฐบาลไม่มากก็น้อย นั่นก็คือการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อล้างกลิ่นคาว ประแป้งแต่งตัวให้ครม.ชุดใหม่ เมื่อถึงช่วงนั้นค่อยว่างแผนเขย่าเสถียรภาพภายในรัฐบาลให้สั่นคลอนอีกรอบ เพราะขึ้นชื่อว่ารัฐบาลผสม การจะจัดครม.ให้ราบรื่นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย

ในเบื้องต้นที่วางแผนเอาไว้ ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะทันทีที่เปิดสมัยประชุมรัฐสภา ในวันที่ 21 ม.ค. 53

ครั้งนี้คาดว่า ฝ่ายค้านยังคงขอเปิดอภิปายไม่ไว้วางใจเป็นรายกระทรวง โดยจะพุ่งเป้าไปในเรื่องของการบริหารล้มเหลว ปัญหาคุณธรรม จริยธรรม การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในทางกฎหมาย เป็นหลัก

ส่วนข้อมูลด้านการทุจริต คอร์รัปชั่น ยังมีไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากระยะเวลา 1 ปี ยังไม่ค่อยเห็นลาย อีกทั้งเม็ดเงินที่ลงไปตามโครงการ ก็พึ่งมีการเบิกจ่ายมาไม่นานนี้เอง จึงยังมีไม่มากพอที่ปรากฏชัดเจน แต่ก็เล่นเอารัฐมนตรีหลายคนเกิดอาการหนาวๆ ร้อนๆ หวั่นๆ ว่าหวยจะมาลงที่ตัวเองหรือไม่

ลุ้นชื่อนายกฯ ประกบ"อภิสิทธิ์"

ส่วนรายชื่อที่ฝ่ายค้านแย้มโผออกมาคร่าวๆ ให้สื่อมวลชนรู้เป็นน้ำจิ้ม เท่าที่มีในตอนนี้ เริ่มจากผู้นำรัฐนาวา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ฝ่ายค้านมุ่งเป้าอภิปรายนายกฯ อย่างหนัก แต่ตอนนี้เริ่มออกอาการลังเลว่า อาจจะไม่มีชื่อ อภิสิทธิ์ อยู่ในโผซักฟอก

ทั้งนี้เกิดจากปัญหาตื้นๆ ภายในพรรคเพื่อไทยที่ยังแก้ไม่ตก นั่นก็คือ ยังไม่รู้จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ แทน อภิสิทธิ์ ตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ หากหาชื่อมาประกบไม่ได้ ก็หมดสิทธิ์ อภิปรายนายกฯ

แต่ถ้าหน้ามืด ถึงขั้นหลับหูหลับตา คว้าชื่อใครขึ้นสักคนขึ้นมาประกบ เพื่อจะอภิปรายให้ได้ อภิสิทธิ์ ก็จะถูกถล่มในข้อหา บริหารล้มเหลวในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมถึงนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลได้โหมลงไปยังพื้นที่แต่ก็ไร้ประสิทธิภาพ แถมยังเปิดช่องให้มีการทุจริต คอร์รัปชั่น ของรัฐมนตรีและคนรอบข้าง ขณะที่ผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรมก็คือ กู้หนี้ ขึ้นภาษี ไล่บี้แม้ว

ฝ่านค้านย่อมรู้ดีว่า หากจะตีนายกฯคนนี้ ในเรื่องการทุจริตโดยตรงนั้น คงเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นจะต้องพยายามชี้ให้เห็นถึงจุดด้อยด้านอื่นๆ เช่น ปัญหาศักยภาพการเป็นผู้นำประเทศ นั่นก็คือ ปัญหาราคาซังของการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จนถึงวันนี้ยังควานหาตัวจริงไม่ได้สักที

"กรณ์-กษิต-เทือก"เป้าเชือด

คิวต่อมาคือ "ขุนคลัง" กรณ์ จาติกวนิช คนนี้ฝ่ายค้านวางลำดับความสำคัญไว้ไม่แพ้นายกฯ เพราะเป็นผู้ที่กำกับดูแลการบริการเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการคุมเม็ดเงิน ที่กระจายลงไปตามโครงการต่างๆ ที่ปั้นขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล แต่มีการดองเม็ดงินเอาไว้ ทำให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอืดเป็นเรือเกลือ รวมถึงเรื่องความไม่ชอบมาพากลในโครงการต่างๆอีกเพียบ

คนในฝ่ายค้านแย้มว่า มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การแก้ปัญหาสลากกินแบ่งขายเกินราคา ที่มีกลุ่ม 5 เสือกุมเอาไว้เบ็ดเสร็จ จนป่านนีก็ยังไม่มีความชัดเจนในแนวทางแก้ปัญหา โดยล่าสุดมีการทำเงินตกหล่นในกระเป๋าใครบางคน จากการวิ่งเต้นขอขยายสัมปทานโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล 4-5 พันล้านบาท

แต่เรื่องนี้อาจจะสะดุดก็ได้ เพราะฝ่านค้านเกรงว่าเปิดไปแล้วจะเจอตอใหญ่ เพราะ 1ใน 5 เสือ ที่ว่านี้ มีชื่อ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ"เจ๊แดง" รวมอยู่ด้วย ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าฝ่ายค้านกล้าแค่ไหน

คนต่อมาที่ต้องเจอแน่ๆ คือ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพราะแค่เริ่มต้นมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ก็ถูกตราหน้าว่าเป็น รมต.เสื้อเหลือง จึงเป็นธรรมดาที่ฝ่ายเสื้อแดง ต้องคอยจ้องจับผิด ตามล้างตามล่า ช่วงหลังๆ ยิ่งงานเข้า เพราะ นช.ทักษิณ "นายใหญ่" หันไปซ่อนตัวหลังผู้นำกัมพูชา แถมพำนักอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เป็นธรรมดาที่ต้องหาทางลากตัวมารับโทษ ทำให้ลิ่วล้อของนายใหญ่ พากันเต้น ชิงแสดงความจงรักภักดีกันยกใหญ่

สำหรับผู้จัดการรัฐบาลอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลฝ่ายความมั่นคง ก็ถูกจองกฐินในงานนี้เช่นกัน ในประเด็นเรื่องความมั่นคงที่อยู่ในความรับผิดชอบ โดยจะโยงไปถึงการไล่ล่าตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จากเอกสารหนังสือคำสั่งห้ามไม่ให้ใช้น่านฟ้าไทย ในระหว่างการเดินทางมาประเทศกัมพูชา

งานนี้นายใหญ่ยังสั่งผ่านโฟนอินว่า ให้นำเรื่องคดีของนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงในธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ โดยให้นำเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้าน มาย้อนศร สุเทพ เพราะเคยประกาศไว้ว่า หากเป็นรัฐบาลจะนำผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มาลงโทษให้ได้

และที่ต้องโดนข้อหาทุจริตแน่ๆ คือ การมีเอี่ยวในโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจไทเกอร์ จำนวน 19,147 คัน เป็นเงิน 1,144 ล้านบาท ซึ่งประเด็นนี้ ฝ่ายค้านให้น้ำหนักมากที่สุด เพราะมีหลักฐานเอสการชัดเจนมาก

"เด็กภูมิใจห้อย"ติดท้ายบัญชี

ส่วนรัฐมนตรีอื่นๆ ที่มีชื่ออยู่ท้ายบัญชีของฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย กับข้อกล่าวหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแบบยุคใครยุคมัน มีการช่วยเหลือคนของตนเอง โยกย้ายข้ามหัวคนอื่น ขณะที่คนในพรรคเดียวกันอย่าง นายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคม เจ้าของฉายา ‘ซาเล้ง’ ก็ยังต้องเจอการขุดคุ้ยในเรื่องการหากินกับโครงการใหญ่ๆในกระทรวง เช่น ถนนปลอดฝุ่น ถนนทางหลวงชนบท พฤติกรรมการเรียกเงินใต้โต๊ะ ปัญหาในกรมศุลกากร และบอร์ดการบินไทย ที่มีการแต่งตั้งคนของตนเองเข้าไปหากิน รวมถึง โครงการรถเมล์เอ็นจีวี ฉาว 4,000 คัน ที่ยังเกาะกระแสอยู่ในขณะนี้ และที่คนกรุงเทพต้องเจอแจ็กพอต ส่งท้ายปีเก่า คือ การขึ้นค่าทางด่วนโทลเวย์ กว่าเท่าตัว ที่ฝ่ายบริหารไม่สามารถแก้ปัญหาเพื่อลดภาระให้ประชาชนได้ ทำได้เพียงแค่ มองตาปริบๆ

ด้านกระทรวงอื่นๆ ก็ยังมี นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ในเรื่องของการแก้ปัญหาสินค้าการเกษตร ปัญหามีนอกมีในในโครงการรับจำนำข้าว ข้าวโพด และ การทุจริตในการเช่าไซโลในส่วนภาคกลางจำนวนกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ที่ตลอด 1 ปี ของการบริหารแผ่นดิน ต้องเดินฝ่ากระแสข่าวการทุจริตอยู่เป็นระยะ และดูจะฉาวโฉ่มากที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ นั่นก็คือ การทุจริตในโครงการจัดซื้อคุรุภัณฑ์ การแพทย์ ที่คนรอบข้างของรัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และเมื่อผลสอบออกมาว่ามีการส่อทุจริต จนนายวิทยา ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปแล้ว ก็อาจจะยังถูกลากมาชี้ให้เห็นเป็นตัวอย่างของการทุจริต

ตบท้ายด้วยกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพย์ฯ ก็เจอจ่อข้อหา ไม่โปร่งใสกับการจ้างเอกชนจัดทำแผนที่ใหม่วงเงิน 2 พันกว่าล้านบาท ทั้งที่บริษัทชื่อดังอย่างกูเกิ้ล ทำได้ในราคาแค่ 500 ล้านบาท แถมยังมีพิรุธไปดึงงบของกองทุนสิ่งแวดล้อมมาใช้ ไม่กล้าของบปกติ เพราะกลัวฝ่ายค้านซักถามแล้วตอบไม่ได้

ส่วนคนที่ถูกจับตามองว่า จะโดนหรือไม่โดน คือ กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ที่เจอเรื่องอื้อฉาวอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะโครงชุมชนพอเพียงที่มีการทุจริต โดยมีน้องชายเข้ามาพัวพัน แต่ถ้าหลุดจากเก้าอี้ไปก่อนที่จะมีการอภิปรายฯ ก็ใช่ว่าจะรอดตัว เพราะฝ่ายค้านจ้องไปกระหน่ำลงที่นายกฯ และรมว.คลัง เพื่อหวังตีวัวกระทบคราด

รัฐบาลตั้ง 3 ทีมรับมือ

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายรัฐบาลเองดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับการเดินเกมในเรื่องซักฟอกสักเท่าไร เพราะเห็นว่างานนี้ คงไม่มีอะไรในก่อไผ่ เหมือนที่ผ่านๆ มา

แต่ก็ไม่ประมาทเสียทีเดียว ทางวิปรัฐบาลโดย ชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิป ได้ ประสานงานกับตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นปึ๊ก เพื่อเตรียมรับมือ ด้วยการตั้งทีมงานขึ้นมา 3 ทีม โดยทีมแรก จะเป็นพวก บุ๋น คือทำหน้าที่ประสานข้อมูลกับรัฐมนตรีทั้งที่ถูกอภิปราย และไม่ถูกอภิปรายเตรียมไว้ชี้แจง

ส่วน ทีมที่ 2 จัดอยู่ในพวกบู๊ จะ คอยดูแลเรื่องข้อบังคับการประชุม และคอยประท้วง หากฝ่ายค้านเริ่มเลอะเทอะ หรือกล่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่น เช่น ถ้าไม่ได้อภิปรายฯนายกฯ แล้วมีการพูดตีกิน ก็ต้องเจอ “องค์รักษ์พิทักษ์มาร์ค” สกัดแน่นอน

สำหรับทีมที่ 3 จะคอยเป็นกระบอกเสียงข้างนอกห้องประชุม มีหน้าที่เอาข้อมูลมาเปิดเผย หรือแถลงกับสื่อมวลชน เป็นระยะๆ

จากทุนเดิมที่เคยเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพมาหลายสมัย ดังนั้นศึกนี้พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าสบายใจ จนแทบจะนั่งเกาพุง เรื่องที่กังวลว่าจะเล่นงานรัฐบาลตามช่องทางสภา ถึงขั้นอยู่ต่อไม่ได้นั้น หมดห่วงไปได้เลย

แถมยังเตือนผ่านไปยังฝ่ายค้านด้วยว่า งานนี้เตรียมตัวและข้อมูลให้ดี เพราะอาจจะเจอหมัดสวนกลับ กลายเป็นว่า ฝ่ายรัฐบาลเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านเสียเอง

สุดท้ายงานนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร รัฐนาวาภายใต้การนำของ กัปตัน อภิสิทธิ์ จะผ่านพ้นปีเสือดุไปได้หรือไม่ คงต้องลุ้นกันต่อ ที่นอกสภา !!
กำลังโหลดความคิดเห็น