พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก การที่พวกเราจะสร้างพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ของพวกเราให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้นั้น พวกเราจะต้องประสบความสำเร็จในการสร้าง วัฒนธรรมใหม่ ขึ้นมาภายในพรรคของพวกเรา และขบวนการของพวกเราให้ได้เสียก่อน เพราะวัฒนธรรมที่มีองค์ประกอบมาจากปรัชญาความเชื่อ และค่านิยม คือ สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในการสนับสนุนให้คนของพรรคเราขับเคลื่อนไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน และดึงให้คนของพรรคเราในทุกระดับเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน
วัฒนธรรมใหม่ของพรรคเรา ที่พวกเราจะร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น เป็น ระบบชุดแห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารองค์กรชุดหนึ่ง ที่คณะผู้นำของพรรคเราจะต้องประดิษฐ์ ค้นพบ หรือพัฒนาขึ้นมาจากการต่อสู้ที่เป็นจริงทางการเมืองของพรรคเรา เพื่อทำให้องค์กรเข้มแข็งยิ่งขึ้น จนได้รับการยอมรับภายในองค์กร และสามารถถ่ายทอดส่งต่อไปให้สมาชิกใหม่ๆ ขององค์กรที่เข้ามาทีหลังได้รับรู้ว่า นี่คือ วิธีที่ถูกต้องแล้วสำหรับการรับรู้ คิด และรู้สึกกับปัญหาการจัดการต่างๆ ในองค์กร
สำหรับองค์กรที่รวมตัวกันด้วยอุดมการณ์ และมีเป้าหมายทางการเมืองที่สูงส่งอย่างพรรคของพวกเรานั้น หลักการบริหารองค์กรแบบ “ประชาธิปไตยที่มีวินัยและความรับผิดชอบ” ถือว่าเป็นหลักการที่สำคัญที่สุด และจะต้องเป็นหลักการที่เป็น หัวใจของวัฒนธรรมใหม่ของพรรคเรา ทั้งนี้ก็เพราะว่า องค์กรใดก็ตาม ที่สมาชิกผู้เป็นองค์ประกอบหลักขององค์กรนั้น ไม่สามารถทุ่มเทพลังทั้งปวงเพื่อปกป้องเสรีภาพ มโนธรรม และความเป็นธรรมภายในองค์กรได้ องค์กรนั้นก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
และยิ่งไม่สามารถออกไปต่อสู้เพื่อบรรลุภารกิจของการปฏิรูปประชาธิปไตย อันเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักขององค์กรอย่างพรรคของพวกเราได้
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก สิ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการมีประชาธิปไตยภายในองค์กรอย่างพรรคของพวกเรานั้น คือ ความสมานฉันท์ ของพวกเราภายในพรรค ซึ่งเป็น เสรีชน ที่มีความเท่าเทียมกันภายในองค์กร เพราะเหตุนี้ พวกเราจึงเป็นผู้ที่เข้าร่วมในกิจการงานของพรรคอย่างกระตือรือร้นที่สุดอย่างมีจิตสำนึกที่สูงส่ง และด้วยปัญญาที่แจ่มชัด
เสรีชน อย่างพวกเรานี้แหละที่จะทำให้บรรยากาศภายในพรรคของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา และความเป็นประชาธิปไตย เพราะ พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ของพวกเรา เป็นการรวมตัวแบบเจตนารมณ์เสรีของพี่น้องพันธมิตรฯ ผู้มีโลกทัศน์หรือทัศนะทางการเมืองโดยพื้นฐานเหมือนๆ กัน คุณค่าแห่งความเป็นพรรค และคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของพรรคเรา จึงอยู่ที่ พรรคของพวกเรานี้สามารถทำงานได้อย่างกับว่า มันเป็นองค์ชีวิตที่เป็นองค์เอกภาพ และเป็นองค์รวมองค์หนึ่ง ที่ผู้คนจำนวนมากเคลื่อนไหวราวกับเป็นคนคนเดียว โดยที่ปัจจัยพื้นฐานที่สุดที่จะรับประกันความเป็นเอกภาพของพรรคเราก็คือ หลักนโยบายของพรรค
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก สิ่งที่จะรับประกัน ความเป็นเอกภาพของพรรคเรา ได้นั้น จะต้องเป็น หลักนโยบายของพรรคเรา เท่านั้น มิใช่เงื่อนไขที่ปลีกย่อยที่เป็นรายละเอียดยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของผู้นำ ยุทธวิธี นโยบายด้านต่างๆ หรือแม้กระทั่งตัวยุทธศาสตร์ของพรรคเองก็ตาม
แต่การมีความเห็นพ้องต้องกันของผู้คนทั้งหมดในพรรค ในทางความคิดที่ยอมรับ หลักนโยบายของพรรค มิได้หมายความว่า พวกเขาทุกคนจะต้องมีความเห็นพ้องทางความคิดใน ปัญหาทุกปัญหาของพรรค เหมือนกันหมดเสมอไปก็หาไม่ เพราะในความเป็นจริงของการบริหารพรรคนั้น มันมิได้เป็นเช่นนั้นและมันมิอาจเป็นเช่นนั้นได้ เพราะมันมีความเป็นไปได้มากเหลือเกินที่จะเกิดท่าทีที่แตกต่างกันในปัญหารูปธรรมต่างๆ ของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก จะว่าไปแล้ว พรรคการเมืองที่มีชีวิตชีวานั้น จำเป็นจะต้องมีความแตกต่างกันทางความคิด หรือแม้กระทั่งมีความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นได้เสมอ
การผูกขาดทางความคิด และเผด็จการทางความคิดต่างหากที่เป็นตัวบ่อนทำลายพลวัตของพรรคการเมืองนั้นในระยะยาว เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นความรับผิดชอบของคนในพรรคทุกคนที่จะต้องช่วยกันรักษาหลักการทางองค์กรที่เป็นประชาธิปไตยของพรรคเราให้เกิดขึ้นในทุกระดับขององค์กรให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ของพวกเรานั้น นอกจากจะต้องมี “ประชาธิปไตยภายในพรรค” อย่างจับต้องได้ในทุกระดับขององค์กรแล้ว ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พรรคของพวกเราจะต้องมี “วินัย” อีกด้วย แต่คำว่า “วินัย” สำหรับพรรคของพวกเรามิใช่หมายถึง การเชื่อฟังและขึ้นต่อหน่วยงานที่เหนือกว่าอย่างไม่มีข้อแม้ หรืออย่างไม่มีปากมีเสียงแต่อย่างใดไม่
เพราะ “วินัย” ของพรรคเราเป็นสิ่งที่จะต้องมาจากการประพฤติปฏิบัติด้วยความเต็มใจอย่างมีจิตสำนึกที่มีส่วนร่วมของคนในพรรคที่เข้าร่วมอย่างเป็นฝ่ายกระทำ และอย่างกระตือรือร้นต่อทุกๆ เหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับพรรคของตน
วินัยเช่นนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการที่คนในพรรคได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจของตนให้แก่การเคลื่อนไหวของพรรคด้วยความเต็มใจ วินัยเช่นนี้ จึงทำให้ สิทธิ และหน้าที่ของคนในพรรคกลายเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะสำหรับผู้ที่ตื่นตัว และมีจิตสำนึกทางการเมืองที่สูงส่ง จนยอมเสียสละความสุขความสบายส่วนตัวเพื่อมาทำงานให้แก่ส่วนรวม โดยการเข้ามาร่วมกันสร้างและพัฒนาพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) อย่างพวกเราแล้ว ตัววินัยเองจะกลายเป็นประชาธิปไตยในอีกรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นเสรีภาพในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะเจตนารมณ์เสรีได้กลายเป็นสิ่งที่ต้องเป็น จริงอยู่ มันเป็นเสรีภาพของคนคนหนึ่งที่เลือกต่อสู้เพื่อส่วนรวม หรือว่าจะเลือกที่เสพสุขหาความสุขสบายเพื่อตัวเอง
แต่ถ้าคนคนนั้นเป็นนักสู้เพื่อส่วนรวมโดยจิตวิญญาณ และธาตุแท้ของตัวเขาแล้ว การเลือกที่จะต่อสู้เพื่อส่วนรวมของคนคนนั้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องเป็นอย่างที่มันไม่อาจเป็นอย่างอื่นไปได้เป็นอันขาด
วินัยในองค์กรที่มีประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างพรรคของพวกเรา ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกผลักดันบังคับให้เกิดขึ้น โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และย่อมไม่ใช่สิ่งที่จะถูกยัดเยียดชักนำเอามาจากภายนอกได้ วินัยของพรรคเรา จึงต้องไม่ใช่สิ่งที่ถูกบังคับมาจากภายนอก ที่แปลกแยกจากตัวเรา แต่มันจะต้องเป็นสิ่งที่หลั่งล้นท่วมท้นออกมาจากชีวิตภายใน หรือจากจิตสำนึกภายในของผู้คนในพรรคของพวกเราเอง ความมีวินัยดีของผู้คนในพรรคของพวกเรา จึงต้องมาจากการที่พวกเรามีความเข้มงวดต่อตนเอง สามารถควบคุมตนเองได้เพื่อให้ได้มาซึ่งการบรรลุเป้าหมายของตนเอง และขององค์กรทั้งหมดโดยรวม
วินัยแบบนี้ จึงเป็นสิ่งที่เกิดจากความสำนึกของพวกเราที่มีต่อตนเอง ต่อองค์กร ต่อสังคม และต่อมนุษยชาติ เมื่อมันเป็นเช่นนี้ “วินัย” ก็จะไม่ใช่สิ่งที่แปลกแยกเหินห่างจากตนเอง หรือเป็นสิ่งที่มาบังคับอย่างไร้เหตุผลอีกต่อไป แต่มันจะกลายมาเป็น “วินัยตนเอง” ที่กลายเป็นความชอบธรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยหรือหลักเสรีภาพของสมาชิกภายในองค์กร
ตรงกันข้าม ถ้าหากความหมายของคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของวินัยมีไว้เพื่อการธำรงไว้ซึ่งสภาพอันเข้มแข็ง และมีชีวิตชีวาขององค์การแล้วไซร้ วินัยก็เป็นรูปแบบหนึ่งของประชาธิปไตยไปด้วยโดยปริยาย
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก พวกเราจะต้องสร้างพรรคการเมืองของเราให้เป็นองค์อินทรียภาพที่มีชีวิต ที่หลอมดวงใจของพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวในการบรรลุภารกิจศักดิ์สิทธิ์ และภารกิจทางประวัติศาสตร์ ทั้งของพรรคและของขบวนการของพวกเรา กล่าวโดยถึงที่สุดพรรคของพวกเราจะต้องเติบโตขึ้นท่ามกลางการต่อสู้กับความขัดแย้งภายใน และอุปสรรคภายนอก ระบบ (System) ของพรรคเรา จึงไม่ใช่เป็นสิ่งที่ตกลงมาจากฟากฟ้าสุราลัย ในฐานะที่เป็นสิ่งที่สำเร็จรูปแล้ว หรือเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานให้ แต่พรรคของเราซึ่งได้ก่อเกิดขึ้นมาจากการต่อสู้ 193 วันของพันธมิตรฯ และได้เติบโตขึ้นตามลำดับ และบริบทของการต่อสู้ของพวกเราเป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องร่วมกันช่วยสร้างคนละไม้คนละมือ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราเองทั้งสิ้น
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะใช้ แนวทางทางการเมือง ของพวกเราไปกำหนด ระบบของพรรค เราในการจะแก้ไขอุปสรรค และความยากลำบากทั้งปวงที่รออยู่ข้างหน้า เพื่อการนี้ พวกเราจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคเราให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะรูปการขององค์กรจะต้องเป็นสิ่งที่สอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์และยุทธวิธี จะมีก็แต่หลักนโยบายที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถรับประกันระบบพรรคที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้
ความเป็นประชาธิปไตยและความมีวินัยของพรรค จึงเป็นปฏิสัมพันธ์ที่คนในพรรคจะต้องพิจารณาอย่างให้สอดคล้องกับแต่ละสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศในขณะนั้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยพยายามคำนึงถึงสมดุลระหว่างความเป็นประชาธิปไตยกับความมีวินัยของพรรค ท่ามกลางการต่อสู้ในความเป็นจริง มันจึงเป็นกระบวนการของการปรับตัวอย่างไม่ขาดสายขององค์การให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของขบวนการในความเป็นจริง มันจึงเป็นการประสานรวมตัวกันระหว่างแรงผลักดันของหน่วยงานเบื้องล่างขององค์การกับการสั่งการจากข้างบนขององค์การ
มันจึงเป็นการส่งป้อนบุคลากรจากมวลชนพันธมิตรฯ ให้เข้าสู่ป้อมปราการอันแข็งแกร่งของกลไกชี้นำของพรรคที่ได้สั่งสม และสืบทอดมาอย่างต่อเนื่องผ่านเหล่านักสู้เพื่อประชาชนจากหลากวงการที่กลายมาเป็นคณะผู้นำ และคณะผู้บริหารของพรรค...(ยังมีต่อ)
www.suvinai-dragon.com
วัฒนธรรมใหม่ของพรรคเรา ที่พวกเราจะร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น เป็น ระบบชุดแห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารองค์กรชุดหนึ่ง ที่คณะผู้นำของพรรคเราจะต้องประดิษฐ์ ค้นพบ หรือพัฒนาขึ้นมาจากการต่อสู้ที่เป็นจริงทางการเมืองของพรรคเรา เพื่อทำให้องค์กรเข้มแข็งยิ่งขึ้น จนได้รับการยอมรับภายในองค์กร และสามารถถ่ายทอดส่งต่อไปให้สมาชิกใหม่ๆ ขององค์กรที่เข้ามาทีหลังได้รับรู้ว่า นี่คือ วิธีที่ถูกต้องแล้วสำหรับการรับรู้ คิด และรู้สึกกับปัญหาการจัดการต่างๆ ในองค์กร
สำหรับองค์กรที่รวมตัวกันด้วยอุดมการณ์ และมีเป้าหมายทางการเมืองที่สูงส่งอย่างพรรคของพวกเรานั้น หลักการบริหารองค์กรแบบ “ประชาธิปไตยที่มีวินัยและความรับผิดชอบ” ถือว่าเป็นหลักการที่สำคัญที่สุด และจะต้องเป็นหลักการที่เป็น หัวใจของวัฒนธรรมใหม่ของพรรคเรา ทั้งนี้ก็เพราะว่า องค์กรใดก็ตาม ที่สมาชิกผู้เป็นองค์ประกอบหลักขององค์กรนั้น ไม่สามารถทุ่มเทพลังทั้งปวงเพื่อปกป้องเสรีภาพ มโนธรรม และความเป็นธรรมภายในองค์กรได้ องค์กรนั้นก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
และยิ่งไม่สามารถออกไปต่อสู้เพื่อบรรลุภารกิจของการปฏิรูปประชาธิปไตย อันเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักขององค์กรอย่างพรรคของพวกเราได้
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก สิ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการมีประชาธิปไตยภายในองค์กรอย่างพรรคของพวกเรานั้น คือ ความสมานฉันท์ ของพวกเราภายในพรรค ซึ่งเป็น เสรีชน ที่มีความเท่าเทียมกันภายในองค์กร เพราะเหตุนี้ พวกเราจึงเป็นผู้ที่เข้าร่วมในกิจการงานของพรรคอย่างกระตือรือร้นที่สุดอย่างมีจิตสำนึกที่สูงส่ง และด้วยปัญญาที่แจ่มชัด
เสรีชน อย่างพวกเรานี้แหละที่จะทำให้บรรยากาศภายในพรรคของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา และความเป็นประชาธิปไตย เพราะ พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ของพวกเรา เป็นการรวมตัวแบบเจตนารมณ์เสรีของพี่น้องพันธมิตรฯ ผู้มีโลกทัศน์หรือทัศนะทางการเมืองโดยพื้นฐานเหมือนๆ กัน คุณค่าแห่งความเป็นพรรค และคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของพรรคเรา จึงอยู่ที่ พรรคของพวกเรานี้สามารถทำงานได้อย่างกับว่า มันเป็นองค์ชีวิตที่เป็นองค์เอกภาพ และเป็นองค์รวมองค์หนึ่ง ที่ผู้คนจำนวนมากเคลื่อนไหวราวกับเป็นคนคนเดียว โดยที่ปัจจัยพื้นฐานที่สุดที่จะรับประกันความเป็นเอกภาพของพรรคเราก็คือ หลักนโยบายของพรรค
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก สิ่งที่จะรับประกัน ความเป็นเอกภาพของพรรคเรา ได้นั้น จะต้องเป็น หลักนโยบายของพรรคเรา เท่านั้น มิใช่เงื่อนไขที่ปลีกย่อยที่เป็นรายละเอียดยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกของผู้นำ ยุทธวิธี นโยบายด้านต่างๆ หรือแม้กระทั่งตัวยุทธศาสตร์ของพรรคเองก็ตาม
แต่การมีความเห็นพ้องต้องกันของผู้คนทั้งหมดในพรรค ในทางความคิดที่ยอมรับ หลักนโยบายของพรรค มิได้หมายความว่า พวกเขาทุกคนจะต้องมีความเห็นพ้องทางความคิดใน ปัญหาทุกปัญหาของพรรค เหมือนกันหมดเสมอไปก็หาไม่ เพราะในความเป็นจริงของการบริหารพรรคนั้น มันมิได้เป็นเช่นนั้นและมันมิอาจเป็นเช่นนั้นได้ เพราะมันมีความเป็นไปได้มากเหลือเกินที่จะเกิดท่าทีที่แตกต่างกันในปัญหารูปธรรมต่างๆ ของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก จะว่าไปแล้ว พรรคการเมืองที่มีชีวิตชีวานั้น จำเป็นจะต้องมีความแตกต่างกันทางความคิด หรือแม้กระทั่งมีความขัดแย้งทางความคิดเกิดขึ้นได้เสมอ
การผูกขาดทางความคิด และเผด็จการทางความคิดต่างหากที่เป็นตัวบ่อนทำลายพลวัตของพรรคการเมืองนั้นในระยะยาว เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นความรับผิดชอบของคนในพรรคทุกคนที่จะต้องช่วยกันรักษาหลักการทางองค์กรที่เป็นประชาธิปไตยของพรรคเราให้เกิดขึ้นในทุกระดับขององค์กรให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) ของพวกเรานั้น นอกจากจะต้องมี “ประชาธิปไตยภายในพรรค” อย่างจับต้องได้ในทุกระดับขององค์กรแล้ว ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พรรคของพวกเราจะต้องมี “วินัย” อีกด้วย แต่คำว่า “วินัย” สำหรับพรรคของพวกเรามิใช่หมายถึง การเชื่อฟังและขึ้นต่อหน่วยงานที่เหนือกว่าอย่างไม่มีข้อแม้ หรืออย่างไม่มีปากมีเสียงแต่อย่างใดไม่
เพราะ “วินัย” ของพรรคเราเป็นสิ่งที่จะต้องมาจากการประพฤติปฏิบัติด้วยความเต็มใจอย่างมีจิตสำนึกที่มีส่วนร่วมของคนในพรรคที่เข้าร่วมอย่างเป็นฝ่ายกระทำ และอย่างกระตือรือร้นต่อทุกๆ เหตุการณ์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับพรรคของตน
วินัยเช่นนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการที่คนในพรรคได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจของตนให้แก่การเคลื่อนไหวของพรรคด้วยความเต็มใจ วินัยเช่นนี้ จึงทำให้ สิทธิ และหน้าที่ของคนในพรรคกลายเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะสำหรับผู้ที่ตื่นตัว และมีจิตสำนึกทางการเมืองที่สูงส่ง จนยอมเสียสละความสุขความสบายส่วนตัวเพื่อมาทำงานให้แก่ส่วนรวม โดยการเข้ามาร่วมกันสร้างและพัฒนาพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) อย่างพวกเราแล้ว ตัววินัยเองจะกลายเป็นประชาธิปไตยในอีกรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นเสรีภาพในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะเจตนารมณ์เสรีได้กลายเป็นสิ่งที่ต้องเป็น จริงอยู่ มันเป็นเสรีภาพของคนคนหนึ่งที่เลือกต่อสู้เพื่อส่วนรวม หรือว่าจะเลือกที่เสพสุขหาความสุขสบายเพื่อตัวเอง
แต่ถ้าคนคนนั้นเป็นนักสู้เพื่อส่วนรวมโดยจิตวิญญาณ และธาตุแท้ของตัวเขาแล้ว การเลือกที่จะต่อสู้เพื่อส่วนรวมของคนคนนั้น ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องเป็นอย่างที่มันไม่อาจเป็นอย่างอื่นไปได้เป็นอันขาด
วินัยในองค์กรที่มีประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างพรรคของพวกเรา ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกผลักดันบังคับให้เกิดขึ้น โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และย่อมไม่ใช่สิ่งที่จะถูกยัดเยียดชักนำเอามาจากภายนอกได้ วินัยของพรรคเรา จึงต้องไม่ใช่สิ่งที่ถูกบังคับมาจากภายนอก ที่แปลกแยกจากตัวเรา แต่มันจะต้องเป็นสิ่งที่หลั่งล้นท่วมท้นออกมาจากชีวิตภายใน หรือจากจิตสำนึกภายในของผู้คนในพรรคของพวกเราเอง ความมีวินัยดีของผู้คนในพรรคของพวกเรา จึงต้องมาจากการที่พวกเรามีความเข้มงวดต่อตนเอง สามารถควบคุมตนเองได้เพื่อให้ได้มาซึ่งการบรรลุเป้าหมายของตนเอง และขององค์กรทั้งหมดโดยรวม
วินัยแบบนี้ จึงเป็นสิ่งที่เกิดจากความสำนึกของพวกเราที่มีต่อตนเอง ต่อองค์กร ต่อสังคม และต่อมนุษยชาติ เมื่อมันเป็นเช่นนี้ “วินัย” ก็จะไม่ใช่สิ่งที่แปลกแยกเหินห่างจากตนเอง หรือเป็นสิ่งที่มาบังคับอย่างไร้เหตุผลอีกต่อไป แต่มันจะกลายมาเป็น “วินัยตนเอง” ที่กลายเป็นความชอบธรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ขัดแย้งกับหลักประชาธิปไตยหรือหลักเสรีภาพของสมาชิกภายในองค์กร
ตรงกันข้าม ถ้าหากความหมายของคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของวินัยมีไว้เพื่อการธำรงไว้ซึ่งสภาพอันเข้มแข็ง และมีชีวิตชีวาขององค์การแล้วไซร้ วินัยก็เป็นรูปแบบหนึ่งของประชาธิปไตยไปด้วยโดยปริยาย
พี่น้องชาวพันธมิตรฯ ที่รัก พวกเราจะต้องสร้างพรรคการเมืองของเราให้เป็นองค์อินทรียภาพที่มีชีวิต ที่หลอมดวงใจของพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวในการบรรลุภารกิจศักดิ์สิทธิ์ และภารกิจทางประวัติศาสตร์ ทั้งของพรรคและของขบวนการของพวกเรา กล่าวโดยถึงที่สุดพรรคของพวกเราจะต้องเติบโตขึ้นท่ามกลางการต่อสู้กับความขัดแย้งภายใน และอุปสรรคภายนอก ระบบ (System) ของพรรคเรา จึงไม่ใช่เป็นสิ่งที่ตกลงมาจากฟากฟ้าสุราลัย ในฐานะที่เป็นสิ่งที่สำเร็จรูปแล้ว หรือเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานให้ แต่พรรคของเราซึ่งได้ก่อเกิดขึ้นมาจากการต่อสู้ 193 วันของพันธมิตรฯ และได้เติบโตขึ้นตามลำดับ และบริบทของการต่อสู้ของพวกเราเป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องร่วมกันช่วยสร้างคนละไม้คนละมือ ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราเองทั้งสิ้น
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเราจะใช้ แนวทางทางการเมือง ของพวกเราไปกำหนด ระบบของพรรค เราในการจะแก้ไขอุปสรรค และความยากลำบากทั้งปวงที่รออยู่ข้างหน้า เพื่อการนี้ พวกเราจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคเราให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะรูปการขององค์กรจะต้องเป็นสิ่งที่สอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์และยุทธวิธี จะมีก็แต่หลักนโยบายที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะสามารถรับประกันระบบพรรคที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้
ความเป็นประชาธิปไตยและความมีวินัยของพรรค จึงเป็นปฏิสัมพันธ์ที่คนในพรรคจะต้องพิจารณาอย่างให้สอดคล้องกับแต่ละสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศในขณะนั้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยพยายามคำนึงถึงสมดุลระหว่างความเป็นประชาธิปไตยกับความมีวินัยของพรรค ท่ามกลางการต่อสู้ในความเป็นจริง มันจึงเป็นกระบวนการของการปรับตัวอย่างไม่ขาดสายขององค์การให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของขบวนการในความเป็นจริง มันจึงเป็นการประสานรวมตัวกันระหว่างแรงผลักดันของหน่วยงานเบื้องล่างขององค์การกับการสั่งการจากข้างบนขององค์การ
มันจึงเป็นการส่งป้อนบุคลากรจากมวลชนพันธมิตรฯ ให้เข้าสู่ป้อมปราการอันแข็งแกร่งของกลไกชี้นำของพรรคที่ได้สั่งสม และสืบทอดมาอย่างต่อเนื่องผ่านเหล่านักสู้เพื่อประชาชนจากหลากวงการที่กลายมาเป็นคณะผู้นำ และคณะผู้บริหารของพรรค...(ยังมีต่อ)
www.suvinai-dragon.com