xs
xsm
sm
md
lg

ชูธงการเมืองใหม่ ทุกฝ่ายมาร่วมทำ

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

พัฒนาการของเหตุการณ์ตั้งแต่ปลายปี 2548 จนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทาง แนวโน้ม กฎเกณฑ์พัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย ว่าถึงที่สุดแล้ว “การเมืองใหม่” ต้องเข้าแทนที่การเมืองเก่า การพัฒนาประเทศจะต้องถือเอา “คน” เป็นฐาน เป็น “หัวใจ” คุณภาพชีวิต คุณภาพประชากร คือตัวตั้งของการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ซึ่งในกระบวนการทั้งหมดนั้น การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากการเมืองเก่าไปสู่การเมืองใหม่ คือการเปิดประตูให้แก่การพัฒนาทางด้านอื่นๆ จำเป็นจักต้องทำให้สำเร็จเป็นเบื้องต้น มิเช่นนั้นการพัฒนาทางด้านอื่นๆ จะเป็นเพียง “วาทกรรม” สวยหรู ลมๆ แล้งๆ

ตามขั้นตอนพัฒนาการที่ผ่านมา ที่ไม่มีใครเป็นผู้กำหนดล่วงหน้า ดำเนินมาเป็นขั้นๆ ดังนี้

ขั้นแรก การขับไล่ทักษิณลงจากอำนาจ โดยการจุดเทียนปัญญา เฉลยความจริงแห่งอภิมหาโกง “โคตรโกง โกงทั้งโคตร” จากหลายฝ่ายหลายทาง โดยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นหัวหอกทะลวงฟัน และลงเอยด้วยการรัฐประหาร ทั้งหมดของฝ่าย “ต่อต้าน” และ “โค่น” ทักษิณลงไป ถือว่าได้สร้างคุณูปการให้แก่การเกิดขึ้นของการเมืองใหม่ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ

กระบวนการ “ประสานกัน” ของฝ่ายต่างๆ จนกระทั่งนำไปสู่การ “ยุติ” การบริหารอำนาจของกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2548 ถึงวันที่ 19 กันยายน2549 ถือได้ว่าเป็นการเปิดทางให้แก่การเกิดขึ้นของการเมืองใหม่โดยปริยาย

ใครเป็นใครในกระบวนการนั้น ล้วนแต่เป็นผู้มี “คุณูปการ” ต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทยที่จะเกิดตามมา ประวัติศาสตร์ชาติไทยพึงจารึกไว้ให้ครบถ้วน

ถัดมา คือการนำเสนอการเมืองใหม่ การเมืองใหม่ถูกนำเสนอขึ้นมาโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในระหว่างการนำมวลมหาชนต่อสู้กับรัฐบาลหุ่นเชิดในระบอบทักษิณอย่างยืดเยื้อรวม 193 วัน ระหว่างวันที่ 25 พ.ค. – 2 ธ.ค.2551 ขับเคลื่อนขบวนการการเมืองภาคประชาชนเข้าสู่ระยะการต่อสู้ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างแท้จริง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 โดยเนื้อหาสาระก็คือเปลี่ยนจากการเมืองเก่าไปสู่การเมืองใหม่ นัยสำคัญก็คือประชาชนเป็น “เจ้าภาพ”

นัยทางประวัติศาสตร์ก็คือ การเมืองใหม่เป็นเรื่องของประชาชน ทุกฝ่าย “ร่วม” เป็นเจ้าภาพ ดำเนินการสร้างอำนาจประชาชน ซึ่งเป็นอำนาจกำหนดใหม่ ต่อสู้เอาชนะอำนาจกำหนดเก่าของการเมือง
เก่า สถาปนาอำนาจการเมืองใหม่แทนที่อำนาจการเมืองเก่าในที่สุด

กระบวนการทั้งหมดนี้ สามารถดำเนินให้บรรลุความสำเร็จได้ภายในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ขั้นต่อมา พันธมิตรฯ เป็นผู้ชูธงการเมืองใหม่ จากการคลี่คลายของสถานการณ์ ปรากฏชัดว่า พันธมิตรฯ คือผู้นำการสร้างการเมืองใหม่ ดำเนินการต่อสู้เพื่อสร้างการเมืองใหม่ เอเอสทีวี เอเอสทีวีชอป พรรคการเมืองใหม่ ฯลฯ เป็นผลิตผลและองค์ขับเคลื่อนกระบวนการสร้างการเมืองใหม่ในทุกระดับอย่างเป็นบูรณาการ

ต่อปรากฏการณ์นี้ จำเป็นที่ทุกภาคส่วนของสังคมที่ต้องการการเมืองใหม่ จะต้องมองเห็นกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้น เปิดใจยอมรับขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรฯ กลุ่มบริษัทเอเอสทีวี-ผู้จัดการ พรรคการเมืองใหม่ ฯลฯ ที่กำลังงอกเงยขึ้น หาทางเข้าร่วมขบวนการฯ หรือไม่ก็หาทางประสานการขับเคลื่อนในรูปแบบต่างๆ ตามแต่ถนัด ไม่ควรถือเขาถือเราอีกต่อไป

ทั้งนี้ ขบวนการการเมืองใหม่ที่มีพันธมิตรฯ เป็นแกนนำ ปัจจุบันมีแนวคิดทฤษฎีที่ก้าวหน้า ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศไทยชี้นำการเคลื่อนไหวปฏิบัติในทุกขั้นตอน พรรคการเมืองใหม่มีแนวนโยบายที่ก้าวหน้า ตั้งอยู่บนฐานชีวิตของคนไทย มีระบบประชาธิปไตยในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยมวลมหาชน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกลุ่มการการเมืองกลุ่มทุน และพรรคการเมืองกลุ่มทุน

กระนั้น พันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ไม่ผูกขาดการเมืองใหม่ เปิดกว้างรับทุกฝ่ายเข้าร่วมขบวนการเปลี่ยนแปลงเสมอ แม้แต่กับพรรคการเมืองกลุ่มทุนที่ละทิ้งลักษณะสามานย์ หันมายอมรับแนวคิดทิศทางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นำโดยพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่

พันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ มีแนวคิดแนวทางการขับเคลื่อนที่เป็นเอกภาพและเป็นระบบมากขึ้นเรื่อยๆ มีความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง อยู่ในฐานะพร้อมยิ่งกว่าอำนาจการเมืองเดิมๆ ที่มีอยู่ ในการ “นำ” การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ แต่ก็ยินดีเปิดกว้าง รับและพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย ทุกระดับชั้น สร้างการเมืองใหม่ให้สำเร็จในห้วงระยะเวลาที่ไม่นานนัก

เห็นได้ชัดว่า ความต้องการการเมืองใหม่ เป็นความต้องการของประเทศไทย และปวงชนชาวไทย โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เพศวัย ศาสนา ลัทธิความเชื่อ และระดับชั้นสังคมใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทุกฝ่าย “ได้” ถ้วนหน้า ยกเว้นพวกนักการเมืองคดโกง ข้าราชการฉ้อฉล พ่อค้าหน้าเลือด

ทุกฝ่ายที่ “ดวงตาเห็นธรรม” “หูตาสว่าง” ตระหนักในความชั่วร้ายของการเมืองเก่า มองเห็นภัยพิบัติของการเมืองเก่า ที่สามารถทำลายการพัฒนาของประเทศชาติให้ย่อยยับได้ ในท่ามกลางกระแสการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ทำให้ประเทศไทยล้าหลัง ก้าวไม่ทันคลื่นการพัฒนาของเอเชีย ในยุคที่เอเชียแสดงบทบาทเป็นผู้นำการพัฒนาทางเศรษฐกิจของโลก

ในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเชื่อได้ว่า ไม่ยากเลยที่ทุกฝ่ายจะเกิดความเข้าใจตรงกัน เกิดแนวคิดตรงกัน ว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทยครั้งนี้ คือความจำเป็นทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำตัวเองให้พร้อมสำหรับการพัฒนาของเอเชีย โดยเฉพาะคือกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ทั้งที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา เช่นจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็คือความจำเป็นของความจำเป็นทางประวัติศาสตร์ เพราะมีแต่เปลี่ยนแปลงทางการเมืองแล้วเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นๆ จึงจะเป็นไปได้จริง

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศต่างๆ ดังที่ได้ยกเป็นตัวอย่าง แม้จะเป็นเหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระแต่ก็มีผลตรงกันอย่างชัดเจนคือ ทำให้ประเทศเหล่านั้นสามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ดังที่ปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์อยู่ในปัจจุบันนี้

รูปแบบ ช่องทาง หนทาง การเปลี่ยนแปลงอาจแตกต่างกันไป เช่น จีนเปลี่ยนแปลงแบบปฏิวัติ ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เปลี่ยนแปลงแบบอิงอาศัยการประคับประคองของสหรัฐฯ สิงคโปร์และมาเลเซียเปลี่ยนแปลงตามวิสัยทัศน์ของผู้นำทางการเมืองที่เข้มแข็ง

สำหรับประเทศไทย รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญนี้ ไม่มีทางอื่นใดที่ดีกว่าการอาศัยพลังอำนาจร่วมกันของมวลมหาประชาชนจากทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ เป็นผู้ชูธงการเมืองใหม่

ทั้งนี้ ประวัติศาสตร์ชาติไทยจะจารึกไว้ว่า การเมืองใหม่เกิดขึ้นได้เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน ด้วยปัญญา น้ำพักน้ำแรง ด้วยมันสมองและน้ำมือของคนไทยจริงๆ ซึ่งจะดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะสอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวโน้มพัฒนาการของสังคมโลก สอดคล้องอย่างยิ่งกับผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยรวม

ปัจจุบัน ชาวพันธมิตรฯ ทั้งในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ พนักงานกลุ่มบริษัทเอเอสทีวี-ผู้จัดการ ตลอดจนมวลมหาชนที่เห็นชอบและยึดมั่นในแนวทางการเคลื่อนไหวต่อสู้ของแกนนำพันธมิตรฯ และแนวนโยบายพรรคการเมืองใหม่ ล้วนแต่เป็นพลังตั้งต้นอันยิ่งใหญ่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มุ่งสร้างการเมืองใหม่ พวกเขาเปิดกว้างเสมอสำหรับ “ทุกฝ่าย” เข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

ร่วมชูธงการเมืองใหม่ สร้างการเมืองใหม่ให้สำเร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น