xs
xsm
sm
md
lg

ลิเกลวงโลก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวคราวกรณีของ “วิศวกรไทย-ศิวรักษ์ ชุติพงษ์” ที่ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาตัดสินให้จำคุก 7 ปี พร้อมถูกปรับเงินอีกเกือบหนึ่งแสนบาท ที่โดนข้อหาจากรัฐบาลกัมพูชาว่า “จารกรรมข้อมูลลับตารางบิน” ของอดีตนายกรัฐมนตรีไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปเยือนประเทศกัมพูชา เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อไปรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้รับ “การอภัยโทษ” จากสมเด็จนโรดม สีหมุนี และเดินทางกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย เป็นที่กล่าวขวัญและวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากกับสื่อทุกแขนงในประเทศไทยต่อเนื่องทุกวันนานนับสัปดาห์ทีเดียว!

การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนโดยทั่วไปและสื่อมวลชนนั้น ต่างพุ่งเป้าไปที่ “ข้อกังขา-ข้อสงสัย” กับคดีความที่เกิดขึ้นกับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ นี้ ว่า น่าจะเป็น “ละครโรงใหญ่” หรือจะเรียกภาษาชาวบ้านว่า “ลิเกโรงใหญ่” ก็ไม่น่าจะผิดนัก เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ามีการลำดับ พร้อมทั้งสังเคราะห์ทั้งในเชิงลึกและเชิงลับแล้วน่าเชื่อว่า “เป็นละครที่มีการวางแผนกำหนดพลอตเรื่องเป็นอย่างดี!” หรือจะกล่าวอย่างโจ๋งแจ้งต้องเรียกว่า “ลวงโลก!”

แทบทุกฝ่าย ไม่ว่าคนรุ่นใหม่หรือคนรุ่นเก่า หรือแม้กระทั่ง แม่ค้าแม่ขายตามท้องถนนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “กรณีศิวรักษ์” นี้เป็น “การกุเรื่อง” เพื่อหวังผลหลากหลายประการทางการเมือง ของทั้งรัฐบาลและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคุณทักษิณ ชินวัตร

กล่าวคือ หนึ่ง พุ่งเป้าไปที่ “ดิสเครดิต” รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนได้ สาเหตุสำคัญเกิดจาก “นโยบาย” และ “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่เป็น “กลุ่มสมาชิกประชาคมอาเซียน” ด้วยกันเอง ที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศ กษิต ภิรมย์ เป็นเป้าหมายสำคัญ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า “กลยุทธ์-เกม” นี้ สร้างความ “เสียหน้า” ให้แก่ประเทศไทยอย่างมากในเวทีประชาคมอาเซียน

สอง ที่สำคัญที่สุดคือ “เครดิตทักษิณ” ที่เป็นไปตามแผนการที่วางแผนไว้อย่างแนบเนียน เพื่อสร้าง “คะแนนนิยม” และสำคัญมากไปกว่านั้น คือ “การเทียบชั้น” ระหว่างคุณทักษิณ ชินวัตร กับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า “คนละชั้น” ในด้านความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่รัฐบาลกัมพูชา ให้ความสำคัญและน้ำหนักกับคุณทักษิณ มากกว่า คุณอภิสิทธิ์ หลายขุม

ว่ากันตามความเป็นจริงและเป็นธรรมแล้ว “วิศวกรศิวรักษ์” น่าจะไม่ได้มีส่วนในการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้นแต่ประการใด แต่กลับเป็น “แพะ” ที่ตกกระไดพลอยโจนกับเขาไปด้วย เพราะนำข้อมูลตารางบินของคุณทักษิณ ไปให้เลขานุการเอกสถานทูตไทยประจำกัมพูชา ตามที่ถูกร้องขอมา พูดง่ายๆ คือ ปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ใจ มิได้มีส่วนรู้เห็นแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม“คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด” และไม่สำคัญเท่ากับ “สบช่องโอกาส” ในการตีตื้นและเอาคืนกับรัฐบาลไทยจึง “ฉวยโอกาส” นำเหตุการณ์ของคดีนี้มาทำประโยชน์ทางการเมือง ที่ต้องชื่นชมว่า “ฉลาดมาร!” อย่างมาก แต่อาจจะไม่ลึกซึ้งมากมายนัก เนื่องด้วยหลากหลายฝ่ายพอจะ “เดา-คาดการณ์” ได้ถูกทุกช็อตทุกขั้นตอนว่า “ผลจะออกมาเป็นเช่นนี้” เปรียบเสมือน “ลิเก!” และขอตอกย้ำว่าเป็น “ลิเกโรงใหญ่-ลวงโลก” ซะด้วย!

คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยรู้จัก หรือรู้จักน้อยมากว่า “ลิเกโรงใหญ่” คืออะไร “ลิเก” เป็นการแสดงละครเพลงตามครรลองของการละเล่นตามวัฒนธรรมไทยโบราณที่มีการแต่งกายและร่ายรำร้องเป็นบทกลอนตามเนื้อเรื่องของวรรณคดีไทย โดยเฉพาะแน่นอนที่ต้องมีบทของ “พระเอก-ผู้ร้าย-นางเอก” ที่ผู้ชมคาดเดาได้ถูกว่า “ตอนต่อไป” หรือ “ฉากต่อไป” จะเป็นอย่างไร

ลิเกเป็นเสมือนละครเพลงพื้นบ้านที่ปัจจุบันยังมีการแสดงอยู่ทั่วไปตามชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ ชานเมือง และต่างจังหวัด และยังเป็นที่นิยมของชาวบ้านทั่วๆ ไป แต่ไม่มากเหมือนในอดีต ที่สังคมปัจจุบัน “ความบันเทิง” มีให้บริโภคกันได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะโทรทัศน์

“บุคลิก” ที่เป็น “เอกลักษณ์พิเศษของลิเก” นอกเหนือจากเครื่ององค์ทรงเครื่องที่แวววับสวยสะดุดตา และการร้องร่ายรำแล้ว “ฉากการต่อสู้” ที่จะเป็นการร่ายรำฟันดาบแบบปลอมๆ มิได้เป็นฉากการต่อสู้เหมือนภาพยนตร์ แต่ที่โดดเด่นที่สุด คือ “การกระซิบ-นินทา” จะส่งเสียงดัง เพื่อให้ผู้ชมได้ยินกัน แต่แสร้งเป็นว่า ฝ่ายตรงข้ามนั้น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!

“ลิเก” เป็นบันเทิงพื้นบ้านที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน สร้างความเบิกบานสำราญใจให้กับคนไทยมาโดยตลอด เพราะดูไปติดตามไปอย่างไม่ต้องเคร่งเครียด พร้อมสนุกสนานมีแม่ยกพ่อยกคอยคล้องพวงมาลัยแถมตบรางวัลให้แก่ตัวพระตัวนาง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวิศวกรศิวรักษ์ ในครั้งนี้ ได้มีการเปรียบเทียบกันอย่างกว้างขวางว่าเป็น “ลิเก” จนถึงขั้น “ลิเกโรงใหญ่” หรือเป็น “ละครการเมือง” ที่แทบทุกฝ่าย “คาดเดา-มองทะลุ” ว่าช็อตต่อไปจะเป็นอย่างไร และที่สำคัญคือ รู้ดีว่า เรื่องจะจบอย่างไร ทำนอง “ลวงโลก!”

ขอย้ำอีกครั้งว่า จากการสังเคราะห์ข้อสมมติฐานที่ว่า “คุณศิวรักษ์” ไม่น่าจะรู้อีโหน่อีเหน่แต่ประการใด แต่บังเอิญถูกบุคคลที่ฉลาดกว่านำเหตุการณ์มาสร้างประโยชน์ให้กับตนเองเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับคนไทยและประเทศชาติ

ถามว่า “ผลลัพธ์” ที่ได้นั้น เป็นไปตามคาด แต่ก็มิได้สร้างความฮือฮาและโดยเฉพาะ “ความประทับใจ!” กับคนไทยและชาวอาเซียนกับประชาคมโลกมากมายเท่าใดนัก เพราะต่างตระหนักดีว่าเป็น “ลิเก-ละคร-จัดฉาก!” นอกจากบรรดาแฟนคลับที่หลงใหลคลั่งไคล้งมงายเท่านั้น ที่ปักใจเชื่อ!

ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า “ประเทศกัมพูชา” นั้นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดนั้นมิใช่สถาบันกษัตริย์ แต่เป็นสมเด็จฮุนเซน ที่ยึดครองอำนาจมายาวนานถึง 32 ปี เป็น “แกนอำนาจ” ที่มีอำนาจสูงสุด ในการบริหารปกครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนมีใครบางคนอยากดำเนินรอยตามกับประเทศชาติของตนเอง

ทุกกระบวนการขั้นตอน ทั้ง “กระบวนการยุติธรรม” และ “สมเด็จนโรดม สีหมุนี” นั้น เป็นเพียง “หุ่นเชิด!” ที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสามารถบงการชี้นิ้วเป็นนกเป็นไม้ได้ตามอำเภอใจ

แต่แท้จริงแล้ว แทบไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกันว่า “ผู้มากบารมี” ที่สามารถกำกับบัญชาการฮุนเซน ได้ให้ซ้ายหันขวาหัน กลับเป็น “ผู้ลี้ภัย” ที่มากไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง สามารถเนรมิตอะไรก็ได้ แม้กระทั่ง “อภัยโทษ” ให้แก่คุณศิวรักษ์

ใครๆ ต่างนินทากันให้แซดว่ามารดาของคุณศิวรักษ์นั้น “แดงแจ๋!” พร้อมทั้งน่าจะเป็นเพื่อนกับ “ผู้มากบารมีจรลีนอกบ้าน” อีกด้วยที่ต่างรับแผนกันเป็นทอดๆ ไป

ถามว่า “ทุ่มทุนจัดฉาก-กำหนดตัวละคร-กำกับการแสดง” แถม “กำหนดเวทีรับรางวัล” เองอีกต่างหาก “คุ้มค่า” หรือไม่ ก็ต้องตอบว่า สำหรับ “การดิสเครดิตรัฐบาล” นั้น “คุ้มค่าสุดๆ” ที่ส่อให้เห็นถึง “ความสัมพันธ์แตกร้าว” ของไทยกับกัมพูชาและ “ความไร้สมรรถนะ” ในการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนได้

และที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ รัฐบาลกัมพูชา “ให้เกียรติ-ให้น้ำหนัก-ให้ราคา” กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากมายเพียงนี้ และอุตส่าห์เดินทางกลับมากัมพูชาเพื่อมารอรับและมอบ “อิสรภาพ” ให้แก่คุณศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ด้วยตนเอง พูดง่ายๆ เหมือนกับเป็น “การตบหน้า” รัฐบาลไทยฉาดใหญ่!

ถามว่า “ลิเกโรงใหญ่” เรื่องนี้ จบลงเอยไปแล้วเป็นไปตามคาดเดาและรู้ซึ้งดีของผู้คนโดยทั่วไป แต่ “ผลทางการเมือง” ที่มีการกำหนดช็อตจนได้รับรางวัลนั้น ก็ต้องตอบว่า “สุดคุ้ม!” ที่ได้ทั้ง “กล่อง” และไม่สำคัญเท่ากับ “ความสะใจ!” ที่ทั้งคุณทักษิณกับฮุนเซนต้อง “ประสานมือ” กันกลางอากาศว่า “เฮ!...สำเร็จว้อย!”

อย่างไรก็ตาม ผลจะออกมาเป็นเช่นไร ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ้งกันดีว่า “ความสำเร็จ” คือ “อิสรภาพ” ของคุณศิวรักษ์ ตลอดจน “ความเป็นธรรม” ที่คุณศิวรักษ์ สมควรได้รับเพราะตามหลักของทางกฎหมายแล้ว คุณศิวรักษ์ มิได้ผิดแต่ประการใด เพียงแต่ “ข้อกล่าวหา” และ “คำพิพากษา” นั้น “ถูกกำหนดให้ต้องเป็นเช่นนี้” เพื่อเป็นช่องทางให้นำมาสร้างเป็น “ละครการเมือง-ลิเกโรงใหญ่-ลวงโลก” ที่เพียงสร้างผลประโยชน์ให้แก่บุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่ชาติบ้านเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลหน้าแตกไปเรียบร้อย!
กำลังโหลดความคิดเห็น