ASTVผู้จัดการรายวัน- สั่งอารักขาเข้ม 5 เสือกกต. ป้องกัน "แดงถ่อย" บุกเผาบ้านตามคำขู่ หากพบฝ่าฝืนกฎหมายเตรียมดำเนินคดี "เทือก"จวก"แม้ว"วิดีโอลิงก์ ถือว่าเย้ยคนไทยทั้งประเทศที่ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย อัยการชี้ หากเสื้อแดงก่อกวนให้ตำรวจดำเนินการจับกุมได้ทันที
วานนี้ ( 24 ธ.ค. ) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดง มาชุมนุมที่สำนักงานกกต.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ กกต.ชี้แจงกรณียังไม่สามารถชี้ขาดในสำนวนเงิน 258 ล้านบาท ที่พรรคประชาธิปัตย์ อาจได้รับจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่อาจขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมืองว่า ถ้าเป็นการชุมนุมโดยสงบตามสิทธิและเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ แต่ก็เป็นห่วงความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะที่สำนักงานกกต. เป็นอาคารของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งมีหน่วยราชการอื่นอยู่มาก หากเกิดความรุนแรงก็จะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ทางตำรวจก็จำเป็นที่ต้องดูแลความปลอดภัย และทางสำนักงานกกต.ก็ขอขอบคุณกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยรักษาความปลอดภัยให้ผ่านพ้นไปด้วยดี และในอนาคต หากมีเหตุการณ์รุนแรงอีก ทางศูนย์ราชการฯ ก็ยังมีทหารจากกองทัพไทย ที่จะขอความร่วมมือไปได้ หากตำรวจรับมือไม่ไหว
"การรักษาความปลอดภัยของบ้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และกกต.อีก 4 ท่าน ก็ได้ประสานกับทางตำรวจแล้ว โดยจะให้ช่วยรักษาความปลอดภัยในช่วงนี้ ที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงขู่ว่าจะบุกไปเผาบ้านกกต. ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และเข้าข่ายละเมิดกฎหมายหรือไม่ โดยสำนักงาน กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะหลังจากมีการสลายการชุมนุม ทางสำนักงานฯ ก็ได้มีการประเมินสถานการณ์กับทางตำรวจ ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการดำเนินการเตรียมการต่อไป ส่วนจะมีการดำเนินการกับกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้อัดภาพ และเสียงไว้แล้ว ถ้าหากมีประเด็นออกไปในทางที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว มีผลเสียหายต่างๆ ก็ต้องดำเนินการกันไป"
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ตนหนักใจในเรื่องความเข้าใจคลาดเคลื่อนของข้อมูลมากกว่า ซึ่งจากที่ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ พบว่ามีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปในแนวทางที่ประชุม กกต.ได้มีมติเสียงข้างมาก ให้ส่งสำนวนไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตนขอชี้แจงว่า วันที่ประชุมกกต.มติเสียงข้างมากนั้น ยังไม่ได้วินิจฉัย หรือมีมติในเนื้อหา แต่เสียงข้างมากเห็นว่า ให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ดำเนินการตาม มาตรา 95 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองก่อน ดังนั้นที่มีข่าวว่าเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ให้ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นความคลาดเคลื่อน ว่ามีการลงมติในเนื้อหา แต่จริงๆไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะยังอยู่ที่ดุลพินิจของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะต้องทำความเห็นมาก่อน ต้องขอให้โอกาสการทำงานกับประธาน กกต. และกกต.ด้วย
ทั้งนี้ ที่มีการนำกลับมาพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องของความเป็นธรรม ซึ่งการพิจารณาของ กกต.นั้นจะต้องใช้ความเป็นกลางในการพิจารณากับทุกสำนวนที่ร้องเข้ามา
เมื่อถามว่า ความเป็นธรรม จะนำไปสู่การเปลี่ยนมติของประธาน กกต.ใช่หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า เรื่องนี้ กกต.ยังไม่ได้มีมติในเนื้อหา และนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็ยังไม่มีความเห็นออกมา แต่เบื้องต้นทุกคนเข้าใจว่า จะเป็นการลงมติในองค์ประชุม จึงยังสรุปไม่ได้ว่า มีการลงมติไปแล้ว เพราะการลงมติของประธานกกต.ครั้งนั้น ยังไม่ได้เป็นการเสนอความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้นั้น คงต้องให้ความเป็นธรรม กกต.ด้วย กกต.นั่งอยู่ตรงกลาง ทุกฝ่ายก็ต่างมั่นใจในพยานหลักฐาน ดังนั้นการที่ กกต.จะไม่ฟังฝ่ายที่ร้อง ก็คงไม่ได้ และฝ่ายถูกร้องเราบอกไม่ฟัง ก็ไม่ได้ เมื่อพูดมา กกต.ก็ต้องรับฟัง ซึ่งเหมือนคดีความของศาล แม้ตอนนี้กกต. จะไม่ใช่ศาล แต่กกต.ก็คือผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยด้วยความระมัดระวัง และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
**"สดศรี"เขย่าขวัญ ปชป.
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากนายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นว่าให้ยกคำร้อง ตนอาจจะลงมติเหมือนนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ที่มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นได้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง จะยื่นถอดถอน กกต.นั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และก็ขอให้ยื่นถอดถอนได้เลย จะได้ให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำงานแทน เพราะยอมรับว่า ขณะนี้เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน แต่ทั้งนี้ ขอให้พรรคเพื่อไทยรอดูก่อนว่า การพิจารณาของ กกต. จะออกมาอย่างไร ซึ่งตนยืนยันว่าการพิจารณาของ กกต.ไม่มีใบสั่งแน่
"ขณะนี้คิดว่า กกต. เสมือนเป็นจำเลย และรู้สึกสงสาร ประธานกกต. เพราะถูกกดดันมาก คิดว่าถ้าไปกดดันมาก สักวันท่านอาจจะต้องสู้เหมือนกัน หากยิ่งผลักดันมาก ความเห็นที่ออกมา อาจจะเหมือนเดิม" นางสดศรีกล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า จะไปหารือกับที่ประชุม กกต.ว่า หลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 1 ซึ่งกกต. เปิดขึ้นมานั้น อาจเป็นรุ่นแรก และรุ่นสุดท้าย เนื่องจากหลักสูตรดังกล่าวเปิดขึ้นมาหวังว่าจะให้นักการเมืองนำกลับไปใช้แก้ปัญหาประเทศชาติ แต่ตนเห็นว่าคงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เรียนไปก็ไม่นำไปใช้ ซึ่งตนคิดว่าอาจจะไม่ออกใบประกาศให้ เพราะหลักสูตรนี้วัตถุประสงค์ต้องการให้คนเกิดความสมานฉันท์ ปรองดองกัน แต่ไม่สามารถทำได้ จึงรู้สึกผิดหวัง ทำไมนายพร้อมพงศ์ ถึงทำแบบนี้
**"ไอ้ตู่"ท้าให้ประกาศไม่ยุบ ปชป.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดรวมตัวกันไปบุก กกต. หรือ ป.ป.ช. ว่า อาจมอบภารกิจให้ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นแกนนำไป แต่ทัพใหญ่ยังยืนยันว่า ชุมนุมใหญ่ครั้งเดียวจบ ไม่มีชุมนุมย่อยในเดือน ม.ค.
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การเดินทางไปที่ต่างๆ เราไม่ได้ไปปิดล้อม เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ออกกันมาไม่ได้แน่นอน แต่ที่เราไปเพื่อแสดงเจตนารมณ์เท่านั้น
สำหรับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ กกต. 3 คน โยนเรื่องให้ประธาน กกต.ตัดสินใจนั้น ถือเป็นการแทงกั๊ก มีเจตนาไม่สุจริต เพราะทราบกันชัดเจนว่า ประธานกกต. จะไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะมีหลักฐานชัดเจน ก็ขอท้าให้ตัดสินไปเลยว่าไม่ยุบ พรรคประชาธิปัตย์ และขอให้ประกาศประมาณวันที่ 30 ธ.ค. เสื้อแดงจะได้กำหนดทิศทางเคลื่อนไหว
**"เทือก"สั่ง ตร.คุ้มครอง กกต.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงที่ขู่จะเผาบ้าน กกต.ว่า สิ่งที่คนกลุ่มนี้กระทำไปถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งตนได้หารือกับทางตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่ไปบุกกกต. อยู่ในระหว่างการประกันตัว ตรงนี้จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ไปพูดในรายละเอียด ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย จะปล่อยให้คนมาทำผิดกฎหมายต่อหน้าต่อตาอยู่อย่างนี้โดยไม่ดำเนินการไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถรักษาความสงบบ้านเมืองได้ ตนจะสั่งการให้ตำรวจดำเนินการสอบถาม และให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เมื่อถามว่าในส่วนของการอารักขาหน่วยงาน หรือบุคคลที่อยู่องค์กรอิสระ และอื่นๆ ที่เป็นเป้าหมาย มีแผนในการอารักขาอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อฝ่ายกลุ่มเสื้อแดงได้แสดงท่าทีอย่างนี้ เราต้องจัดให้มีคนดูแล ให้ความปลอดภัยกับผู้ที่ทำงานในที่ต่างๆ อย่างแข็งแรง เข้มงวด ไม่ให้เสียขวัญกำลังใจด้วย
เมื่อถามว่า ท่าทีของ กกต.ที่ออกมาต่อคดี 258 ล้าน จะเป็นตัวจุดชนวนให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเขาก็หาเรื่องอยู่แล้ว พยายามหาว่ามีเรื่องอะไรที่เป็นประเด็นได้ อย่างเช่น การเอาเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศมาเปิดเผย ขยายความไปในทำนองว่า รัฐบาลวางแผนฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นจึงเอามาเป็นประเด็นประท้วง ก็นึกอยู่ว่าจะเป็นประเด็น พอดีว่า กกต. มาพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ และเขาพยายามทำทุกอย่าง กดดัน กกต.ให้เล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน ถ้าไม่เล่นงานเขาจะทำอย่างนั้นอย่างนี้
"ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร แต่ผมคิดว่าทั้งหมด กกต.ต้องทำหน้าที่ตนเองไปตามความเป็นจริง ส่วนกระแสจะจุดติดหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เชื่อว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ต้องเข้าใจ" นายสุเทพกล่าว
**จวก"แม้ว"เย้ยคนไทยทั้งประเทศ
เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์ ในงานเลี้ยงพรรคเพื่อไทย ให้เตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งปีหน้า และพรรคเพื่อไทย จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามปลุกปลอบขวัญลูกพรรคของตนเอง เพื่อที่จะได้ใช้ลูกพรรคเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เทหมดหน้าตักหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้ ต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือ ดูแลบ้านเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ให้มีการปฏิบัติในกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีข้อมูลหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ อยู่ที่ไหน เพราะการเชื่อมวิดิโอลิงก์ ปรากฏตัวพร้อมกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแต่จะให้ฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ เมื่อถามว่าเป็นการเย้ยรัฐบาลหรือไม่ว่าไม่สามารถติดตามมาดำเนินคดีได้
"ที่จริงไม่ได้เย้ยรัฐบาล แต่เย้ยพวกเราทั้งประเทศ เพราะพวกเขาอยู่เหนือกฎหมาย เงื้อมมือของกฎหมายไม่สามาถเล่นงานเขาได้ พวกเขาเป็นพวกที่สมคบกันทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองและยังมาลอยหน้าลอยตา ออกช่องนั้นช่องนี้ เพื่อให้เห็นว่า เขาอยู่เหนือกฎหมาย อย่างนี้ไม่ใช่เป็นการเย้ยรัฐบาล แต่เป็นการเย้ยพวกเราทั้งประเทศ แต่ว่าคนที่มีหน้าที่จะต้องติดตามทำไป" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า แม้ว่ารู้อย่างนี้แล้ว เราก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นายสุเทพ กล่าวยอมรับว่า ก็ตามไม่พบ ที่พบแล้วขอตัวไป เขาก็ไม่ส่งให้
"มันก็น่าเจ็บใจ คนทำผิดกฎหมายแล้วยังลอยนวลแล้วมาสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอีก เราต้องทำต่อไป พยายามต่อไป"
**ใช้ กม.คุมสถานการณ์อย่างเข้มข้น
เมื่อถามว่ามีการประเมินพลังของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า พูดไม่ได้ พูดว่าน้อยเขาจะหาว่าดูถูก พูดว่ามากเขาก็ยิ่งหึกเหิม ตนไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ เมื่อถามว่า มีการเตรียมมาตรการอย่างไรเนื่องจากคนเสื้อแดงเปลี่ยนยุทธวิธีในการชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า เขาจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ของเรา ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย รักษากฎหมาย
เมื่อถามว่า กฎหมายที่มีอยู่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ในปีหน้าได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า พยายามทำตามความเหมาะสม ดูดีที่สุด เหมาะสมที่สุด แล้วก็พยายามไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงบานปลาย
ส่วนรัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายในระดับเข้มข้นสูงสุดหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เราจะดำเนินการทุกอย่างในกรอบกฎหมาย ไม่มีเข้มไม่มีจาง หมายความว่า ถ้าใครทำอะไรไม่ผิด ก็ไม่ถูกดำเนินคดี ใครทำผิด ก็ถูกดำเนินคดี การใช้กำลังเจ้าหน้าที่รักษาการ จะทำเท่าที่กรอบกฎหมายอำนวยให้
**อัยการชี้เสื้อแดงก่อกวนตำรวจจับได้
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึง การพิจารณาคดีเสื้อแดงป่วนเมืองว่า คดีกลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมสถานที่ราชการ อาทิ ปิดล้อมทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทย และสถานที่อื่นๆ มีหลายคดี ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ
ส่วนคดีปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงกับพวกร่วม 14 คน เป็นจำเลยนั้น อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว และได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาแล้ว 3 คน ส่วนที่เหลือนั้นยื่นคำร้องขอเลื่อนการส่งตัวให้ศาล แต่อัยการเจ้าของสำนวนไม่อนุญาต และนัดให้มารายงานตัวประมาณกลางเดือน ม.ค.53
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ปิดล้อมสำนักงาน กกต. และข่มขู่จะเผาบ้าน กกต. จะสามารถถอนการประกันตัวได้หรือไม่นั้น นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลใดไปบ้าง ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นคดีๆไป ว่าคดีใดได้มีการทำสัญญาประกันตัวไว้หรือไม่ ซึ่งอัยการไม่มีอำนาจเรียกให้ผู้ต้องหามาพบ เพื่อวางกำหนดเงื่อนไขประกันตัวได้ จนกว่าจะถึงวันที่นัดให้ผู้ต้องหามารายงานตัว แต่หากถึงกำหนดนัด ผู้ต้องหายังคงมีพฤติการณ์ทำผิดเหมือนกับคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ก็อาจวางกำหนดเงื่อนไขประกันตัวได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคุมขัง ผู้ที่กระทำผิดได้ทันที
**"ปทีป"สั่งดูแลบ้านพัก กกต.
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงบุกไปปิดล้อมสำนักงาน กกต. และก่อความวุ่นวาย ว่าการพิจารณาถอนประกันแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้พิจารณาชี้ขาด จากนั้นจะส่งมาให้ตนรับทราบ โดยส่วนตัวไม่ออกความเห็นต้องให้ บช.น. ตัดสินใจโดยข้อมูลและกฎหมาย
ส่วนการดูแลความปลอดภัย กกต.ที่กังวลว่า คนเสื้อแดงจะบุกบ้านพักนั้น ตนจะสั่งการให้ บช.น.ไปดูแล จัดกำลังตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้
**ผบช.น.เชื่อเสื้อแดงไม่ก่อเหตุรุนแรง
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่หน้าสำนักงานกกต.ว่า เท่าที่ดูจากเหตุการณ์ ถือว่ายังคุยกันรู้เรื่อง เราก็มีการจัดกำลังไปดูแล 2 ส่วน ทั้งชั้นนอก และชั้นใน ตนทราบดีว่าพี่น้องต้องการแสดงออก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องให้แสดงออกกันได้ตามสมควร แต่จะให้บุกรุกไปถึงชั้นใน คงเป็นไปไม่ได้ ตนได้เจรจากับแกนนำแล้ว ก็เข้าใจตรงกันว่า ขอสิทธิในการแสดงออกเท่านั้น ถ้ามีเรื่องอะไรที่อาจทำให้ต้องตกใจไปบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา โดยหลังจากที่เจรจากันรู้เรื่องแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงก็พากันเดินทางกลับ
"การกระทำแบบนี้ จะถือว่าเป็นการละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่ ต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปดูอีกที โดยผมได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. เป็นผู้ตรวจสอบ โดยเฉพาะนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ทั้ง 2 แกนนำนั้น กำลังมีคดีติดตัวกันอยู่ ถึงชั้นอัยการแล้ว ที่สำคัญนายอริสมันต์ ก็ยังมีคดีที่ศาลจังหวัดพัทยาอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงเลยชั้นของตำรวจไปหมดแล้ว สำหรับเรื่องที่มีการข่มขู่ว่า จะบุกไปเผาบ้าน กกต.คงเป็นแค่เรื่องขู่ ซึ่งผมก็ได้ให้กำลังตำรวจไปดูแลแล้ว กฎหมายบ้านเมืองมีอยู่ หากใครไปเผาบ้านคนอื่นก็ต้องติดคุกเมื่อนั้น ผมเชื่อว่าพี่น้องคนไทยด้วยกันคงไม่ทำอะไรรุนแรงขนาดนั้น” พล.ต.ท.สัณฐานกล่าว
**จวกแม้วยุยงให้ใช้ความรุนแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ขบวนการดิบ ถ่อย เถื่อน ของกลุ่มเสื้อแดงได้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง การประกาศขู่จะเผาบ้าน กกต.ทั้ง 5 คน แสดงถึงการเหิมเกริม ไม่เคารพกฏหมายบ้านเมือง ดังนั้นถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาจัดการ หากปล่อยไปจะยิ่งลุกลามใหญ่โต เพราะแกนนำแดงตัวพ่อ ใช้ทั้งวีดีโอลิงค์ โฟนอิน ทวิตเตอร์ ปลุกระดมส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเร่งโหม จุดกระแส ขยายประเด็นถึงขนาดกล้าประกาศข่มขู่ จะเผาบ้าน กกต. ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาในงานสังสรรค์ปีใหม่ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ก็ยังคงใช้ถ้อยคำยุยง ส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่ใช้มาตลอด
"ผมเป็นห่วงสถานการณ์การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงในช่วงหลังปีใหม่ว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองจริงตามคำขู่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพูดว่าจะกลับมาในช่วงสงกรานต์ เข้าใจว่า จะกลับมาฉลองครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์สงกรานต์เลือด และที่บอกว่า “today is my day to year is my year” ซึ่งหมายความว่า วันนี้ และปีนี้ เป็นปีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ผมเห็นว่าน่าจะใช้คำนี้มากกว่า คือ “next life is my life หรือ next life afternoon” หมายความว่า ให้รอไปก่อนชาติหน้า หรือ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ" นายเทพไท กล่าว
** คาดหลังปีใหม่สถานการณ์รุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วงเดือนมกราคม รัฐบาลจะรับมืออย่างไร นายเทพไท กล่าวว่า ฝ่ายข่าวด้านความมั่นคงรายงานตลอดอยู่แล้วว่า คนเหล่านี้จะมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่นี้ไปตลอด เป็นการสร้างกระแสไปเรื่อยๆ ทราบว่าในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ จะเดินทางปิดล้อมกระทรวงการต่างประเทศ หลังปีใหม่ก็จะมีการคลื่อนไหวไปตามสถานที่ต่างๆ อีก ซึ่งทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อโหมกระแส ให้ไปถึงจุดสูงสุด ที่จะแตกหักกับรัฐบาล และวันนี้ ถ้าดูท่าทีของแกนนำเสื้อแดงยังไม่มีการกำหนดว่าจะมีการชุมนุมใหญ่วันไหน ตนเข้าใจว่าคนสื้อแดงน่าจะดูกระแสว่าจุดไหนฮอตสุด ก็จะชุมนุมในจุดนั้น ซึ่งในส่วนของรัฐบาลฝ่ายความมั่นคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
**จี้ถอนประกัน"อริสมันต์-แรมโบ้"
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์การชุมนุมที่หน้าสำนักงาน กกต. เหมือนภาพหลอนเดือนเมษายน เพราะเป็นบุคคลเดิม วิธีการเดิมโดยใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ป่าเถื่อน ขอถามว่า ไม่เคยมีบทเรียนเลยหรือ และทำไมคนที่ทำรุนแรงยังอยู่ได้ในสังคม จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดง ตั้งสติ เพราะกำลังทำผิดกฎหมาย แถมขู่สังคม นอกจากนี้ ยังมีภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายจักรภพ เพ็ญแข นายยงยุทธ ติยะไพรัช อยู่ด้วยกัน และวีดีโอลิงก์ เข้ามาอวยพรระหว่างงานเลี้ยงพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการเย้ยกฎหมายชัดๆ เพราะคนหนึ่งหนีคดี อีกคนก็นำมวลชนมาก่อความรุนแรงหน้าบ้านบุคคลสำคัญจนมีคดี อีกคนก็เป็นเหตุให้ยุบพรรค จึงไม่ควรไปชื่นชม และขอให้ทั้ง 3 คน ยุติการกระทำ รวมถึงยุติการข่มขู่องค์กรอิสระ ได้แล้ว
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลและตำรวจไปร้องศาลขอให้ถอนการประกันตัว นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.เพราะ หากปล่อยไปไม่รู้จะไปเผาอีกกี่ที่ จึงจะจับกุม ทั้งนี้คนเหล่านี้มีเงื่อนไขการได้ประกันตัวอยู่แล้ว จึงขอสนับสนุนให้มีการถอนการประกันตัว
**ปชป.ฉะ นปช.ไม่ต่างกับผู้ก่อการร้าย
นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีความห่วงใยต่อการเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. ที่มีการคุกคามการทำงานขององค์กรอิสระ และสถาบันที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งทางการเมือง จากกรณีที่มีการข่มขู่ที่จะบุกเผาบ้านของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และการใช้วิธีการข่มขู่ ใช้ความรุนแรง เพื่อให้มีการยุบสภา หรือมีการเจรจา ทำให้สังคมเกิดความหวาดกลัว ซึ่งไม่ต่างกับยุทธศาสตร์ของผู้ก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม หากการเคลื่อนไหวนี้ เพียงเพื่อต้องการให้องค์กรอิสระ วินิจฉัยตามความต้องการของตัวเอง หรือให้รัฐบาลยอมนำเรื่องคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเจรจา เห็นว่า วิธีดังกล่าวจะยิ่งสร้างความขัดแย้ง และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศยากมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้พรรคจึงขอให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัย ของทั้งองค์กรอิสระและประชาชนทั่วไป เนื่องจากกลุ่ม นปช.ประกาศชัดเจนว่าจะชุมนุมวันที่ 27 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขของประชาชน และขอให้ทุกฝ่ายระวังป้องกันด้วย
วานนี้ ( 24 ธ.ค. ) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดง มาชุมนุมที่สำนักงานกกต.เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ กกต.ชี้แจงกรณียังไม่สามารถชี้ขาดในสำนวนเงิน 258 ล้านบาท ที่พรรคประชาธิปัตย์ อาจได้รับจากบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่อาจขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมืองว่า ถ้าเป็นการชุมนุมโดยสงบตามสิทธิและเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ สามารถทำได้ แต่ก็เป็นห่วงความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะที่สำนักงานกกต. เป็นอาคารของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งมีหน่วยราชการอื่นอยู่มาก หากเกิดความรุนแรงก็จะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ทางตำรวจก็จำเป็นที่ต้องดูแลความปลอดภัย และทางสำนักงานกกต.ก็ขอขอบคุณกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยรักษาความปลอดภัยให้ผ่านพ้นไปด้วยดี และในอนาคต หากมีเหตุการณ์รุนแรงอีก ทางศูนย์ราชการฯ ก็ยังมีทหารจากกองทัพไทย ที่จะขอความร่วมมือไปได้ หากตำรวจรับมือไม่ไหว
"การรักษาความปลอดภัยของบ้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง และกกต.อีก 4 ท่าน ก็ได้ประสานกับทางตำรวจแล้ว โดยจะให้ช่วยรักษาความปลอดภัยในช่วงนี้ ที่ทางกลุ่มคนเสื้อแดงขู่ว่าจะบุกไปเผาบ้านกกต. ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และเข้าข่ายละเมิดกฎหมายหรือไม่ โดยสำนักงาน กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะหลังจากมีการสลายการชุมนุม ทางสำนักงานฯ ก็ได้มีการประเมินสถานการณ์กับทางตำรวจ ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการดำเนินการเตรียมการต่อไป ส่วนจะมีการดำเนินการกับกลุ่มเสื้อแดงหรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้อัดภาพ และเสียงไว้แล้ว ถ้าหากมีประเด็นออกไปในทางที่ฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว มีผลเสียหายต่างๆ ก็ต้องดำเนินการกันไป"
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ตนหนักใจในเรื่องความเข้าใจคลาดเคลื่อนของข้อมูลมากกว่า ซึ่งจากที่ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ พบว่ามีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไปในแนวทางที่ประชุม กกต.ได้มีมติเสียงข้างมาก ให้ส่งสำนวนไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตนขอชี้แจงว่า วันที่ประชุมกกต.มติเสียงข้างมากนั้น ยังไม่ได้วินิจฉัย หรือมีมติในเนื้อหา แต่เสียงข้างมากเห็นว่า ให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ดำเนินการตาม มาตรา 95 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองก่อน ดังนั้นที่มีข่าวว่าเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ให้ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นความคลาดเคลื่อน ว่ามีการลงมติในเนื้อหา แต่จริงๆไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะยังอยู่ที่ดุลพินิจของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะต้องทำความเห็นมาก่อน ต้องขอให้โอกาสการทำงานกับประธาน กกต. และกกต.ด้วย
ทั้งนี้ ที่มีการนำกลับมาพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องของความเป็นธรรม ซึ่งการพิจารณาของ กกต.นั้นจะต้องใช้ความเป็นกลางในการพิจารณากับทุกสำนวนที่ร้องเข้ามา
เมื่อถามว่า ความเป็นธรรม จะนำไปสู่การเปลี่ยนมติของประธาน กกต.ใช่หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า เรื่องนี้ กกต.ยังไม่ได้มีมติในเนื้อหา และนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็ยังไม่มีความเห็นออกมา แต่เบื้องต้นทุกคนเข้าใจว่า จะเป็นการลงมติในองค์ประชุม จึงยังสรุปไม่ได้ว่า มีการลงมติไปแล้ว เพราะการลงมติของประธานกกต.ครั้งนั้น ยังไม่ได้เป็นการเสนอความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงที่จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้นั้น คงต้องให้ความเป็นธรรม กกต.ด้วย กกต.นั่งอยู่ตรงกลาง ทุกฝ่ายก็ต่างมั่นใจในพยานหลักฐาน ดังนั้นการที่ กกต.จะไม่ฟังฝ่ายที่ร้อง ก็คงไม่ได้ และฝ่ายถูกร้องเราบอกไม่ฟัง ก็ไม่ได้ เมื่อพูดมา กกต.ก็ต้องรับฟัง ซึ่งเหมือนคดีความของศาล แม้ตอนนี้กกต. จะไม่ใช่ศาล แต่กกต.ก็คือผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยด้วยความระมัดระวัง และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
**"สดศรี"เขย่าขวัญ ปชป.
นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากนายทะเบียนพรรคการเมือง มีความเห็นว่าให้ยกคำร้อง ตนอาจจะลงมติเหมือนนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ที่มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นได้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง จะยื่นถอดถอน กกต.นั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และก็ขอให้ยื่นถอดถอนได้เลย จะได้ให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำงานแทน เพราะยอมรับว่า ขณะนี้เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน แต่ทั้งนี้ ขอให้พรรคเพื่อไทยรอดูก่อนว่า การพิจารณาของ กกต. จะออกมาอย่างไร ซึ่งตนยืนยันว่าการพิจารณาของ กกต.ไม่มีใบสั่งแน่
"ขณะนี้คิดว่า กกต. เสมือนเป็นจำเลย และรู้สึกสงสาร ประธานกกต. เพราะถูกกดดันมาก คิดว่าถ้าไปกดดันมาก สักวันท่านอาจจะต้องสู้เหมือนกัน หากยิ่งผลักดันมาก ความเห็นที่ออกมา อาจจะเหมือนเดิม" นางสดศรีกล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า จะไปหารือกับที่ประชุม กกต.ว่า หลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 1 ซึ่งกกต. เปิดขึ้นมานั้น อาจเป็นรุ่นแรก และรุ่นสุดท้าย เนื่องจากหลักสูตรดังกล่าวเปิดขึ้นมาหวังว่าจะให้นักการเมืองนำกลับไปใช้แก้ปัญหาประเทศชาติ แต่ตนเห็นว่าคงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เรียนไปก็ไม่นำไปใช้ ซึ่งตนคิดว่าอาจจะไม่ออกใบประกาศให้ เพราะหลักสูตรนี้วัตถุประสงค์ต้องการให้คนเกิดความสมานฉันท์ ปรองดองกัน แต่ไม่สามารถทำได้ จึงรู้สึกผิดหวัง ทำไมนายพร้อมพงศ์ ถึงทำแบบนี้
**"ไอ้ตู่"ท้าให้ประกาศไม่ยุบ ปชป.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดรวมตัวกันไปบุก กกต. หรือ ป.ป.ช. ว่า อาจมอบภารกิจให้ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นแกนนำไป แต่ทัพใหญ่ยังยืนยันว่า ชุมนุมใหญ่ครั้งเดียวจบ ไม่มีชุมนุมย่อยในเดือน ม.ค.
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การเดินทางไปที่ต่างๆ เราไม่ได้ไปปิดล้อม เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ออกกันมาไม่ได้แน่นอน แต่ที่เราไปเพื่อแสดงเจตนารมณ์เท่านั้น
สำหรับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ กกต. 3 คน โยนเรื่องให้ประธาน กกต.ตัดสินใจนั้น ถือเป็นการแทงกั๊ก มีเจตนาไม่สุจริต เพราะทราบกันชัดเจนว่า ประธานกกต. จะไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะมีหลักฐานชัดเจน ก็ขอท้าให้ตัดสินไปเลยว่าไม่ยุบ พรรคประชาธิปัตย์ และขอให้ประกาศประมาณวันที่ 30 ธ.ค. เสื้อแดงจะได้กำหนดทิศทางเคลื่อนไหว
**"เทือก"สั่ง ตร.คุ้มครอง กกต.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกลุ่มเสื้อแดงที่ขู่จะเผาบ้าน กกต.ว่า สิ่งที่คนกลุ่มนี้กระทำไปถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งตนได้หารือกับทางตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่ไปบุกกกต. อยู่ในระหว่างการประกันตัว ตรงนี้จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ไปพูดในรายละเอียด ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย จะปล่อยให้คนมาทำผิดกฎหมายต่อหน้าต่อตาอยู่อย่างนี้โดยไม่ดำเนินการไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถรักษาความสงบบ้านเมืองได้ ตนจะสั่งการให้ตำรวจดำเนินการสอบถาม และให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เมื่อถามว่าในส่วนของการอารักขาหน่วยงาน หรือบุคคลที่อยู่องค์กรอิสระ และอื่นๆ ที่เป็นเป้าหมาย มีแผนในการอารักขาอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อฝ่ายกลุ่มเสื้อแดงได้แสดงท่าทีอย่างนี้ เราต้องจัดให้มีคนดูแล ให้ความปลอดภัยกับผู้ที่ทำงานในที่ต่างๆ อย่างแข็งแรง เข้มงวด ไม่ให้เสียขวัญกำลังใจด้วย
เมื่อถามว่า ท่าทีของ กกต.ที่ออกมาต่อคดี 258 ล้าน จะเป็นตัวจุดชนวนให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมมากขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเขาก็หาเรื่องอยู่แล้ว พยายามหาว่ามีเรื่องอะไรที่เป็นประเด็นได้ อย่างเช่น การเอาเอกสารลับกระทรวงการต่างประเทศมาเปิดเผย ขยายความไปในทำนองว่า รัฐบาลวางแผนฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นจึงเอามาเป็นประเด็นประท้วง ก็นึกอยู่ว่าจะเป็นประเด็น พอดีว่า กกต. มาพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ และเขาพยายามทำทุกอย่าง กดดัน กกต.ให้เล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน ถ้าไม่เล่นงานเขาจะทำอย่างนั้นอย่างนี้
"ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร แต่ผมคิดว่าทั้งหมด กกต.ต้องทำหน้าที่ตนเองไปตามความเป็นจริง ส่วนกระแสจะจุดติดหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เชื่อว่า พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ต้องเข้าใจ" นายสุเทพกล่าว
**จวก"แม้ว"เย้ยคนไทยทั้งประเทศ
เมื่อถามถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์ ในงานเลี้ยงพรรคเพื่อไทย ให้เตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งปีหน้า และพรรคเพื่อไทย จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามปลุกปลอบขวัญลูกพรรคของตนเอง เพื่อที่จะได้ใช้ลูกพรรคเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น
เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เทหมดหน้าตักหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้ ต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือ ดูแลบ้านเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ให้มีการปฏิบัติในกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีข้อมูลหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจักรภพ อยู่ที่ไหน เพราะการเชื่อมวิดิโอลิงก์ ปรากฏตัวพร้อมกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแต่จะให้ฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบ เมื่อถามว่าเป็นการเย้ยรัฐบาลหรือไม่ว่าไม่สามารถติดตามมาดำเนินคดีได้
"ที่จริงไม่ได้เย้ยรัฐบาล แต่เย้ยพวกเราทั้งประเทศ เพราะพวกเขาอยู่เหนือกฎหมาย เงื้อมมือของกฎหมายไม่สามาถเล่นงานเขาได้ พวกเขาเป็นพวกที่สมคบกันทำความผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองและยังมาลอยหน้าลอยตา ออกช่องนั้นช่องนี้ เพื่อให้เห็นว่า เขาอยู่เหนือกฎหมาย อย่างนี้ไม่ใช่เป็นการเย้ยรัฐบาล แต่เป็นการเย้ยพวกเราทั้งประเทศ แต่ว่าคนที่มีหน้าที่จะต้องติดตามทำไป" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า แม้ว่ารู้อย่างนี้แล้ว เราก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นายสุเทพ กล่าวยอมรับว่า ก็ตามไม่พบ ที่พบแล้วขอตัวไป เขาก็ไม่ส่งให้
"มันก็น่าเจ็บใจ คนทำผิดกฎหมายแล้วยังลอยนวลแล้วมาสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอีก เราต้องทำต่อไป พยายามต่อไป"
**ใช้ กม.คุมสถานการณ์อย่างเข้มข้น
เมื่อถามว่ามีการประเมินพลังของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอย่างไรบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า พูดไม่ได้ พูดว่าน้อยเขาจะหาว่าดูถูก พูดว่ามากเขาก็ยิ่งหึกเหิม ตนไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดได้ เมื่อถามว่า มีการเตรียมมาตรการอย่างไรเนื่องจากคนเสื้อแดงเปลี่ยนยุทธวิธีในการชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า เขาจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ เจ้าหน้าที่ของเรา ต้องรักษาความสงบเรียบร้อย รักษากฎหมาย
เมื่อถามว่า กฎหมายที่มีอยู่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ในปีหน้าได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า พยายามทำตามความเหมาะสม ดูดีที่สุด เหมาะสมที่สุด แล้วก็พยายามไม่ให้เหตุการณ์รุนแรงบานปลาย
ส่วนรัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายในระดับเข้มข้นสูงสุดหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เราจะดำเนินการทุกอย่างในกรอบกฎหมาย ไม่มีเข้มไม่มีจาง หมายความว่า ถ้าใครทำอะไรไม่ผิด ก็ไม่ถูกดำเนินคดี ใครทำผิด ก็ถูกดำเนินคดี การใช้กำลังเจ้าหน้าที่รักษาการ จะทำเท่าที่กรอบกฎหมายอำนวยให้
**อัยการชี้เสื้อแดงก่อกวนตำรวจจับได้
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึง การพิจารณาคดีเสื้อแดงป่วนเมืองว่า คดีกลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมสถานที่ราชการ อาทิ ปิดล้อมทำเนียบฯ กระทรวงมหาดไทย และสถานที่อื่นๆ มีหลายคดี ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ
ส่วนคดีปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่มีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงกับพวกร่วม 14 คน เป็นจำเลยนั้น อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว และได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาแล้ว 3 คน ส่วนที่เหลือนั้นยื่นคำร้องขอเลื่อนการส่งตัวให้ศาล แต่อัยการเจ้าของสำนวนไม่อนุญาต และนัดให้มารายงานตัวประมาณกลางเดือน ม.ค.53
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง ปิดล้อมสำนักงาน กกต. และข่มขู่จะเผาบ้าน กกต. จะสามารถถอนการประกันตัวได้หรือไม่นั้น นายกายสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลใดไปบ้าง ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นคดีๆไป ว่าคดีใดได้มีการทำสัญญาประกันตัวไว้หรือไม่ ซึ่งอัยการไม่มีอำนาจเรียกให้ผู้ต้องหามาพบ เพื่อวางกำหนดเงื่อนไขประกันตัวได้ จนกว่าจะถึงวันที่นัดให้ผู้ต้องหามารายงานตัว แต่หากถึงกำหนดนัด ผู้ต้องหายังคงมีพฤติการณ์ทำผิดเหมือนกับคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ก็อาจวางกำหนดเงื่อนไขประกันตัวได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคุมขัง ผู้ที่กระทำผิดได้ทันที
**"ปทีป"สั่งดูแลบ้านพัก กกต.
พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงบุกไปปิดล้อมสำนักงาน กกต. และก่อความวุ่นวาย ว่าการพิจารณาถอนประกันแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้พิจารณาชี้ขาด จากนั้นจะส่งมาให้ตนรับทราบ โดยส่วนตัวไม่ออกความเห็นต้องให้ บช.น. ตัดสินใจโดยข้อมูลและกฎหมาย
ส่วนการดูแลความปลอดภัย กกต.ที่กังวลว่า คนเสื้อแดงจะบุกบ้านพักนั้น ตนจะสั่งการให้ บช.น.ไปดูแล จัดกำลังตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้
**ผบช.น.เชื่อเสื้อแดงไม่ก่อเหตุรุนแรง
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่หน้าสำนักงานกกต.ว่า เท่าที่ดูจากเหตุการณ์ ถือว่ายังคุยกันรู้เรื่อง เราก็มีการจัดกำลังไปดูแล 2 ส่วน ทั้งชั้นนอก และชั้นใน ตนทราบดีว่าพี่น้องต้องการแสดงออก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องให้แสดงออกกันได้ตามสมควร แต่จะให้บุกรุกไปถึงชั้นใน คงเป็นไปไม่ได้ ตนได้เจรจากับแกนนำแล้ว ก็เข้าใจตรงกันว่า ขอสิทธิในการแสดงออกเท่านั้น ถ้ามีเรื่องอะไรที่อาจทำให้ต้องตกใจไปบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา โดยหลังจากที่เจรจากันรู้เรื่องแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงก็พากันเดินทางกลับ
"การกระทำแบบนี้ จะถือว่าเป็นการละเมิดคำสั่งศาลหรือไม่ ต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปดูอีกที โดยผมได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. เป็นผู้ตรวจสอบ โดยเฉพาะนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ทั้ง 2 แกนนำนั้น กำลังมีคดีติดตัวกันอยู่ ถึงชั้นอัยการแล้ว ที่สำคัญนายอริสมันต์ ก็ยังมีคดีที่ศาลจังหวัดพัทยาอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงเลยชั้นของตำรวจไปหมดแล้ว สำหรับเรื่องที่มีการข่มขู่ว่า จะบุกไปเผาบ้าน กกต.คงเป็นแค่เรื่องขู่ ซึ่งผมก็ได้ให้กำลังตำรวจไปดูแลแล้ว กฎหมายบ้านเมืองมีอยู่ หากใครไปเผาบ้านคนอื่นก็ต้องติดคุกเมื่อนั้น ผมเชื่อว่าพี่น้องคนไทยด้วยกันคงไม่ทำอะไรรุนแรงขนาดนั้น” พล.ต.ท.สัณฐานกล่าว
**จวกแม้วยุยงให้ใช้ความรุนแรง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ขบวนการดิบ ถ่อย เถื่อน ของกลุ่มเสื้อแดงได้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง การประกาศขู่จะเผาบ้าน กกต.ทั้ง 5 คน แสดงถึงการเหิมเกริม ไม่เคารพกฏหมายบ้านเมือง ดังนั้นถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาจัดการ หากปล่อยไปจะยิ่งลุกลามใหญ่โต เพราะแกนนำแดงตัวพ่อ ใช้ทั้งวีดีโอลิงค์ โฟนอิน ทวิตเตอร์ ปลุกระดมส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเร่งโหม จุดกระแส ขยายประเด็นถึงขนาดกล้าประกาศข่มขู่ จะเผาบ้าน กกต. ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์ มาในงานสังสรรค์ปีใหม่ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ก็ยังคงใช้ถ้อยคำยุยง ส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่ใช้มาตลอด
"ผมเป็นห่วงสถานการณ์การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงในช่วงหลังปีใหม่ว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองจริงตามคำขู่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพูดว่าจะกลับมาในช่วงสงกรานต์ เข้าใจว่า จะกลับมาฉลองครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์สงกรานต์เลือด และที่บอกว่า “today is my day to year is my year” ซึ่งหมายความว่า วันนี้ และปีนี้ เป็นปีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ผมเห็นว่าน่าจะใช้คำนี้มากกว่า คือ “next life is my life หรือ next life afternoon” หมายความว่า ให้รอไปก่อนชาติหน้า หรือ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ" นายเทพไท กล่าว
** คาดหลังปีใหม่สถานการณ์รุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่า กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วงเดือนมกราคม รัฐบาลจะรับมืออย่างไร นายเทพไท กล่าวว่า ฝ่ายข่าวด้านความมั่นคงรายงานตลอดอยู่แล้วว่า คนเหล่านี้จะมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่นี้ไปตลอด เป็นการสร้างกระแสไปเรื่อยๆ ทราบว่าในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ จะเดินทางปิดล้อมกระทรวงการต่างประเทศ หลังปีใหม่ก็จะมีการคลื่อนไหวไปตามสถานที่ต่างๆ อีก ซึ่งทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อโหมกระแส ให้ไปถึงจุดสูงสุด ที่จะแตกหักกับรัฐบาล และวันนี้ ถ้าดูท่าทีของแกนนำเสื้อแดงยังไม่มีการกำหนดว่าจะมีการชุมนุมใหญ่วันไหน ตนเข้าใจว่าคนสื้อแดงน่าจะดูกระแสว่าจุดไหนฮอตสุด ก็จะชุมนุมในจุดนั้น ซึ่งในส่วนของรัฐบาลฝ่ายความมั่นคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
**จี้ถอนประกัน"อริสมันต์-แรมโบ้"
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์การชุมนุมที่หน้าสำนักงาน กกต. เหมือนภาพหลอนเดือนเมษายน เพราะเป็นบุคคลเดิม วิธีการเดิมโดยใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ป่าเถื่อน ขอถามว่า ไม่เคยมีบทเรียนเลยหรือ และทำไมคนที่ทำรุนแรงยังอยู่ได้ในสังคม จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มเสื้อแดง ตั้งสติ เพราะกำลังทำผิดกฎหมาย แถมขู่สังคม นอกจากนี้ ยังมีภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายจักรภพ เพ็ญแข นายยงยุทธ ติยะไพรัช อยู่ด้วยกัน และวีดีโอลิงก์ เข้ามาอวยพรระหว่างงานเลี้ยงพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการเย้ยกฎหมายชัดๆ เพราะคนหนึ่งหนีคดี อีกคนก็นำมวลชนมาก่อความรุนแรงหน้าบ้านบุคคลสำคัญจนมีคดี อีกคนก็เป็นเหตุให้ยุบพรรค จึงไม่ควรไปชื่นชม และขอให้ทั้ง 3 คน ยุติการกระทำ รวมถึงยุติการข่มขู่องค์กรอิสระ ได้แล้ว
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลและตำรวจไปร้องศาลขอให้ถอนการประกันตัว นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.เพราะ หากปล่อยไปไม่รู้จะไปเผาอีกกี่ที่ จึงจะจับกุม ทั้งนี้คนเหล่านี้มีเงื่อนไขการได้ประกันตัวอยู่แล้ว จึงขอสนับสนุนให้มีการถอนการประกันตัว
**ปชป.ฉะ นปช.ไม่ต่างกับผู้ก่อการร้าย
นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคมีความห่วงใยต่อการเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และกลุ่มนปช. ที่มีการคุกคามการทำงานขององค์กรอิสระ และสถาบันที่อยู่นอกเหนือความขัดแย้งทางการเมือง จากกรณีที่มีการข่มขู่ที่จะบุกเผาบ้านของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เหมือนช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และการใช้วิธีการข่มขู่ ใช้ความรุนแรง เพื่อให้มีการยุบสภา หรือมีการเจรจา ทำให้สังคมเกิดความหวาดกลัว ซึ่งไม่ต่างกับยุทธศาสตร์ของผู้ก่อการร้าย
อย่างไรก็ตาม หากการเคลื่อนไหวนี้ เพียงเพื่อต้องการให้องค์กรอิสระ วินิจฉัยตามความต้องการของตัวเอง หรือให้รัฐบาลยอมนำเรื่องคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเจรจา เห็นว่า วิธีดังกล่าวจะยิ่งสร้างความขัดแย้ง และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศยากมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้พรรคจึงขอให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัย ของทั้งองค์กรอิสระและประชาชนทั่วไป เนื่องจากกลุ่ม นปช.ประกาศชัดเจนว่าจะชุมนุมวันที่ 27 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขของประชาชน และขอให้ทุกฝ่ายระวังป้องกันด้วย