รมต.สำนักฯ เตรียมจัดแถลง “ผลงานรัฐบาลครบ 1 ปี” 23 ธ.ค.นี้ เล็ง 2 เรื่องใหญ่ “เศรษฐกิจปัญหาปากท้อง-แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง” ยันไม่เกี่ยวประเมินผลงาน รมต. โบ้ยหน่วยงานด้านความมั่นคงประเมินคำขู่ม็อบเสื้อแดง 10 ธ.ค.เสนอ ครม.อังคารหน้า เชื่อประชาชนรับไม่ได้ ย้อนถามรู้ได้อย่างไรจะมีเหตุระเบิดมระหว่างการชุมนุม
วันนี้ (3 ธ.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีรัฐบาลว่า กำหนดไว้คร่าวๆ ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ช่วงเช้า โดยรูปแบบจะใกล้เคียงกับการแถลงผลงานรัฐบาลช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สำหรับเหตุผลการจัดแถลงนั้น เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าเราทำงานจะครบปีแล้ว น่าจะบอกประชานว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง และปีหน้าจะทำอะไร โดยลักษณะจะเป็นรูปเล่มหนังสือ จะบอกทุกเรื่องที่คนได้รับประโยชน์อะไร อย่างไร ซึ่งสำหรับหนังสือตนไม่แน่ใจว่าภายในวันที่ 23 ธ.ค.นี้จะเสร็จทันหรือไม่ เราทำหนังสือออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกส่งสภา และอีกเวอร์ชันสำหรับประชาชน โดยจะทำให้สั้นๆ ง่ายๆ
ส่วนจะเป็นการประเมินผลงานรัฐมนตรีไปในตัวด้วยหรือไม่นั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นการบอกกล่าวประชาชนว่า 1 ปีผ่านมาทำอะไร อะไรที่คืบหน้าไป ใครได้ประโยชน์บ้าง ซึ่งก่อนหน้าได้คุยหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยนายกฯขอให้ทำตัวเลข สถิติให้ชัดเจนด้วย ในการจัดทำเอกสารรูปเล่ม
เมื่อถามว่าจะมีการเปรียบเทียบข้อมูลผลงานรัฐบาล 6 เดือนแรกกับ 6 เดือนให้หลังหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า แน่นอนว่าการทำงานต้องมีการสรุปถึงปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง ซึ่งปัญหาอุปสรรคเราก็พูดกันบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้จะจัดระบบให้เห็นว่าใน 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกฯ ได้กำหนดโจทย์ของประเทศเอาไว้ในเรื่องอะไร อะไรคือแนวทางที่รัฐบาลทำไป ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ใครได้รับประโยชน์บ้าง ปัญหาอุปสรรคอยู่ตรงไหน อย่างไร ปีหน้าอะไรคือภารกิจที่ต้องทำต่อ
เมื่อถามว่า ภารกิจที่ท้าทายมีอะไรบ้าง นายสาทิตย์กล่าวว่า นายกฯ จะเป็นผู้แถลง ถ้าเราจำได้ว่านโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา คือ นโยบายที่เร่งด่วนที่ต้องทำในปีแรก เข้าใจว่าทั้งหมดสิบกว่าเรื่อง มีกี่แบบ ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนฟัง พอทำงานมาก็อาจจะมีนโยบายที่สำคัญและต้องเดินหน้าต่อ เช่น นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ก็ต้องเล่าให้ฟังว่าทำไปถึงไหนอย่างไร
อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์กล่าวว่า เรื่องใหญ่คิดว่าคงมี 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง เพราะรัฐบาลเข้ามาถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่มีผลกระทบ หลังจากทำมาแล้ว1 ปี ตัวเลขเป็นอย่างไร ดีขึ้นไหม มีแนวโน้มสัญญาณดีขึ้นหรือเปล่า สร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยมากน้อยเพียงใด ตัวเลขคนว่างงานเป็นอย่างไร ภาคเกษตร ภาคแรงงานเป็นอย่างไร สำหรับประการที่ 2 คือ การแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง มีปัญหาอะไรที่คิดว่าคืบหน้าไปบ้าง
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งมองว่าผลงานรัฐบาลเป็นอย่างไร นายสาทิตย์ปฏิเสธตอบคำถามพร้อมกับบอกว่า นายกฯ จะเป็นคนแถลง ถามว่าประเมินว่าการแก้ปัญหาจะมีความคืบหน้าหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ปัญหาทุกอย่างมีที่มาที่ไป และเหมือนที่รัฐบาลวางเอาไว้ในการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นโดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ซึ่งชี้แจงได้ ตามที่ถูกกล่าวว่ารัฐบาล 2-3 มาตรฐานแต่ละคดีเป็นอย่างไร
“เราประกาศไว้ตั้งแต่ต้น โดยนายกฯ ระบุว่าจะต้องไม่ให้พระมหากษัตริย์อยู่ในวังวนความขัดแย้งด้วย ซึ่งเราต้องปกป้องอย่างเต็มที่ ในส่วนนี้รัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว จนเห็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ส่วนเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวหาและใช้เขมรเป็นฐานในการโจมตี เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องชี้แจง” นายสาทิตย์กล่าว
นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า การชุมนุมสามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว เพียงแต่การชุมนุมรัฐบาลต้องดูแลไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ต่อความสงบสุขของสังคม อย่างน้อยเรื่องนี้เราสามารถพูดได้ เพราะเห็นชัดเจนในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่า รัฐบาลสามารถระงับยับยั้งไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะชี้แจงประชาชนผ่านหนังสือ เรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของรัฐบาลได้อย่างไร นายสาทิตย์กล่าวว่า กำลังเขียนอยู่ ตนได้ขอให้ทางหน่วยความมั่นคงมาช่วยกันเขียน ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) มาช่วยกันเขียน
เมื่อถามว่า รัฐบาลห่วงหรือไม่ว่าการเตรียมแถลงผลงานรัฐบาลโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่ขณะเดียวกันคนเสื้อแดงชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค.นี้ นายสาทิตย์กล่าวว่า เราพูดชัดกันไปแล้วว่าให้หน่วยงานความมั่นคงประเมินก่อน ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร ประเมินแล้วจะมีการเสนอภายใน ครม.วันอังคารที่ 8 ธ.ค.นี้ จริงๆ ก็ไม่อยากให้เกิดปัญหา เพราะเดินมาได้ด้วยดี การยกเลิกการชุมนุมเป็นสัญญาณที่ดีในเดือนมหามงคล แต่พอประกาศการชุมนุมก็เพิ่มระดับความตึงเครียดเกิดขึ้น ก็เกิดคำถามว่าเดือนมหามงคลอย่างนี้ ทำไมถึงมีกลุ่มคนที่ต้องการสร้างความตึงเครียดให้เกิดขี้น เราต้องประเมิน หน้าที่ของรัฐบาลคือ ต้องไม่ให้กระทบต่องานที่เราจัด อย่าลืมว่า 10 ธ.ค.ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยังอยู่ในช่วงการจัดงานไม่เสร็จสิ้นพิธี ส่วนการปรับแผนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ สถานการณ์ เรื่องจำนวนคน
เมื่อถามว่า ทางแกนนำได้ออกมาระบุว่าหากมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นจะเป็นฝีมือของรัฐบาลในวันนั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า ต้องถามกลับกลุ่มคนเสื้อแดงรู้ว่าใครทำหรือ นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า สำหรับชื่องานคงจะเป็นข่าวดีให้คนไทยบ้าง เนื่องจากเรามีข่าวร้ายมาทั้งปีแล้ว ส่วนสาเหตุที่เลือกวันที่ 23 ธ.ค.นี้ก็เนื่องจาก การแถลงผลงานรัฐบาล ครบ 1 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งคงจะไม่ไหว ปลายปีทุกอย่างจะอีนุงตุงนังพอสมควร งานปีใหม่บ้างอะไรบ้าง แต่ถ้าเลยไปหลังปีใหม่ เดือน ม.ค.มีงานหลายอย่าง สำหรับการแถลงต่อสภานั้นคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.พ.53
เมื่อถามว่า เหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะแถลงผลงานต่อรัฐสภา และเตรียมก่อนจะถูกอภิปราย นายสาทิตย์กล่าวว่า การแถลงต่อสภาพวกเราไม่ต้องเตรียมความพร้อม พวกเราพร้อมอยู่แล้ว แต่ที่พร้อมกว่าคือการรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ