“เทพไท” เปลี่ยนสมญานาม “จตุพร” ใหม่ เป็น “ไอ้ขี้ตู่” สุดมั่วข้อมูลเอกสารลับ ซัดคนแปลลงเว็บทำชาติเสียหาย ชี้ขบวนการดิบ-เถื่อน-ถ่อยคืนชีพแล้ว หลังโหมโรงฉี่หน้า กกต. จี้รัฐฟันตามกฎหมาย หวั่นเสื้อแดงทำสงครามกลางเมืองช่วงปีใหม่ เชื่อ “นช.แม้ว” บอกจะกลับมาเมษาฯ หวังฉลองสงกรานต์เลือด ปัดรัฐแทรกแซงสื่อ เย้ยไม่เคยใช้สันดานเดียวกับ “ทักษิณ”
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศครั้งล่าสุดว่า ตนติดตามเนื้อหาคำแถลงข้อกล่าวอ้างต่างๆ แล้วเห็นว่ารายละเอียดไม่น่าตื่นเต้น เพราะเป็นการนำเอาเอกสารสรุปเชิงวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อให้ผู้บริหารตัดสินใจ มีขั้นตอนการเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ซึ่งผู้บริหารไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามก็ได้ และเป็นเอกสารชั้นความลับที่หากมีการแปลเป็นภาษาต่างประเทศเพื่อนำขึ้น เว็ปไซด์ออกเผยแพร่ จะทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายได้ ถือเป็นการไม่สมควร
นายเทพไทกล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลเอกสารทั้งสองชุดที่นายจตุพรอ้าง ไม่มีสาระสำคัญใดๆ ที่จะระบุว่าจะมีการกำจัดหรือสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีตามที่กล่าวอ้างบิดเบือน ซึ่งตนเข้าใจว่านายจตุพรทำเพื่อให้เป็นประเด็นการเมือง จึงอยากถามคนเหล่านี้ว่า เห็นความสำคัญของชาติอื่นมากกว่าชาติตัวเองหรือ และไม่น่าเชื่อว่านายจตุพรจะทำเช่นนี้ได้ แม้กระทั่งการได้มาซึ่งข้อมูลก็พูดไม่ตรงกัน โดยนายจตุพรระบุว่าได้มาจากข้าราชการในกระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน กลับระบุว่าเป็นเอกสารที่ส่งมาให้ทางไปรษณีย์ ดังนั้น เรื่องนี้นายจตุพรจึงต้องชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะวันนี้กระทรวงต่างประเทศได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษแจ้งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการการเปิดเผยเอกสาร
“ในฐานะที่เป็นเพื่อนของนายจตุพร ผมจะไม่ขอเรียกว่าตุ๊ดตู่อีกแล้ว แต่จะขอเรียกว่า ไอ้ขี้ตู่แทน” นายเทพไทกล่าว
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช.เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงว่า ขบวนการดิบ ถ่อย เถื่อน ได้ถูกรื้อฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง การจะอ้างว่าเป็นการชุมนุม โดยสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธหรือไม่ ขอให้ดูตัวอย่างการโหมโรงที่ไปชุมนุมหน้าสำนักงานกกต. เมื่อวันที่ 23 ธค ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร เพราะมีการเผาโลงศพ ฉี่รดหน้าสถานที่ กระทำอนาจาร ใช้ถ้อนคำหยาบคายพร้อมทั้งข่มขู่ประกาศจะเผาบ้าน กกต.ทั้ง 4 คน พฤติกรรมเหล่านี้แสดงถึงการเหิมเกริม ไม่เคารพกฏหมายบานเมือง ดังนั้น ถึงเวลาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาแล้วหรือยังต่อพฤติกรรม เหล่านี้ว่าถ้าหากปล่อยไปจะยิ่งลุกลามใหญ่โต เพราะแกนนำแดงตัวพ่อ ใช้ทั้งวิดีโอลิงก์ โฟนอิน ทวิตเตอร์ ปลุกระดมส่งสัญญาณให้ลิ่วล้อเร่งโหมโรง จุดกระแสขยายประเด็น พร้อมทั้งกล้าประกาศข่มขู่เผาบ้าน กกต.ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ตนจึงขอให้กำลังใจ กกต.ที่ได้พิจารณาเรื่องไปตามข้อเท็จจริง แต่ละท่านส่วนใหญ่เป็นผู้พิพากษาเคยตัดสินคดีใหญ่ๆ จึงคิดว่าจะมีความเด็ดเดี่ยวให้ความเป็นธรรมแก่บ้านเมืองได้
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์มาในงานสังสรรค์ปีใหม่ของพรรคเพื่อไทย วานนี้ (23 ธ.ค.) นั้น นายเทพไทชี้ว่า ยังคงใช้ถ้อยคำยุยงส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่ใช้มาตลอด ส่วนการที่พาดพิงรัฐบาลว่าคุกคามสื่อ แทรกแซงสื่อโดยการให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้าไปซื้อการโฆษณาในสื่อต่างๆ ว่า ยืนยันว่ารัฐบาลอยู่ครบมา 1 ปี ไม่เคยแทรกแซงสื่อ หรือบีบบังคับให้รัฐวิสาหกิจไปซื้อโฆษณาในซื้อต่างๆ พ.ต.ท.ทักษิณคงใช้จินตนาการและพื้นฐานเดิมๆของตนเองที่เคยใช้กับสื่อมาก่อน และให้ย้อนไปดูพฤติกรรมในอดีตว่า พ.ต.ท.ทักษิณไปแทรกแซงสื่ออย่างไร
“ผมเป็นห่วงสถานการณ์การเคลื่อนไหวของเสื้อแดงในช่วงหลังปีใหม่ ว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองจริงตามคำขู่ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพูดว่าจะกลับมาในช่วงสงกรานต์ เข้าใจว่าจะกลับมาฉลองครบรอบ1 ปี เหตุการณ์สงกรานต์เลือด และที่บอกว่า “today is my day to year is my year” ซึ่งหมายความว่าวันนี้ และปีนี้เป็นปีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ผมเห็นว่าน่าจะใช้คำนี้มากกว่า คือ “next life is my life หรือ next life afternoon” หมายความว่าให้รอไปก่อนชาติหน้า หรือชาติหน้าตอนบ่ายๆ” นายเทพไทกล่าวเสริม
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงก์มาต่อว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ที่ออกมาปฏิเสธข่าวว่าไม่ได้มีเจตนาที่แสดงตัวเป็นคนกลางในการเจรจา โดยกล่าวหาว่าการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ถอนตัวเพราะไม่ได้รับอนุญาตมาจริงๆ ซึ่งพยายามพูดว่าคนที่อยู่สูงกว่าพ ล.อ.สุรยุทธ์ คือผู้ขัดแย้ง พ.ต.ท.ทักษิณจริงๆ ว่า สังคมคงต้องไปค้นหาดูว่าคนที่สูงกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ มีใครบ้าง เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามพาดพิงอยู่เสมอ ส่วนการที่บอกว่าเมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ออกมาเป็นคนกลางก็เป็นเรื่องดี ตนเห็นว่าที่ผ่านมาคนในระบอบทักษิณ ก็ได้กระโดดออกมารับลูกเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งสัญญาณให้ลิ่วล่อตั้งเงื่อนไข 3 ข้อ แต่เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์ ปฏิเสธลิ่วล้อและ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาบอกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นคนกลาง
“ผมอยากให้สังคมเห็นว่าคนเหล่านี้ถูกหลอกให้เปิดธาตุแท้ออกมาว่าตัวเองต้องการ อะไร เหมือนสุนัขงับฟักร้อน เพียงแค่มีคนออกข่าวว่าต้องการเป็นคนกลางเจรจาเพื่อลดความขัดแย้ง คนในขบวนการหรือในระบอบทักษิณก็โดดออกมางับทันที วันนี้จึงเห็นธาตุแท้ว่าจริงๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการอะไร” นายเทพไทกล่าวอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่ากลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วงเดือนมกราคม รัฐบาลจะรับมืออย่างไร นายเทพไทกล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายข่าวด้านความมั่นคงได้รายงานตลอดอยู่แล้วว่าคนเหล่านี้จะมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่นี้ไปตลอด เป็นการวอร์มหรือเป็นการสร้างกระแสไปเรื่อยๆ เพราะจะเห็นว่าในวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมามีการชุมนุมที่หน้า กกต. หน้ากระทรวงทรัพยากรธรรมและสิ่งแวดล้อม และระบุว่าในวันที่ 27 ธ.ค.นี้จะเดินทางปิดล้อมกระทรวงการต่างประเทศ หลังปีใหม่ก็จะมีการคลื่อนไหวไปตามสถานที่ต่างๆ อีก ซึ่งทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงโหมกระแสให้ไปถึงจุดสูงสุดที่จะแตกหักกับรัฐบาล และวันนี้ถ้าดูท่าทีของแกนนำเสื้อแดงยังไม่มีการกำหนดว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ วันไหน ตนเข้าใจว่าคนสื้อแดงน่าจะดูกระแสว่าจุดไหนฮอตสุดก็จะชุมนุมในจุดนั้น ซึ่งในส่วนของรัฐบาลฝ่ายความมั่นคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ตนได้คุยกับนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ประธานคณะทำงานเพื่อประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (วอร์รูม) ว่าต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามสถานการณ์มากขึ้น เพื่อเรื่องที่หารือเข้าเสนอต่อรัฐบาล
