ASTVผู้จัดการรายวัน - กองปราบเร่งสอบเบื้องลึกหลังจับอาวุธสงครามข้ามชาติ สงสัยมีสิ่งผิดปกติ เบื้องต้นพบกล่องบรรจุอาวุธหายไป 1 กล่อง ตั้งข้อสังเกตุอาจใช้ไทยเป็นฐานซื้อ-ขาย หรือใช้ดูสินค้า "สุเทพ" รับแปลกใจขาไปถูกไทยตรวจค้นมาแล้ว ขากลับยังกล้าลงจอดอีกจนถูกจับ "มาร์ค" ลั่นการจับครั้งนี้เพื่อประโยชน์คนทั้งโลก ไม่หวั่นเป็นเป้าหมายโจมตีผู้ก่อการร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าตรวจสอบเครื่องบินลำเลียง รุ่น IL76 (อิลยูชิน 76) สีขาว สัญชาติคาซัคสถาน ขณะขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเติมน้ำมัน พร้อมทั้งยึดเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER1985 (M1985) จำนวน 2 ชุดๆ ละ 12 ท่อ รวม 24 ท่อ หัวจรวด แท่นเหล็กไว้สำหรับประกอบท่อส่งจรวด และเครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจี โดยทั้งหมดมีการแยกส่วนประกอบเก็บไว้ในลังไม้ กล่องเหล็กขนาดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 145 กล่อง ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาวุธสงครามที่บรรจุอยู่ในกล่องจะมีหมายเลขกำกับสินค้าหรือซีเรียลนัมเบอร์ ที่เรียงติดกัน ซึ่งมี 1 หมายเลขที่สูญหายไป จึงต้องตรวจสอบต่อไปอีกว่า มีการนำสินค้าในหมายเลขดังกล่าวไปส่งให้กับใครก่อนหน้านี้หรือไม่
ในส่วนของการสั่งซื้ออาวุธสงครามที่มีกระแสข่าวออกมาว่าทางชนกลุ่มน้อย ในประเทศพม่าก็มีการใช้อาวุธประเภทนี้อยู่และอาจเป็นผู้ติดต่อขอซื้อนั้น ข้อมูลทั้งหมดยังต้องตรวจสอบในรายละเอียดเพราะมีความเป็นไปได้ทั้งนั้นแต่หากเป็นประเทศพม่าก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเหตุใดเครื่องบินจึงไม่ลงจอดที่ประเทศพม่าแต่กลับมาแวะประเทศไทยก่อน
แหล่งข่าวจากกองปราบปราม ตั้งข้อสังเกตุว่า เครื่องบินที่ถูกยึดจากการ ขนอาวุธสงครามครั้งนี้เหตุใดจึงไม่มีตราสัญลักษณ์ หมายเลขหรือเครื่องหมายใดๆ ที่พอจะบ่งบอกว่าเป็นเครื่องบินบริษัทใด ซึ่งการนำเครื่องบินมาลงจอดจึงต้อง ส่วนการนำเครื่องจอดขึ้นลงในสนามบินของประเทศไทยนั้น เบื้องต้นพบว่า เป็นการดำเนินการของบริษัท เอ็มเจ็ท ซึ่งในส่วนนี้จะต้องตรวจสอบต่อไปว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ กว่า 20 หน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในสนามบิน จึงมีความหละหลวมจนปล่อยให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นได้
สอบ 5 ผู้ต้องหาโยง "วิกเตอร์ บูต"
ด้านการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คนในคดีนี้ ซึ่งมีข่าวออกมาว่า อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับนายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูต เจ้าของฉายา "พ่อค้าแห่งความตาย" ชาวรัสเซีย ซึ่งทางกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) เคยจับกุมตัวไว้ได้ก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ทำหนังสือถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอทราบที่คุมขังนายวิกเตอร์ และตรวจสอบข้อมูลประวัติของ นายวิกเตอร์ นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 ก่อนจะตรวจสอบความเกี่ยวข้องของกลุ่มบุคคลทั้งหมดว่า มีรายใดเคยติดต่อสัมพันธ์กับนายวิกเตอร์ฯ หรือไม่
"สุเทพ" สงสัยถูกค้นแล้วยังกลับมาไทยอีก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ว่าอาวุธมาจากที่ไหนและจะไปที่ไหน ต้องรอให้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายทำรายงานเสนอมาก่อน เพียงแต่การจับกุมครั้งนี้เราทำตามมติ ยูเอ็นที่ห้ามค้าขายอาวุธกับเกาหลีเหนือ หรือห้ามนำอาวุธจากเกาหลีเหนือผ่านเข้า-ออกประเทศใด ซึ่งแผนการบินของเที่ยวบินลำนี้ แสดงชัดเจนว่าบินจากไหนไปไหน ซึ่งตอนไปเครื่องบินลำนี้ก็แวะเติมมันที่บ้านเราครั้งหนึ่งแล้ว เราซึ่งได้ข้อมูลมาก่อนแล้ว จึงเข้าไปตรวจสอบก็ไม่พบอะไรเป็นเครื่องเปล่า เขาก็บินไปต่อไป แต่ขากลับเขาบินมาจอดแวะเติมน้ำมันอีกเราก็เข้าไปตรวจ ค้นจึงพบอาวุธตามที่เป็นข่าว
เชื่อไม่เกี่ยวกับคนในประเทศ
ต่อข้อถามว่าต่างชาติตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยมีความสนิมสนมกับสหรัฐฯ และศูนย์การข่าวต่างๆ ก็อยู่ที่เราทั้งหมด รู้เรื่องหมด เขาสงสัยว่าคนในประเทศไทย เกลือเป็นหนอนหรือไม่ รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ?ไม่ ไม่ ไม่ อย่าคิดมากอย่างนั้น เดี๋ยวพวกเราก็ระแวงกันเอง โรคนี้ยิ่งระบาดกันอยู่ ไม่มีหรอก? เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องบินลำนี้มาลงจอดเพราะมีคนในประเทศของเราไปให้การรับรอง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยวข้องกับคนในประเทศเราเลย
นายสุเทพ กล่าวว่าแม้นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะชื่นชมไทยก็ไม่ได้ทำให้ไทยกดดันต้องทำรายงานเสนอยูเอ็นให้เร็วขึ้น แต่เราจะทำงานของเราด้วยความละเอียด รอบคอบและเมื่อเสร็จแล้วก็จะทำรายงานที่สมบูรณ์ เสนอต่อยูเอ็น ส่วนการตัดสินใจดำเนินการทั้งหมดก็อยู่ที่ผู้บริหารของฝ่ายไทย
ไม่หวั่นกระทบความมั่นคงของไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายความมั่นคงมีความเป็นห่วงผลกระทบหลังจากนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นห่วงหรอก ถ้าเราทำตามกฎเกณฑ์ กติกาตามกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ ทั้งมติสหประชาชาติ ตรงไปตรงมา เราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นหรือไม่ต่อการเข้าไป ตรวจอาวุธครั้งนี้ จำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากยูเอ็นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินถึงขั้นนั้น
ส่วนที่การจับกุมคนไทยที่มาเลเซียที่พบคลังผลิตอาวุธด้วย จะเชื่อมโยงกับการตรวจค้นอาวุธด้วยหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่ายังไม่ชัดเจน ตนยังไม่สามารถ พูดอะไรได้ ต้องรอให้รับรายงานชัดเจนก่อน แต่กับมาเลเซียเราได้ตกลงร่วมมือกันเรื่องข่าวและการปฏิบัติกับผู้ที่ก่อการร้ายทั้งหลาย เมื่อถามว่าทางมาเลเซียบอกว่า เป็นพวกทำระเบิดส่งภาคใต้ รองนายกฯ กล่าวว่าขอดูก่อน ยังเร็วไปที่ตนจะพูดอะไร
"มาร์ค" บอกจับอาวุธทำเพื่อคนทั้งโลก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมอาวุธสงคราม บนเครื่องบินต่างชาติเกิดจากหน่วยงานทางการข่าวเขาทำงานกันเป็นเครือข่ายหลายประเทศ ไม่ได้เป็นเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งและมันเป็นหน้าที่ของสมาชิกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่จะต้องดำเนินการ เป็นการพิสูจน์ว่า เราเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกและจะได้ดำเนินการตามข้อมติของยูเอ็น
"รางวัลนำจับนั้นไม่มี ที่เราจับเป็นไปตามมติยูเอ็น ทุกคนในโลกได้ประโยชน์ หากเราไม่ทำและเกิดมาพบว่าสิ่งเหล่านี้ผ่านและเกิดขึ้นในประเทศไทยเราจะเสียหายมาก ฉะนั้นที่ถามทำนองว่าเราได้อะไรก็ต้องบอกว่าจริงๆ เราทำเพื่อคนทั้งโลกและเราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเราเป็นสมาชิกที่ดี ขณะเดียวกันเราไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนค่าใช้จ่ายขณะนี้ต้องประสานกับยูเอ็นและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง"
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าตรวจสอบเครื่องบินลำเลียง รุ่น IL76 (อิลยูชิน 76) สีขาว สัญชาติคาซัคสถาน ขณะขออนุญาตลงจอดที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเติมน้ำมัน พร้อมทั้งยึดเครื่องยิงจรวด รุ่น 240 mm. ROCKET LAUNCHER1985 (M1985) จำนวน 2 ชุดๆ ละ 12 ท่อ รวม 24 ท่อ หัวจรวด แท่นเหล็กไว้สำหรับประกอบท่อส่งจรวด และเครื่องยิงลูกระเบิดอาร์พีจี โดยทั้งหมดมีการแยกส่วนประกอบเก็บไว้ในลังไม้ กล่องเหล็กขนาดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 145 กล่อง ว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า อาวุธสงครามที่บรรจุอยู่ในกล่องจะมีหมายเลขกำกับสินค้าหรือซีเรียลนัมเบอร์ ที่เรียงติดกัน ซึ่งมี 1 หมายเลขที่สูญหายไป จึงต้องตรวจสอบต่อไปอีกว่า มีการนำสินค้าในหมายเลขดังกล่าวไปส่งให้กับใครก่อนหน้านี้หรือไม่
ในส่วนของการสั่งซื้ออาวุธสงครามที่มีกระแสข่าวออกมาว่าทางชนกลุ่มน้อย ในประเทศพม่าก็มีการใช้อาวุธประเภทนี้อยู่และอาจเป็นผู้ติดต่อขอซื้อนั้น ข้อมูลทั้งหมดยังต้องตรวจสอบในรายละเอียดเพราะมีความเป็นไปได้ทั้งนั้นแต่หากเป็นประเทศพม่าก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเหตุใดเครื่องบินจึงไม่ลงจอดที่ประเทศพม่าแต่กลับมาแวะประเทศไทยก่อน
แหล่งข่าวจากกองปราบปราม ตั้งข้อสังเกตุว่า เครื่องบินที่ถูกยึดจากการ ขนอาวุธสงครามครั้งนี้เหตุใดจึงไม่มีตราสัญลักษณ์ หมายเลขหรือเครื่องหมายใดๆ ที่พอจะบ่งบอกว่าเป็นเครื่องบินบริษัทใด ซึ่งการนำเครื่องบินมาลงจอดจึงต้อง ส่วนการนำเครื่องจอดขึ้นลงในสนามบินของประเทศไทยนั้น เบื้องต้นพบว่า เป็นการดำเนินการของบริษัท เอ็มเจ็ท ซึ่งในส่วนนี้จะต้องตรวจสอบต่อไปว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ กว่า 20 หน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในสนามบิน จึงมีความหละหลวมจนปล่อยให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นได้
สอบ 5 ผู้ต้องหาโยง "วิกเตอร์ บูต"
ด้านการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คนในคดีนี้ ซึ่งมีข่าวออกมาว่า อาจมีส่วนเกี่ยวพันกับนายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูต เจ้าของฉายา "พ่อค้าแห่งความตาย" ชาวรัสเซีย ซึ่งทางกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) เคยจับกุมตัวไว้ได้ก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ทำหนังสือถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอทราบที่คุมขังนายวิกเตอร์ และตรวจสอบข้อมูลประวัติของ นายวิกเตอร์ นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) รวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 ก่อนจะตรวจสอบความเกี่ยวข้องของกลุ่มบุคคลทั้งหมดว่า มีรายใดเคยติดต่อสัมพันธ์กับนายวิกเตอร์ฯ หรือไม่
"สุเทพ" สงสัยถูกค้นแล้วยังกลับมาไทยอีก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ว่าอาวุธมาจากที่ไหนและจะไปที่ไหน ต้องรอให้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายทำรายงานเสนอมาก่อน เพียงแต่การจับกุมครั้งนี้เราทำตามมติ ยูเอ็นที่ห้ามค้าขายอาวุธกับเกาหลีเหนือ หรือห้ามนำอาวุธจากเกาหลีเหนือผ่านเข้า-ออกประเทศใด ซึ่งแผนการบินของเที่ยวบินลำนี้ แสดงชัดเจนว่าบินจากไหนไปไหน ซึ่งตอนไปเครื่องบินลำนี้ก็แวะเติมมันที่บ้านเราครั้งหนึ่งแล้ว เราซึ่งได้ข้อมูลมาก่อนแล้ว จึงเข้าไปตรวจสอบก็ไม่พบอะไรเป็นเครื่องเปล่า เขาก็บินไปต่อไป แต่ขากลับเขาบินมาจอดแวะเติมน้ำมันอีกเราก็เข้าไปตรวจ ค้นจึงพบอาวุธตามที่เป็นข่าว
เชื่อไม่เกี่ยวกับคนในประเทศ
ต่อข้อถามว่าต่างชาติตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยมีความสนิมสนมกับสหรัฐฯ และศูนย์การข่าวต่างๆ ก็อยู่ที่เราทั้งหมด รู้เรื่องหมด เขาสงสัยว่าคนในประเทศไทย เกลือเป็นหนอนหรือไม่ รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ?ไม่ ไม่ ไม่ อย่าคิดมากอย่างนั้น เดี๋ยวพวกเราก็ระแวงกันเอง โรคนี้ยิ่งระบาดกันอยู่ ไม่มีหรอก? เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องบินลำนี้มาลงจอดเพราะมีคนในประเทศของเราไปให้การรับรอง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยวข้องกับคนในประเทศเราเลย
นายสุเทพ กล่าวว่าแม้นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ จะชื่นชมไทยก็ไม่ได้ทำให้ไทยกดดันต้องทำรายงานเสนอยูเอ็นให้เร็วขึ้น แต่เราจะทำงานของเราด้วยความละเอียด รอบคอบและเมื่อเสร็จแล้วก็จะทำรายงานที่สมบูรณ์ เสนอต่อยูเอ็น ส่วนการตัดสินใจดำเนินการทั้งหมดก็อยู่ที่ผู้บริหารของฝ่ายไทย
ไม่หวั่นกระทบความมั่นคงของไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายความมั่นคงมีความเป็นห่วงผลกระทบหลังจากนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นห่วงหรอก ถ้าเราทำตามกฎเกณฑ์ กติกาตามกฎหมายทั้งในและต่างประเทศ ทั้งมติสหประชาชาติ ตรงไปตรงมา เราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นหรือไม่ต่อการเข้าไป ตรวจอาวุธครั้งนี้ จำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากยูเอ็นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินถึงขั้นนั้น
ส่วนที่การจับกุมคนไทยที่มาเลเซียที่พบคลังผลิตอาวุธด้วย จะเชื่อมโยงกับการตรวจค้นอาวุธด้วยหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่ายังไม่ชัดเจน ตนยังไม่สามารถ พูดอะไรได้ ต้องรอให้รับรายงานชัดเจนก่อน แต่กับมาเลเซียเราได้ตกลงร่วมมือกันเรื่องข่าวและการปฏิบัติกับผู้ที่ก่อการร้ายทั้งหลาย เมื่อถามว่าทางมาเลเซียบอกว่า เป็นพวกทำระเบิดส่งภาคใต้ รองนายกฯ กล่าวว่าขอดูก่อน ยังเร็วไปที่ตนจะพูดอะไร
"มาร์ค" บอกจับอาวุธทำเพื่อคนทั้งโลก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมอาวุธสงคราม บนเครื่องบินต่างชาติเกิดจากหน่วยงานทางการข่าวเขาทำงานกันเป็นเครือข่ายหลายประเทศ ไม่ได้เป็นเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งและมันเป็นหน้าที่ของสมาชิกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่จะต้องดำเนินการ เป็นการพิสูจน์ว่า เราเป็นสมาชิกที่ดีของประชาคมโลกและจะได้ดำเนินการตามข้อมติของยูเอ็น
"รางวัลนำจับนั้นไม่มี ที่เราจับเป็นไปตามมติยูเอ็น ทุกคนในโลกได้ประโยชน์ หากเราไม่ทำและเกิดมาพบว่าสิ่งเหล่านี้ผ่านและเกิดขึ้นในประเทศไทยเราจะเสียหายมาก ฉะนั้นที่ถามทำนองว่าเราได้อะไรก็ต้องบอกว่าจริงๆ เราทำเพื่อคนทั้งโลกและเราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเราเป็นสมาชิกที่ดี ขณะเดียวกันเราไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนค่าใช้จ่ายขณะนี้ต้องประสานกับยูเอ็นและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง"