เอเอฟพี – บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ที่มีธุรกิจอยู่ในจีน พอใจผลกำไรที่ได้ในจีน ส่วนใหญ่ยังอยากลงทุนในแดนมังกรเพิ่มขึ้น แม้จะหวั่นกับปัญหาทางเศรษฐกิจ การกีดกันทางการค้า และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาก็ตาม
ผลสำรวจของสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน หรือ USCBC ที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันพุธ (7 ต.ค.) ยังชี้ให้เห็นว่า 51 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 100 ราย คาดว่าผลประกอบการธุรกิจที่อยู่ในจีนในปี 2552 จะเติบโตขึ้น ขณะที่ 84 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า ธุรกิจในจีนยังคงสร้างผลกำไรให้แก่พวกเขา
“จีนยังคงเป็นความหวังแก่บริษัทเหล่านั้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก แม้บริษัทเหล่านั้นจะขายสินค้าในจีนได้น้อยลง แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าตลาดในประเทศอื่นๆ” นายจอห์น ฟริสบี้ ประธาน USCBC ระบุ
การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจโลกย่ำแย่อยู่ในวิกฤต และยังไม่มีบริษัทใดรู้ว่า รัฐบาลจีนจะใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในบางภาคส่วน แต่กระนั้น หลายๆ บริษัทก็ได้รับรายงาน ว่าธุรกิจในจีนมีผลประกอบการสูงขึ้น
“เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทอเมริกันที่เป็นสมาชิก USCBC เผยว่า จีนยังติดอันดับท๊อปไฟว์ของประเทศที่บริษัทเขาวางแผนเข้ามาลงทุน และตลาดภายในของจีนยังพัฒนาต่อไปได้อีก” นายฟริสบี้ กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม การสำรวจดังกล่าวยังระบุถึงปัญหาต่อการทำธุรกิจในจีน และยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งบริษัทที่ตอบแบบสอบถามได้พบเจอและกังวล คือการขอใบอนุญาตทำธุรกิจในจีน และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
ส่วนปัญหาที่บริษัทจากสหรัฐฯ กังวลมากที่สุด คือการกีดกันทางการค้าในประเทศจีน โดยได้ระบุสาเหตุว่า เป็นเพราะรัฐบาลจีนมักจะให้สิทธิพิเศษแก่อุตสาหกรรมภายในประเทศ ที่ต้องแข่งขันกับบริษัทจากต่างชาติ