นักวิชาการยิงคำถามตรงจี้ "กรณ์" ตอบ รัฐเดินหน้า "ไทยเข้มแข็ง" ปชช.ได้อะไร ด้าน รมว.คลัง ชี้ รบ. ทำการบ้านอย่างดีก่อนลงมือทำ เพื่อส่งความช่วยเหลือให้ถึงมือปชช. โดยไม่ผ่านคนกลางเปิดช่องให้ทุจริต ชี้ คดียึดทรัพย์ "นช.แม้ว" พบทุจริตชัดเจน ทั้งซุกหุ้นและโยกย้ายทรัพย์ไปมา มีสิทธิ์โดนยึดทั้งกะบิ
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "คนในข่าว"
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. วันอังคารที่ 15 ธ.ค. โดยมี นายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ วันนี้ได้เชิญ นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรศ.ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรยง นักวิชาการจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นการบริหารนโยบายทางเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง
นายเติมศักดิ์ ตั้งคำถามเปิดประเด็นว่า ถ้าหากให้คะแนนรัฐบาลและกระทรวงการคลังในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ถือว่าสอบผ่านหรือไม่ รศ.ดร.ชวินทร์ กล่าวประเด็นนี้ว่า ก็คงต้องคะแนนรัฐบาลและกระทรวงการคลังสอบผ่าน แต่ผ่านในที่นี้มีเงื่อนไข เพราะตอนนี้ประเทศอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติ ทำให้รัฐบาลอาจจะดำเนินนโยบายบริหารประเทศได้อย่างไม่สะดวกมากนัก แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ คือ ต่อไปรัฐบาลจะมีนโยบายการสร้างผลงานโชว์ให้แก่ประชาชนอย่างไร เนื่องจากสิ่งที่ตนเห็นอยู่เป็นภาพที่รัฐบาลยังย่ำอยู่กับที่ คือ ไม่ถอยหลัง แต่ก็ไม่ก้าวไปข้างหน้ามากกว่านี้ โดยดูได้จากวิกฤตซับไพร์มที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้เกิดผลกระทบต่อไทยประเทศเดียว แต่ปัญหาดังกล่าวกลับทำให้จีดีพีไทยลดลง แบบนี้ก็แสดงว่าไทยยังคงดำเนินโครงสร้างเศรษฐกิจเดิมๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
นายเติมศักดิ์ ถามว่าเรื่องช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมีผลในการบริหารงานของรัฐบาลหรือไม่ รศ.ดร.ชวินทร์ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวมีอยู่ 2 มิติ คือ รัฐบาลไม่สามารถทำให้คนจนรวยขึ้นมาได้ และขณะเดียวกันก็ไม่สามารถหาวิธีมาแบ่งเงินของคนรวยให้คนจน ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงดูเหมือนสวนทางกัน โดยแท้จริงแล้ว ที่ผ่านมาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนแก้ปัญหาด้วยการเสียภาษีในอัตราที่ไม่เท่ากัน ซึ่งจะคิดจากรายได้รายบุคคล แต่เรื่องการเสียภาษีก็ทำให้เกิดคำถามว่า รัฐเก็บเงินจำนวนนี้จากน้ำพักน้ำแรงประชาชน ทำไมไม่คิดหาวิธีเก็บจากรายได้ที่ประชาชนไม่ต้องลงแรง อย่างเช่น การเก็บภาษีมรดก
นายเติมศักดิ์ ถามว่านโยบายประชานิยมมีผลทำให้ประชาชนเสียนิสัยหรือไม่ รศ.ดร.ชวินทร์ กล่าวว่า รัฐทำให้ประชาชนเคยชินกับการได้อะไรโดยไม่ต้องลงแรง แต่รัฐไม่เคยพูดว่าเอาเงินจากไหนมาดำเนินโครงการดังกล่าว ทำให้ประชาชนคิดว่ารัฐใจดีทำให้ฟรี ซึ่งที่จริงแล้วเงินที่นำมาดำเนินการสุดท้ายแล้วประชาชนก็ต้องร่วมแบกรับภาระด้วย ทั้งนี้ ตนอยากให้ดูประเทศในแถบลาตินอเมริกา ที่ล่มสลายเพราะนักการเมืองชอบแห่เอาใจประชาชนในทางที่ผิดด้วยการให้เสพนโยบายประชานิยมจนมอมเมา โดยที่ประชาชนลืมนึกถึงประโยคที่ว่า ไม่มีของฟรีในโลก
นายเติมศักดิ์ กล่าวถึงนโนบายไทยเข้มแข็ง รศ.ดร.ชวินทร์ กล่าวว่า ทางที่ดีรัฐบาลควรให้ประชาชนรู้จักพึ่งพาตนเอง มากกว่าหยิบยื่นอะไรให้ฟรีๆ โดยส่วนหนึ่งของโครงการไทยเข้มแข็งตนก็เห็นด้วย แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงมากเป็นพิเศษ คือ เรื่องประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ เพราะเท่าที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยมีวิสัยทัศน์ในการสามารถปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้นมาได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องตอบคำถามว่า ประเทศไทยมีจุดไหนที่ยังไม่เข้มแข็ง ซึ่งหากโครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จและไม่สามารถปรับเปลี่ยนโฉมหน้าทางเศรษฐกิจได้จริง นอกจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะโดนตำหนิแล้วเรื่องนี้ยังรวมถึงนายกรณ์ ในฐานะที่เป็น รมว.คลังด้วย
นายกรณ์ กล่าวประเด็นนี้ ว่า โครงการไทยเข้มแข็งมีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยได้มีการวางแผนและทำการบ้านโครงการนี้มาอย่างดี เพื่อต้องการจะปฏิรูปหลายส่วนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปภาคประชาชน ปฏิรูปการเงิน หรือปฏิรูปรัฐ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลได้เน้นปฏิรูปภาคประชาชน เพราะต้องการช่วยเหลือและลดภาระจากวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาว่างงาน รัฐบาลพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยโครงการไทยเข้มแข็ง รัฐบาลต้องการให้เงินช่วยเหลือถูกส่งถึงมือประชาชน โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการใดๆ ที่อาจทำให้เกิดการทุจริต ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวถือเป็นการบรรเทาปัญหาในระยะสั้น
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนระยะกลาง ที่ดำเนินการเป็นการเดินหน้าใช้งบเพื่อสร้างหรือปรับปรุงซ่อมแซมสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน และสุดท้ายการดำเนินการในระยะยาว รัฐบาลต้องหาทางทำอย่างไรให้เศษฐกิจไทยมีความเข้มแข็งยั่งยืน และประชาชนได้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างแท้จริง
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาแล้ว ไทยยังมีปัญหาทางการเมืองที่ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี กำลังพยายามทำทุกอย่าง ก่อนที่ศาลจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ในเดือนมกราคมนี้ โดยเรื่องนี้ในส่วนความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการซุกหุ้นตามกองทุนต่างๆ หรือจะเป็นการโยกย้ายเงินโดยจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่สิ่งที่น่าจับตามองต่อไป คือ ประเด็นศาลจะยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด 76,000 ล้านบาทหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ฝ่ายพวก พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาทักท้วงว่า หากจะยึดก็ต้องยึดแค่เงินที่ทุจริต แต่เงินเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ต้องคืน พ.ต.ท.ทักษิณ โดยสำหรับกรณีนี้ ตนเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะถึงอย่างไรเงินจำนวนดังกล่าวก็ถือว่าเป็นต้นทุนที่ได้จากการโกงมา ดังนั้น หากมีหลักฐานยืนยันก็สามารถยึดทรัพย์ได้ทั้งหมด
นายเติมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าหากยึดทรัพย์ทั้งหมด 76,000 ล้านบาท ปัญหาวุ่นวายของประเทศไทยตอนนี้จะจบลงหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า ถึงเงินจำนวนนี้โดนยึด แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเงินอยู่อีกจำนวนมากที่หลบซ่อนอยู่ต่างประเทศ แต่สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังวนเวียนอยู่กับประเทศไทย เพราะไม่พร้อมที่จะปล่อยวาง หรือเพิกเฉยกับเงินจำนวนดังกล่าวได้ จึงยังใจจดใจจ่ออยู่