ลีกวนยูเตือนสหรัฐฯ จะเสียตำแหน่งผู้นำโลกหากทิ้งเอเชีย

เอเอฟพี – ลีกวนยู ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์กล่าวเตือนสหรัฐฯ ว่าอาจสูญเสียความเป็นผู้นำโลก หากไม่รักษาการคบค้าพัวพันอยู่กับเอเชีย เพื่อถ่วงดุลแสนยานุภาพทางเศรษฐกิจและการทหารของจีน

ลีซึ่งกำลังอยู่ในสหรัฐฯมีกำหนดการพบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่กรุงวอชิงตันในวันพฤหัสบดี (29) และเมื่อวันอังคาร(27) เขาได้ไปรับรางวัล “ความสำเร็จชั่วชีวิต” จากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (US-Association of Southeast Asian Nations Business Council) โดยในสุนทรพจน์รับรางวัลคราวนี้ เขายังเรียกร้องให้สหรัฐฯ “ไม่เพียงร่วมมือกับจีนเท่านั้น แต่ควรรวมถึงเอเชียตะวันออกทั้งหมดและอินเดียด้วย”

ในสุนทรพจน์ของเขา ลีบอกว่า “ขนาดของประเทศจีนจะทำให้ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย รวมทั้งญี่ปุ่นและอินเดีย ไม่อาจที่จะทัดเทียมแข่งขันได้ทั้งในแง่ของความยิ่งใหญ่และขีดความสามารถ ภายในระยะเวลา 20 หรือ 30 ปีต่อจากนี้ไป ดังนั้นเราจึงต้องการให้สหรัฐฯ เข้ามาคานอำนาจเพื่อให้เกิดความสมดุล”

“ผมคิดว่า หากสหรัฐฯไม่ตระหนักว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคือศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งการปฏิบัติการในอนาคตแล้วล่ะก็ สหรัฐฯ จะต้องสูญเสียความเหนือกว่าหรือความเป็นผู้นำในทางเศรษฐกิจในแปซิฟิกไป และหลังจากนั้นก็จะสูญเสียความเป็นความเหนือกว่าหรือความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในระดับทั่วโลกไปด้วย”

นอกจากนั้น ลีซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงซึ่งเป็นบุตรชายของเขา ยังแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายอำนาจทางการทหารของจีนด้วย โดยเขาบอกว่าการขยายอำนาจดังกล่าวอาจไม่ได้มุ่งไปที่ประเด็นขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันเท่านั้น

ลีระบุถึงบรรดาอาวุธอันซับซ้อนทันสมัยผลิตขึ้นในประเทศจีนเอง ซึ่งนำออกมาอวดโฉมระหว่างพิธีสวนสนามฉลองครบรอบ 60 ปีวันชาติของจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า เป็นสิ่งที่ “น่าประหลาดใจ” และทำให้มองเห็นเค้าลางของ “กองทัพปลดแอกประชาชน” แบบไฮเทคและทันสมัยที่อาจเกิดขึ้นในอีกสองหรือสามทศวรรษข้างหน้าด้วย

“กองกำลังนาวีปฏิบัติการในเขตทะเลหลวง ที่ประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินหลายๆ ลำ ย่อมไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อป้องปรามการเข้าแทรกแซงของต่างชาติ ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างไต้หวันกับจีนเท่านั้น” เขากล่าวเหน็บแนม โดยวาดภาพแสนยานุภาพทางกองทัพเรือจีนในอนาคตข้างหน้า

ในส่วนใกล้ๆ กับดินแดนจีนอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลีกล่าวว่าจีนอาจจะใช้อำนาจทางการทหารเข้าไปยึดครองดินแดนที่หลายๆ ประเทศอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่ เช่น เกาะเล็กเกาะน้อย และสันดอนทรายต่างๆ ในหมู่เกาะพาราเซลส์และหมู่เกาะสแปรตลีย์

ลีระบุว่าในแผนที่ของจีนถือว่าเกาะเล็กเกาะน้อยเหล่านี้และพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้เป็นของจีน จึงมักเกิดความขัดแย้งระหว่างจีนกับหลายประเทศในอาเซียนเกี่ยวกับพื้นที่การทำประมง

“จีนได้ตั้งด่านตรวจการประมงตามเกาะเล็กๆ เหล่านี้หลายแห่ง และมีเรือยามฝั่งคอยตรวจการณ์ด้วย” เขากล่าว “ในเวลาต่อไป เบื้องหลังเรือยามฝั่งตรวจการณ์ขนาดเล็กๆ เหล่านี้ ก็จะเป็นกองกำลังนาวีเขตทะเลหลวง”

ทั้งนี้ลีเคยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ มาเกือบตลอดช่วงที่เขาใช้กฎเหล็กบริหารประเทศตั้งแต่ปี 1965-1990 และปัจจุบันในวัย 86 ปี เขาก็ยังคงทำหน้าที่ให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ในประเด็นทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของเอเชีย

ส่วนโอบามานั้นมีกำหนดเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 8 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน โดยเขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) และพบกับผู้นำของอาเซียนที่สิงคโปร์ด้วย หลังจากนั้นก็จะเยือนจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

ลีกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ จะต้อง “มีส่วนอย่างสำคัญ” ในการจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือใหม่ในเอเชียตะวันออก และเสริมว่า “คงจะเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์หากมีการกำหนดนิยามความเป็นเอเชียตะวันออกอย่างคับแคบ หรืออาจแย่กว่านั้นก็คือกำหนดโดยใช้เชื้อชาติเป็นเกณฑ์”

เขากล่าวว่า สำหรับจีนนั้นยังไม่พร้อมหรือไม่เต็มใจ ที่จะเข้ามาร่วมรับผิดชอบแบกรับการบริหารจัดการระบบโลกด้วยความเท่าเทียม “ในท้ายที่สุด ไม่ว่าจะมีปัญหาท้าทายใดๆ ก็ตาม ผลประโยชน์หลักของสหรัฐฯก็เรียกร้องให้สหรัฐฯยังคงต้องเป็นอภิมหาอำนาจอยู่ในแปซิฟิก” เขาบอก “การยุติบทบาทดังกล่าวลง ก็จะเป็นการทำลายบทบาทของอเมริกาในตลอดทั่วโลกไปด้วย”