สังคมไทยต้องยอมรับว่าอำนาจเงินของทักษิณ หรือความหลงใหลเฉพาะตัวทักษิณ ที่คนไทยส่วนหนึ่งยอมตกเป็นทาส ซึ่งผลพวงเหล่านี้สร้างวิกฤตการเมืองของไทยมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา การนำบ้านเมืองสู่วิกฤตของทักษิณ เป็นที่ประจักษ์หลายแนวรบในสงครามการเมืองกลางเมือง โดยเฉพาะแนวรบต่อต้านเบื้องสูงอันเป็นกลยุทธ์ของปีกอนาธิปไตยของทักษิณที่สร้างความสับสนให้คนไทยบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มลุ่มหลงทักษิณ ให้มองเห็นว่าพวกเขาก็ยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เบื้องลึกแล้วทักษิณ ที่เป็นแกนนำของกลุ่มอนาธิปไตยนิยม ที่หวังจะบั้นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือตัดทอนพระราชอำนาจตามนิติประเพณีนิยมโดยเป็นที่ยอมรับของปวงชนชาวไทยที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ
วิกฤตสงกรานต์เลือด 2552 นับว่าเป็นแนวรบครั้งสำคัญที่ทักษิณหวังผลแตกหัก แต่อำนาจอภินิหารพระสยามเทวาธิราช และปัญญาของผู้นำรัฐบาลและกองทัพ สามารถสยบความรุนแรงที่ฝ่ายเสื้อแดงที่ทักษิณปลุกระดมเพื่อสร้างสงครามประชาชนกลางเมืองให้ลุกเป็นไฟแต่ไม่ได้สัมฤทธิผลตามปรารถนา แต่ก็มีผู้สังเวยวิกฤตนี้เป็นพลเมืองดีย่านนางเลิ้ง 2 คน
ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงและทักษิณ จะประณามการระงับเหตุร้ายของทหารว่ารุนแรง ใช้อาวุธยิงประชาชน และมีการจัดฉากให้ดูเหมือนทหารใช้อาวุธจริงสังหารผู้บริสุทธิ์ โดยหวังให้ทหารตกเป็นจำเลยสังคมและถูกต่อต้านอย่างรุนแรง เช่น ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 17 พฤษภาคม 2535 แต่ทหารสมัยใหม่เข้าใจในเจตนาของ ทักษิณ ซึ่งคนที่เข้าใจทักษิณดีก็คือเพื่อนร่วมรุ่นฝ่ายดีของทักษิณเอง
นอกจากนั้นทักษิณ ก็ยังปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงผู้หลงใหลในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเด็นความต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของเขาเอง การต่อต้านลัทธิอำมาตยาธิปไตย และการสร้างภาพให้ชาวโลกมองว่าเขาถูกอำนาจเผด็จการทหารขจัดออกจากอำนาจรัฐ แต่ปรากฏว่าอารยประเทศเข้าใจในพฤติกรรมของเขาดี โดยเฉพาะรัฐบาลอังกฤษซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบประชาธิปไตยในระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ยังเพิกถอนสิทธิการเดินทางของทักษิณเข้าประเทศอังกฤษ เพราะหากว่ารัฐบาลอังกฤษเห็นว่าทักษิณ ถูกรังแกแล้ว รัฐบาลอังกฤษคงจะอุ้มชู
แต่ในทางตรงข้ามรัฐบาลอังกฤษได้สอบสวนแล้วโดยฝ่ายการข่าวกรอง สรุปว่าทักษิณ คือ เผด็จการรัฐสภาอันเป็นตัวอย่างที่เลวร้ายในระบอบประชาธิปไตย และใช้อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติสร้างอำนาจให้กับตัวเองรวมทั้งการใช้อำนาจเงินซื้อแกนนำในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง รุ่นที่ 2 ซึ่งมี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน คณะ กกต.ชุดนี้ถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การสร้างกระแสวิกฤตทางการเมืองของทักษิณนั้น ย่อมได้รับการสนับสนุนจากทหารบางคน จึงทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงมีพลังสังคมเชิงทหาร โดยเฉพาะนายทหารที่จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 บางคน จำนวนน้อยเพียงบางคนเท่านั้นที่เคยได้รับอนิสงส์จากทักษิณ เพราะส่วนใหญ่มีความรู้สึกน้อยใจ มีปมด้อย หรือหลงใหลในอำนาจแต่ไม่ได้อำนาจตามที่ปรารถนา จึงตัดสินใจไม่อยากที่จะเข้าร่วมกับทักษิณโดยมีผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทั้งในปัจจุบันหรืออนาคตหากทักษิณได้อำนาจรัฐคืน
แต่นายทหารที่แสดงตัวเต็มที่ในการเปิดเผยตัวว่าเป็นคนสนับสนุนทักษิณ คือ พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาความเป็นทหารของ เสธ.แดง ซึ่งไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นของทักษิณ แต่เป็นรุ่นน้องทักษิณ
เสธ.แดง ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอย่างเต็มตัวเมื่อเข้าต่อต้าน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนถูก พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ จับตัวที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ซึ่งศาลทหารพิพากษาจำคุก เสธ.แดง 6 เดือน ปรับ 4 หมื่นบาท โดยให้รอลงอาญา 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาท พล.ต.อ.สันต์ ต่อมาเป็นคดีความกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส “วีรบุรุษนาแก” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศาลอาญาพิพากษาจำคุก เสธ.แดง 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งเขายื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อไป โดยมุ่งเน้นที่ให้ศาลพิจารณาความดีความชอบที่ตนเคยผ่านการสู้รบมาก่อน และไม่สามารถควบคุมประชาชนที่แสดงความคิดเห็นเชิงหมิ่นประมาทในเว็บไซต์ของเขา อันเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
แต่หากพิจารณาในเชิงเดียวกันแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เป็นบุคคลที่ทำการรบกับ ผกค. และปราบปรามอาชญากรรมมาอย่างโชกโชนเหมือนกัน ก็สามารถแสดงตนว่าเป็นนักรบของชาติเช่นเดียวกันควรได้รับความเป็นธรรมมิให้ใครมาหมิ่นประมาทได้
อย่างไรก็ดี การอุทธรณ์ของ เสธ.แดง ก็เป็นเรื่องปกติของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ และถ้าหากศาลอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาเช่นศาลชั้นต้นแล้ว เสธ.แดงก็ย่อมยื่นฎีกาอย่างแน่นอน
ประเด็นของ เสธ.แดง นั้นอาจจะต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมของเขาเป็นสำคัญ เมื่อวิเคราะห์เส้นทางรับราชการและการแสวงหาฐานะทางการศึกษาแล้ว อาจจะสรุปได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีปมด้อยในเส้นทางรับราชการ จะด้วยสาเหตุอันใดก็ตามซึ่งต้องแสวงหาปมเด่น นั่นหมายความว่าต้องเรียนให้ได้ปริญญาหลายๆ ใบจนเป็นดุษฎีบัณฑิต เพื่อที่จะแสดงตนว่าเป็นปัญญาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนกฎหมายนั้นเป็นกลไกในการตอบโต้และรักษาสิทธิของตนเองหรือเป็นการป้องปรามมิให้ผู้ใดกล้าเอาผิดกับเขาเชิงนิตินัย
ทฤษฎีของมาสโลว์ (Abraham Maslow) นักวิชาการทางจิตวิทยาพฤติกรรมมนุษย์ ได้สร้างทฤษฎีบันไดปรารถนาของมนุษย์ (Hierachy of Needs) 5 ขั้น โดยเริ่มตั้งแต่ความปรารถนาพื้นฐานของมนุษย์อันเป็นกิเลสอย่างหยาบ จนถึงความปรารถนาแรงกล้าที่จะสนองตอบกิเลสตัณหาสูงสุดให้ชีวิตของตัวเอง ที่อยากใฝ่หาจะเป็นให้ได้โดยไม่คำนึงถึงภาระแวดล้อมใดๆ เลย เพราะแท้จริงแล้วมนุษย์สามารถแสวงหาจุดสูงสุดของตนเองได้โดยไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น หรือทำให้สังคมเดือดร้อน
กรณี เสธ.แดง ทำให้บุคคลเดือดร้อน จนศาลพิพากษาว่าผิดจริงในเรื่องมุสาว่ากล่าวให้ร้ายบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหาย เพราะต้องการให้สังคมยอมรับในความกล้าหาญชาญชัย ว่าสามารถจะต่อกรกับนายตำรวจใหญ่ได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แต่เมื่อถูกตำรวจจับซึ่งมีคลิปเหตุการณ์ที่ถูกจับแพร่อยู่ในอินเทอร์เน็ต สร้างความสังเวชสลดใจ ที่ความกล้าหาญ ความนิ่ง และความเป็นทหารหายไป
ต่อมาเมื่อกลุ่มเสื้อแดงถูกปลุกระดมด้วยเงินตราและความบ้าคลั่งหลงใหล ทำให้เป็นโอกาสของ เสธ.แดง ที่จะบรรลุความมีชื่อเสียง ได้รับความนิยมชมชอบ และได้รับการอุปโลกน์ว่าเป็นผู้นำ ด้วยการออกข่าวว่าเป็นผู้ฝึกการต่อสู้ให้กับหน่วยกำลังของกลุ่มเสื้อแดง และทุกครั้งที่มีการแสดงความก้าวร้าวของคนเสื้อแดง เสธ.แดง ก็จะอยู่ในพื้นที่เสมอ
พฤติกรรมของ เสธ.แดง ที่ชัดเจน คือ ลุ่มหลงในกำลังอำนาจหรือความเก่งกาจของตนมากจนเกินควร ซึ่งในฐานะทหารจะต้องแสดงตนว่าเป็นคนที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ หรือจะต้องยึดมั่นในคำสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพล และก็ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะไปพบฮุนเซน เพราะว่าไม่มีความสัมพันธ์กันมาก่อน หรือเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทหารไทยกับทหารเขมรบริเวณพื้นที่เขาพระวิหารค่อนข้างจะละเอียดอ่อน ซึ่งนายทหารประจำการซึ่งไม่มีหน้าที่ ณ จุดนั้นแล้ว พึ่งสมควรละเว้นไปพบปะกับผู้นำประเทศคู่กรณี เพราะจะทำให้ทหารรักษาเขตจะสับสนได้ว่า เสธ.แดงพวกใครกันแน่ ไทยหรือเขมรหรือยังเป็นทหารประจำการอยู่หรือเปล่า
เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงพฤติกรรม แต่หากจะวิเคราะห์ถึงคำว่าทหารแล้ว ก็ย่อมหมายถึงผู้ที่อาสาทำอาชีพรับราชการสนองพระคุณประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชนทั้งหลาย ด้วยการป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น ตัวอย่างในขณะนี้ตามนัยนามธรรมแล้วรัฐบาลกัมพูชากำลังทำร้ายจิตใจคนไทยส่วนใหญ่อยู่
หากวิเคราะห์ถึงวินัย ซึ่งเป็นหัวใจในการสร้างทหารดี และป้องกันมิให้เป็นทหารที่เลว แต่ยิ่งกว่าวินัยในเชิงพฤตินัยแล้ว วินัยในเชิงนิตินัยถูกกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร
กฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร ความหมายคำว่าวินัยทหารและแบบธรรมเนียมทหาร วินัยทหาร คือ การที่ทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนียมทหาร (มาตรา 4) แบบธรรมเนียมทหารได้แก่บรรดากฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง คำแนะนำ คำชี้แจง และบรรดาหนังสือต่างๆ ที่ผู้บังคับบัญชาได้ออกหรือใช้อ้างไว้เป็นหลักฐานให้ทหารปฏิบัติ ซึ่งรวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของทหาร ทั้งที่เป็นและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
ตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหารมีดังนี้
1. ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน
2. ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย
3. ไม่รักษามารยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร
4. ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร
5. เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ
6. กล่าวเท็จ
7. ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร
8. ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ
9. เสพเครื่องดองของเมาจนถึงเสียกิริยา
ข้อสรุปได้ว่า เสธ.แดง กระทำการผิดกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารอย่างน้อยๆ ก็คือ เรื่อง ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพราะถูกเตือนหลายครั้งแล้ว หรือไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย หรือไม่รักษามารยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร หรือก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหารชักชวนให้ทหารพรานเข้ามาร่วมการประท้วงรัฐบาล หรือเกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการที่เดินทางไปเขมรพบกับทักษิณหรือเดินทางไปดูไบ หรือกล่าวเท็จกรณีหมิ่นประมาทพล.ต.อ.สันต์และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หรือใช้กิริยาว่าไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร เป็นต้น
กรณีเหล่านี้เป็นข้อวินิจฉัยของตุลาการศาลทหาร ซึ่งมีอยู่ศาลเดียวไม่มีการอุทธรณ์ เพราะฉะนั้น ชะตากรรมของ เสธ.แดง ย่อมขึ้นกับพฤติกรรมของเขาเอง ว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีหรือเลวในกองทัพ และถ้ากองทัพมีคนอย่าง เสธ.แดงมากๆ กองทัพจะเป็นอย่างไร เอกภาพของการบังคับบัญชาอยู่ที่ไหนเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่กองทัพบกจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อรักษาเอกภาพกองทัพไว้ให้ได้
หรืออาจจะยกคำพูดของ พลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งถือได้ว่าท่านเป็นนายทหารที่ดี มีผลงาน โดยเฉพาะการสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะใช้หลักการเมืองนำหน้าการทหาร จนเป็นที่ยอมรับของลุงเติม หรือสหายเติม หรือมะลิ สาคร อดีตแม่ทัพของกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยพื้นที่ภาคใต้ หรือผู้นำสมรภูมิช่องช้าง ปัจจุบันทั้งสองท่านนี้เป็นสหายกัน
พลเอกกิตติ เคยพูดคั่นกลางระหว่างพักครึ่งเวลาในการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างอิตาลีกับเยอรมนี เมื่อ 6 มิถุนายน 2549 ถึงน้องๆ ในกองทัพบกว่า “จะเลือกเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือว่าจะเลือกเป็นทหารของนักการเมือง” จึงเสมือนวลีฝันร้ายของทหารใฝ่อำนาจการเมืองทั้งหลาย
นี่แหละครับทหารชั้นดีของแผ่นดินนี้คนหนึ่งที่ทุ่มเทชีวิตเลือดเนื้อให้แผ่นดิน ให้กับพระเจ้าอยู่หัวและให้กับประชาชน สมตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้กับธงชัยเฉลิมพล และปัจจุบันท่านก็ยังปฏิบัติหน้าที่เหมือนอย่างเมื่อยังประจำการอยู่ ท่านเป็นนักรบทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเป็น Information Warfare Warrior คนหนึ่ง
วิกฤตสงกรานต์เลือด 2552 นับว่าเป็นแนวรบครั้งสำคัญที่ทักษิณหวังผลแตกหัก แต่อำนาจอภินิหารพระสยามเทวาธิราช และปัญญาของผู้นำรัฐบาลและกองทัพ สามารถสยบความรุนแรงที่ฝ่ายเสื้อแดงที่ทักษิณปลุกระดมเพื่อสร้างสงครามประชาชนกลางเมืองให้ลุกเป็นไฟแต่ไม่ได้สัมฤทธิผลตามปรารถนา แต่ก็มีผู้สังเวยวิกฤตนี้เป็นพลเมืองดีย่านนางเลิ้ง 2 คน
ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงและทักษิณ จะประณามการระงับเหตุร้ายของทหารว่ารุนแรง ใช้อาวุธยิงประชาชน และมีการจัดฉากให้ดูเหมือนทหารใช้อาวุธจริงสังหารผู้บริสุทธิ์ โดยหวังให้ทหารตกเป็นจำเลยสังคมและถูกต่อต้านอย่างรุนแรง เช่น ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 17 พฤษภาคม 2535 แต่ทหารสมัยใหม่เข้าใจในเจตนาของ ทักษิณ ซึ่งคนที่เข้าใจทักษิณดีก็คือเพื่อนร่วมรุ่นฝ่ายดีของทักษิณเอง
นอกจากนั้นทักษิณ ก็ยังปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงผู้หลงใหลในตัวเขาอย่างต่อเนื่อง เช่น ประเด็นความต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของเขาเอง การต่อต้านลัทธิอำมาตยาธิปไตย และการสร้างภาพให้ชาวโลกมองว่าเขาถูกอำนาจเผด็จการทหารขจัดออกจากอำนาจรัฐ แต่ปรากฏว่าอารยประเทศเข้าใจในพฤติกรรมของเขาดี โดยเฉพาะรัฐบาลอังกฤษซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบประชาธิปไตยในระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ยังเพิกถอนสิทธิการเดินทางของทักษิณเข้าประเทศอังกฤษ เพราะหากว่ารัฐบาลอังกฤษเห็นว่าทักษิณ ถูกรังแกแล้ว รัฐบาลอังกฤษคงจะอุ้มชู
แต่ในทางตรงข้ามรัฐบาลอังกฤษได้สอบสวนแล้วโดยฝ่ายการข่าวกรอง สรุปว่าทักษิณ คือ เผด็จการรัฐสภาอันเป็นตัวอย่างที่เลวร้ายในระบอบประชาธิปไตย และใช้อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติสร้างอำนาจให้กับตัวเองรวมทั้งการใช้อำนาจเงินซื้อแกนนำในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง รุ่นที่ 2 ซึ่งมี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน คณะ กกต.ชุดนี้ถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การสร้างกระแสวิกฤตทางการเมืองของทักษิณนั้น ย่อมได้รับการสนับสนุนจากทหารบางคน จึงทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงมีพลังสังคมเชิงทหาร โดยเฉพาะนายทหารที่จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 10 บางคน จำนวนน้อยเพียงบางคนเท่านั้นที่เคยได้รับอนิสงส์จากทักษิณ เพราะส่วนใหญ่มีความรู้สึกน้อยใจ มีปมด้อย หรือหลงใหลในอำนาจแต่ไม่ได้อำนาจตามที่ปรารถนา จึงตัดสินใจไม่อยากที่จะเข้าร่วมกับทักษิณโดยมีผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทั้งในปัจจุบันหรืออนาคตหากทักษิณได้อำนาจรัฐคืน
แต่นายทหารที่แสดงตัวเต็มที่ในการเปิดเผยตัวว่าเป็นคนสนับสนุนทักษิณ คือ พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาความเป็นทหารของ เสธ.แดง ซึ่งไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นของทักษิณ แต่เป็นรุ่นน้องทักษิณ
เสธ.แดง ปรากฏตัวต่อสาธารณชนอย่างเต็มตัวเมื่อเข้าต่อต้าน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนถูก พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ จับตัวที่โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ซึ่งศาลทหารพิพากษาจำคุก เสธ.แดง 6 เดือน ปรับ 4 หมื่นบาท โดยให้รอลงอาญา 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาท พล.ต.อ.สันต์ ต่อมาเป็นคดีความกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส “วีรบุรุษนาแก” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ศาลอาญาพิพากษาจำคุก เสธ.แดง 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งเขายื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อไป โดยมุ่งเน้นที่ให้ศาลพิจารณาความดีความชอบที่ตนเคยผ่านการสู้รบมาก่อน และไม่สามารถควบคุมประชาชนที่แสดงความคิดเห็นเชิงหมิ่นประมาทในเว็บไซต์ของเขา อันเป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
แต่หากพิจารณาในเชิงเดียวกันแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็เป็นบุคคลที่ทำการรบกับ ผกค. และปราบปรามอาชญากรรมมาอย่างโชกโชนเหมือนกัน ก็สามารถแสดงตนว่าเป็นนักรบของชาติเช่นเดียวกันควรได้รับความเป็นธรรมมิให้ใครมาหมิ่นประมาทได้
อย่างไรก็ดี การอุทธรณ์ของ เสธ.แดง ก็เป็นเรื่องปกติของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ และถ้าหากศาลอุทธรณ์ยืนคำพิพากษาเช่นศาลชั้นต้นแล้ว เสธ.แดงก็ย่อมยื่นฎีกาอย่างแน่นอน
ประเด็นของ เสธ.แดง นั้นอาจจะต้องพิจารณาถึงพฤติกรรมของเขาเป็นสำคัญ เมื่อวิเคราะห์เส้นทางรับราชการและการแสวงหาฐานะทางการศึกษาแล้ว อาจจะสรุปได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีปมด้อยในเส้นทางรับราชการ จะด้วยสาเหตุอันใดก็ตามซึ่งต้องแสวงหาปมเด่น นั่นหมายความว่าต้องเรียนให้ได้ปริญญาหลายๆ ใบจนเป็นดุษฎีบัณฑิต เพื่อที่จะแสดงตนว่าเป็นปัญญาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียนกฎหมายนั้นเป็นกลไกในการตอบโต้และรักษาสิทธิของตนเองหรือเป็นการป้องปรามมิให้ผู้ใดกล้าเอาผิดกับเขาเชิงนิตินัย
ทฤษฎีของมาสโลว์ (Abraham Maslow) นักวิชาการทางจิตวิทยาพฤติกรรมมนุษย์ ได้สร้างทฤษฎีบันไดปรารถนาของมนุษย์ (Hierachy of Needs) 5 ขั้น โดยเริ่มตั้งแต่ความปรารถนาพื้นฐานของมนุษย์อันเป็นกิเลสอย่างหยาบ จนถึงความปรารถนาแรงกล้าที่จะสนองตอบกิเลสตัณหาสูงสุดให้ชีวิตของตัวเอง ที่อยากใฝ่หาจะเป็นให้ได้โดยไม่คำนึงถึงภาระแวดล้อมใดๆ เลย เพราะแท้จริงแล้วมนุษย์สามารถแสวงหาจุดสูงสุดของตนเองได้โดยไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น หรือทำให้สังคมเดือดร้อน
กรณี เสธ.แดง ทำให้บุคคลเดือดร้อน จนศาลพิพากษาว่าผิดจริงในเรื่องมุสาว่ากล่าวให้ร้ายบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหาย เพราะต้องการให้สังคมยอมรับในความกล้าหาญชาญชัย ว่าสามารถจะต่อกรกับนายตำรวจใหญ่ได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของตำรวจ แต่เมื่อถูกตำรวจจับซึ่งมีคลิปเหตุการณ์ที่ถูกจับแพร่อยู่ในอินเทอร์เน็ต สร้างความสังเวชสลดใจ ที่ความกล้าหาญ ความนิ่ง และความเป็นทหารหายไป
ต่อมาเมื่อกลุ่มเสื้อแดงถูกปลุกระดมด้วยเงินตราและความบ้าคลั่งหลงใหล ทำให้เป็นโอกาสของ เสธ.แดง ที่จะบรรลุความมีชื่อเสียง ได้รับความนิยมชมชอบ และได้รับการอุปโลกน์ว่าเป็นผู้นำ ด้วยการออกข่าวว่าเป็นผู้ฝึกการต่อสู้ให้กับหน่วยกำลังของกลุ่มเสื้อแดง และทุกครั้งที่มีการแสดงความก้าวร้าวของคนเสื้อแดง เสธ.แดง ก็จะอยู่ในพื้นที่เสมอ
พฤติกรรมของ เสธ.แดง ที่ชัดเจน คือ ลุ่มหลงในกำลังอำนาจหรือความเก่งกาจของตนมากจนเกินควร ซึ่งในฐานะทหารจะต้องแสดงตนว่าเป็นคนที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพระมหากษัตริย์ หรือจะต้องยึดมั่นในคำสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพล และก็ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะไปพบฮุนเซน เพราะว่าไม่มีความสัมพันธ์กันมาก่อน หรือเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทหารไทยกับทหารเขมรบริเวณพื้นที่เขาพระวิหารค่อนข้างจะละเอียดอ่อน ซึ่งนายทหารประจำการซึ่งไม่มีหน้าที่ ณ จุดนั้นแล้ว พึ่งสมควรละเว้นไปพบปะกับผู้นำประเทศคู่กรณี เพราะจะทำให้ทหารรักษาเขตจะสับสนได้ว่า เสธ.แดงพวกใครกันแน่ ไทยหรือเขมรหรือยังเป็นทหารประจำการอยู่หรือเปล่า
เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงพฤติกรรม แต่หากจะวิเคราะห์ถึงคำว่าทหารแล้ว ก็ย่อมหมายถึงผู้ที่อาสาทำอาชีพรับราชการสนองพระคุณประเทศชาติ พระมหากษัตริย์ และประชาชนทั้งหลาย ด้วยการป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้ทั้งรูปธรรมและนามธรรม เช่น ตัวอย่างในขณะนี้ตามนัยนามธรรมแล้วรัฐบาลกัมพูชากำลังทำร้ายจิตใจคนไทยส่วนใหญ่อยู่
หากวิเคราะห์ถึงวินัย ซึ่งเป็นหัวใจในการสร้างทหารดี และป้องกันมิให้เป็นทหารที่เลว แต่ยิ่งกว่าวินัยในเชิงพฤตินัยแล้ว วินัยในเชิงนิตินัยถูกกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร
กฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร ความหมายคำว่าวินัยทหารและแบบธรรมเนียมทหาร วินัยทหาร คือ การที่ทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนียมทหาร (มาตรา 4) แบบธรรมเนียมทหารได้แก่บรรดากฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง คำแนะนำ คำชี้แจง และบรรดาหนังสือต่างๆ ที่ผู้บังคับบัญชาได้ออกหรือใช้อ้างไว้เป็นหลักฐานให้ทหารปฏิบัติ ซึ่งรวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของทหาร ทั้งที่เป็นและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
ตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหารมีดังนี้
1. ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน
2. ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย
3. ไม่รักษามารยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร
4. ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร
5. เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ
6. กล่าวเท็จ
7. ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร
8. ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ
9. เสพเครื่องดองของเมาจนถึงเสียกิริยา
ข้อสรุปได้ว่า เสธ.แดง กระทำการผิดกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารอย่างน้อยๆ ก็คือ เรื่อง ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพราะถูกเตือนหลายครั้งแล้ว หรือไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย หรือไม่รักษามารยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร หรือก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหารชักชวนให้ทหารพรานเข้ามาร่วมการประท้วงรัฐบาล หรือเกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการที่เดินทางไปเขมรพบกับทักษิณหรือเดินทางไปดูไบ หรือกล่าวเท็จกรณีหมิ่นประมาทพล.ต.อ.สันต์และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์หรือใช้กิริยาว่าไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร เป็นต้น
กรณีเหล่านี้เป็นข้อวินิจฉัยของตุลาการศาลทหาร ซึ่งมีอยู่ศาลเดียวไม่มีการอุทธรณ์ เพราะฉะนั้น ชะตากรรมของ เสธ.แดง ย่อมขึ้นกับพฤติกรรมของเขาเอง ว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีหรือเลวในกองทัพ และถ้ากองทัพมีคนอย่าง เสธ.แดงมากๆ กองทัพจะเป็นอย่างไร เอกภาพของการบังคับบัญชาอยู่ที่ไหนเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่กองทัพบกจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อรักษาเอกภาพกองทัพไว้ให้ได้
หรืออาจจะยกคำพูดของ พลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งถือได้ว่าท่านเป็นนายทหารที่ดี มีผลงาน โดยเฉพาะการสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะใช้หลักการเมืองนำหน้าการทหาร จนเป็นที่ยอมรับของลุงเติม หรือสหายเติม หรือมะลิ สาคร อดีตแม่ทัพของกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยพื้นที่ภาคใต้ หรือผู้นำสมรภูมิช่องช้าง ปัจจุบันทั้งสองท่านนี้เป็นสหายกัน
พลเอกกิตติ เคยพูดคั่นกลางระหว่างพักครึ่งเวลาในการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างอิตาลีกับเยอรมนี เมื่อ 6 มิถุนายน 2549 ถึงน้องๆ ในกองทัพบกว่า “จะเลือกเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือว่าจะเลือกเป็นทหารของนักการเมือง” จึงเสมือนวลีฝันร้ายของทหารใฝ่อำนาจการเมืองทั้งหลาย
นี่แหละครับทหารชั้นดีของแผ่นดินนี้คนหนึ่งที่ทุ่มเทชีวิตเลือดเนื้อให้แผ่นดิน ให้กับพระเจ้าอยู่หัวและให้กับประชาชน สมตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้กับธงชัยเฉลิมพล และปัจจุบันท่านก็ยังปฏิบัติหน้าที่เหมือนอย่างเมื่อยังประจำการอยู่ ท่านเป็นนักรบทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเป็น Information Warfare Warrior คนหนึ่ง