xs
xsm
sm
md
lg

กขช.เคาะประกันราคาข้าวรอบ2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กขช.เคาะราคาประกันข้าวรอบ 2 เริ่มม.ค.-ก.ค.ปีหน้า คงราคาประกันเดิมสำหรับข้าวทุกชนิด ยกเว้นข้าวหอมปทุมธานีเพิ่มให้อีกตันละ 1 พันบาท พร้อมมอบกรมการค้าต่างประเทศทำแผนระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ทั้งขายจีทูจี เอเฟต และเปิดประมูลทั่วไป ผู้ส่งออกสวนทันควันไม่เห็นด้วยเพิ่มราคาประกันข้าวหอมปทุมธานี หวั่นชาวนาแห่ปลุก ทำตลาดข้าวเจ้าพัง
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรครั้งที่ 2 ระหว่างเดือนม.ค.-ก.ค.2553 โดยกำหนดให้เพิ่มราคาประกันข้าวเปลือกหอมปทุมธานีอีกตันละ 1,000 บาท เป็นตันละ 11,000 บาท จากโครงการปัจจุบันที่ประกันตันละ 10,000 บาท ส่วนข้าวชนิดอื่นให้คงราคาเดียวกับโครงการปัจจุบัน และยังได้เพิ่มสิทธิให้กับเกษตรกรสามารถนำข้าวเปลือกเข้าโครงการจากรายละ 25 ตัน เป็น 30 ตัน
นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ จัดทำแผนระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ทั้งรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟต) และเปิดประมูลทั่วไป
“นอกจากมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศไปจัดทำแผนการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลแล้ว รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ยังสั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศหาวิธีกระตุ้นการส่งออกของภาคเอกชน โดยมอบรางวัลให้ผู้ส่งออกที่สามารถหาตลาดข้าว และส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น”นายยรรยงกล่าว
นายยรรยงกล่าว กขช.ยังได้หารือถึงเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากเพลี้ยกระโดดประมาณ 1 ล้านไร่ โดยเห็นว่ารัฐไม่จำเป็นต้องจ่ายชดเชยให้ เพราะแม้ความเสียหายจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นตันละ 102 บาท แต่เมื่อเทียบกับราคาประกันแล้ว ยังขายได้ราคาสูงกว่าราคาประกัน
ส่วนราคาข้าวไทยที่สูงขึ้นมากในขณะนี้นั้น ได้รับการยืนยันจากสมาคมโรงสีข้าวไทยว่า ไม่ใช่การกักตุนเพื่อเก็งกำไร แต่เป็นผลจากการประเมินผลผลิตที่คลาดเคลื่อนจากต้นฤดูประเมินไว้ที่ 24-25 ล้านตัน ผลผลิตจริงเหลือ 21-22 ล้านตัน เพราะได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และเพลี้ยระบาด
สำหรับราคาอ้างอิงข้าวที่รัฐจะใช้เป็นเกณฑ์จ่ายอัตราส่วนต่างให้กับเกษตรกร ตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ระหว่างวันที่ 16-31 ธ.ค.2552 นั้น ปรับขึ้นทุกรายการ และส่วนใหญ่สูงกว่าราคาประกัน ยกเว้น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ที่รัฐยังต้องจ่ายชดเชยตันละ 405 บาท โดยมีราคาอ้างอิงที่ตันละ 14,895 บาท จากราคาประกัน 15,300 บาท ส่วนข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 10,212 บาท จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 12,072 บาท จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 11,533 บาท จากราคาประกันตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 14,503 บาท จากราคาประกันตันละ 14,300 บาท ส่วนราคาอ้างอิงข้าวเปลือกอายุสั้น (ต่ำกว่า 100 วัน) ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 10,012 บาท ข้าวเปลือก 25% ตันละ 9,612 บาท
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเพิ่มราคาประกันข้าวเปลือกหอมปทุม เพราะเป็นการส่งสัญญาณผิดให้เกษตรกรหันไปปลูกข้าวหอมปทุมแทนข้าวเจ้า เพราะได้ราคาดีกว่า และกระทบต่อตลาดข้าวเจ้า ที่ยังเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งไทยเสียตลาดบางส่วนให้เวียดนามไปแล้ว
“ราคาข้าวที่ขยับสูงยังไม่อาจประเมินได้ว่าจะต่อเนื่องนานแค่ไหน แต่ขณะนี้ราคาเริ่มอ่อนตัวลงมากแล้ว หลังเวียดนามชนะประมูลขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ 600,000 ตันเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพราะเวียดนามเสนอขายตันละ 664.90 เหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าไทยถึงตันละ 40 เหรียญสหรัฐ โดยไทยเสนอสูงเกินตันละ 700 เหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคาข้าว 5% ในเอเฟตของไทยดิ่งลงทันทีตันละ 22 เหรียญสหรัฐ”นายชูเกียรติกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น