“สิมารักษ์” เอาใหญ่! จี้ “เลขานุการเอกทูตไทยฯ” ถ้าสุภาพบุรุษจริง ต้องรับผิดทำลูกติดคุก ลั่น ไม่ยอมโดนจัดฉากแน่ กั๊กรัฐบาลช่วย บอกตอนนี้ให้ “เพื่อไทย” ขอพระราชทานอภัยโทษดีกว่า แย้ม ผัว เคยคบค้า “นช.แม้ว” ส่วน “จิ๋ว” คนบ้านเดียวกัน เปรียบดั่งญาติสนิท พร้อมร่อนแฟกซ์ขอ “ทักษิณ - ชวลิต” ช่วยลูก ด้าน “นพเหล่ - เด็จพี่” จัดให้ นัดพวกถกเรื่องทันที
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ได้โฟนอินเข้ามาที่พรรค เพื่อร่วมแถลงข่าวถึงกรณีที่ นายศิวรักษ์ ถูกศาลกัมพูชาตัดสินในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับ ว่า รู้สึกตกใจมาก เมื่อได้ฟังคำพิพากษาของศาล ซึ่งถือเป็นความเลวร้ายที่สุดของครอบครัว ทั้งที่บุตรของตนไม่ใช่ผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบคุณรัฐบาล ,นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศทุกคน ที่พยายามช่วยเหลือทุกทาง แต่หลังจากนี้ตนจะขอรับความช่วยเหลือจาก พล.อ.ชวลิต ,พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ก่อน เนื่องจากกระทรวงต่างประเทศเป็นคู่ขัดแย้งกับสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาโดยตลอด จนทำให้การติดต่อสื่อสารที่ผ่านมามีอุปสรรคอย่างมาก ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ,พล.อ.ชวลิต และพรรคเพื่อไทย มีความสัมพันธ์กับกัมพูชาดีกว่า ดังนั้นเพื่ออิสรภาพบุตรของตน ตนจึงต้องเลือกพึ่งทางนี้ จึงไม่อยากให้คิดเกินเลยไปว่าใครได้หรือเสียหน้า เพราะคนที่เสียที่สุดคือนายศิวรักษ์ ต้องเสียอิสรภาพ ชื่อเสียง หน้าที่การงาน รวมทั้งแม่และน้องชาย ต้องมารับเคราะห์กรรมด้วย
นางสิมารักษ์กล่าวอีกว่า รู้สึกเจ็บปวดมาก หลังได้ยินเจ้าหน้าที่ทางการไทยคนหนึ่ง ออกมาระบุว่านายศิวรักษ์ คือคนหนึ่งที่ไปก่อเหตุในต่างแดน ซึ่งหากวันนั้นนายคำรบ ปาลวัฒน์วิชัย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชา ไม่โทรศัพท์ไปหานายศิวรักษ์ แล้วบอกว่า เช็คให้หน่อย ผลที่ออกมาคือบุตรของตนต้องถูกจำคุก 7 ปี มันไม่คุ้มกันเลย ฉะนั้นจึงขอให้นายคำรบ หรือผู้ที่อยู่เหนือกว่าหากมีความเป็นสุภาพบุรุษ ต้องออกมารับผิดชอบ อย่าปกป้องผู้ทำผิด โดยปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษถึง 7 ปี เพื่อให้สังคมได้รู้ความจริงว่า นายคำรบและอาชีพของนายคำรบ ทำให้ได้กลับมาประเทศไทยได้อยู่อย่างสุขสบาย ในขณะที่นายศิวรักษ์ต้องอยู่ในสภาพเช่นนั้นโดยลำพัง ที่คุมขังไม่มีแอร์ อาหารไม่อร่อย
นางสิมารักษ์กล่าวด้วยว่า อยากขอบคุณพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยพูดว่าจะช่วยนายศิวรักษ์แม้จะคิดร้ายต่อกัน แต่ยืนยันว่า นายศิวรักษ์ไม่เคยคิดร้ายต่อท่านเลย การที่ท่านไม่ติดใจถือเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวของเราที่ท่านเมตตา ส่วนพล.อ.ชวลิตเป็นยิ่งกว่าญาติที่ออกมาช่วยเหลือครอบครัว แต่บางคนไม่ช่วยอะไรแต่ออกมาขวางความมีน้ำใจของพล.อ.ชวลิต ซึ่งท่านเป็นชาวนครพนมเหมือนกัน เป็นผู้ปิดทองหลังพระมาตั้งแต่ต้น ตนไม่เคยได้แจ้งให้ใครทราบมาก่อนว่าพล.อ.ชวลิตบอกกับตนว่าอยากให้รัฐบาลได้ดำเนินการช่วยเหลือก่อนแล้วท่านจะคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง ซึ่งงานนี้รัฐบาลต้องช่วยอยู่แล้วเพราะสาเหตุมาจากนายคำรบ
“ไม่มีแม่คนไหน ยอมเอาลูกตัวเองไปเสี่ยงกับสถานการณ์เลวร้ายนี้ เอาลูกไปติดคุกเพื่ออะไรแค่คิดก็ถือว่าเลวสุดๆแล้ว ออกไปสร้างละคร ไปสร้างสถานการณ์แล้วครอบครัวเราได้อะไร ลูกนอนอยู่ในคุกแล้วแม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ อยากขอร้องว่าสิ่งที่แม่พูดมาจากใจจริง เราคนไทยด้วยกันช่วยคนไทยด้วยกันดีกว่า อย่ามัวขัดแย้งกันเลย อย่างน้อยก็เพื่ออิสรภาพของนายศิวรักษ์ ที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากทุกคน” นางสิมารักษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางสิมารักษ์รู้จักพล.อ.ชวลิต กับพ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อนหรือไม่ นางสิมารักษ์กล่าวว่า กับพ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อ 20-30 ปีมาแล้ว สามีเคยอยู่ในวงการเล็กๆด้วยกันมาก่อน ส่วนพล.อ.ชวลิต ทราบมาตั้งแต่ต้น เป็นอดีตส.ส.นครพนม จึงเหมือนกับญาติ ส่วนจะให้นายคำรบรับผิดชอบอย่างไร นางสิมารักษ์กล่าวว่า รับผิดชอบทุกอย่างที่นายศิวรักษ์ต้องเสียอิสรภาพไป ตลอดเวลาที่ถูกจองจำในเรือนจำ จะรับผิดชอบอย่างไรได้บ้าง ออกมาเปิดเผยหรือยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายได้ไหม 2-3 นาทีที่คุยกัน ผลลัพธ์มันตรงกันข้าม มันสาหัสมากๆ จะช่วยเราอย่างไรได้บ้างเพื่อให้นายศิวรักษ์ได้ยืนบนสังคมได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยทำผิดใดๆทั้งสิ้น หากนายคำรบไม่รับผิดชอบอะไร เราก็ไม่เคยคิดร้ายหรือแก้แค้นกับใคร แต่อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องของความสุภาพบุรุษ
เมื่อถามว่าได้ฟังเทปการสนทนาระหว่างนายศิวรักษ์กับนายคำรบหรือไม่ นางสิมารักษ์กล่าวว่า ทุกคำพูดที่นายศิวรักษ์ให้การต่อศาลเป็นระยะเวลากว่า 5 ชั่วโมงนั้นคือความจริงที่สุด เทปไม่มี ส่วนกรณีที่ขณะนี้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจัดฉากเรื่องนี้ นางสิมารักษ์กล่าวว่า ได้พูดไปแล้วตอนต้น การจัดฉากหรืออะไรก็ดี คนเป็นแม่จะยอมหรือที่ให้ลูกเป็นฉากหนึ่งในนั้น หัวอกคนเป็นแม่จะยอมหรือที่จะให้ลูกเป็นฉากของใครเพราะมันไม่ใช่ความสุขเลย
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือนั้น นางสิมารักษ์กล่าวว่า ขอขอบคุณ แต่ตอนนี้ขอความช่วยเหลือจากพล.อ.ชวลิตก่อน เพราะสถานการณ์ขณะนี้น่าจะดีกว่า แต่ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกว่าจะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่สถานการณ์ขณะนี้ขอรับความช่วยเหลือจากพล.อ.ชวลิต พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยก่อนดีกว่า ส่วนกระทรวงต่างประเทศพร้อมขอพระราชทานอภัยโทษให้ด้วย จะรับการช่วยเหลือนั้นหรือไม่ นางสิมารักษ์กล่าวว่า วันนี้ต้องขอโทษด้วย ยังไม่ขอรับ เนื่องจากกำลังหารือกับทนายเพื่อดำเนินการทุกอย่างโดยเร็วที่สุด หากขอพระราชทานอภัยโทษซ้อนกันอาจเกิดปัญหาได้ ก็ต้องขอบคุณกระทรวงต่างประเทศ แต่ขอรับความช่วยเหลือจากพล.อ.ชวลิตก่อน ส่วนนางสิมารักษ์จะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ นางสิมารักษ์กล่าวว่า ขอดูการจัดทำการขอพระราชทานอภัยโทษก่อน ขณะนี้ยังไม่เรียบร้อย เราขอรับผิดและจะไม่อุทธรณ์
จากนั้นนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทางพรรคจะมีการประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายและฝ่ายต่างประเทศ ในวันนี้ โดยจะมีการเตรียมร่างหนังสือ 3 ชุด เพื่อรวบรวมส่งไปยังกัมพูชา คือ 1.ร่างหนังสือขอความอนุเคราะห์โดยพล.อ.ชวลิต ส่งถึงสมเด็จฮุน เซน ประกอบกับสำเนาคำพิพากษาของศาล 2.รายชื่อส.ส.เพื่อไทย บางคน ร้องขอร่วมร่างและลงนามด้วย 3.หนังสือขอความอนุเคราะห์ของนางสิมารักษ์ ส่วนจะยื่นผ่านสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย หรือจะไปยื่นทำเนียบรัฐบาลประเทศกัมพูชานั้น จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ขณะที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ได้โทรศัพท์คุยกับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่ดูแลด้านความมั่นคง และเรื่องการต่างประเทศ โดยได้ประสานไปว่าเมื่อทางพรรคเพื่อไทยได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือจากนางสิมารักษ์แล้ว พล.อ.ชวลิตจะมีหนังสือไปถึงทางรัฐบาลกัมพูชา ถึงสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นหนังสือที่ขอให้ประสานงานทำให้กระบวนการทั้งหลายในการขอพระราชทานอภัยโทษรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษเป็นของพระมหากษัตริย์กัมพูชา แต่รัฐบาลกัมพูชาก็จะมีส่วนทำให้กระบวนการเร็วขึ้น ซึ่งหนังสือนี้ไม่ใช่หนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษจะต้องทำโดยครอบครัวของผู้ต้องโทษ
“ท่านรองนายกรัฐมนตรี ซก อาน ก็รับปากที่จะประสานงานในการส่งหนังสือให้ถึงสมเด็จฮุนเซนต่อไป ก็ขอให้นางสิมารักษ์มั่นใจว่าเราจะช่วยประสานงานให้ ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณก็ทราบเรื่องนี้ และก็ได้แสดงความเสียใจที่คนไทยต้องเป็นเหยื่อของการเมืองภายในของเรา และการที่พล.อ.ชวลิตได้ทำหนังสือไปก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือคนไทย” นายนพดลกล่าว
นายนพดล กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวคิดว่านายศิวรักษ์เป็นเพียงปลายเหตุ ต้นเหตุคือการที่รัฐบาลนี้พยายามจะไล่ล่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทุกวิถีทาง โดยการใช้กระทรวงการต่างประเทศมาสร้างความเดือนร้อนให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะไปที่ไหน พยายามจะสร้างปัญหาให้ท่าน เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่วิศวกรหนุ่ม ที่ต้องส่งเงินช่วยเหลือแม่ทุกเดือน เป็นกำลังหลักของครอบครัว จะต้องตกเป็นเหยื่อจากการไล่ล่าพ.ต.ท.ทักษิณ จนตัวเองต้องติดคุกถึง 7 ปี แม่ก็เกิดความลำบากขึ้น ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าอะไรที่เราไม่พยายามปรองดอง แล้วเอาการเมืองภายในเป็นไฟลามทุ่งไปสู่การเมืองในต่างประเทศด้วย เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในของเราได้ สังคมไม่สงบ ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม ทำส่งมายังพรรคเพื่อไทยจำนวน 2 ฉบับนั้น เป็นหนังสือขอความอนุเคราะห์ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ประสานงานในการขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ โดยมีเนื้อหาเหมือนกันทั้ง 2 ฉบับว่า “เนื่องด้วยดิฉัน นางสิมารักษ์ ณ นครพนม อายุ 57 ปี ประกอบอาชีพรับราชการครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา วิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมา ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นมารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ พนักงานของบริษัท กัมพูชา แอร์ทราฟฟิก เซอร์วิส วิศวกรคนไทยที่ถูกควบคุมตัว ณ เรือนจำเปรซอร์ และได้รับคำพิพากษาลงโทษให้จำคุกเป็นเวลา 7 ปี ปรับ 10,000,000 เรียล ในข้อหาจารกรรมตารางการบินของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความประสงค์เพื่อขอความเมตตาจากท่านในการเป็นผู้ประสานงานกับทางประเทศกัมพูชา ในการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งดิฉันมีความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวลูกของดิฉันว่า มิได้ตั้งใจกระทำความผิดใดๆ แต่อาจเป็นความพลาดพลั้งหรือตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่นกระทำการดังกล่าวไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ความอนุเคราะห์ และขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ได้รับหนังสือสำเนาคำพิพากษาของศาลแล้ว และตนได้รับมอบหมายจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เป็นหัวหน้าทีมประสานระหว่างฝ่ายกฎหมายกับฝ่ายต่างประเทศ เพื่อทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ถึงสมเด็จฮุน เซน ให้ขอพระราชทานอภัยโทษให้นายศิวรักษ์