“ประสงค์” ซัด “สิมารักษ์-พท.” ต้มคนไทย ดัน “นช.แม้ว-จิ๋ว” วีรบุรุษกำมะลอ

“ประสงค์” ซัด “สิมารักษ์-เพื่อไทย” ร่วมต้มคนไทย ทำลายรัฐบาล ดัน “นช.แม้ว-จิ๋ว” เป็นวีรบุรุษกำมะลอ บอกเขมรตัดสิน “ศิวรักษ์” ผิด จารกรรมตารางบินทำสายลับตะลึงทั้งโลก! งง “ทักษิณ” เป็นแค่ที่ปรึกษา “ฮุนเซน” ก็เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ได้ ลั่นหาก “เหลี่ยม” ยังมีชีวิตอยู่ ชาติไม่สงบแน่ ฉะ 3 เกลอสุดกะล่อนนัดแดงชุมนุม ชี้พวกพูดอย่างทำอย่างเชื่อถือไม่ได้




คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (9 ธ.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตผู้อำนวยสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่าน รายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทีวีของประชาชน ถึงกรณีที่ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกศาลชั้นต้นกัมพูชาตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานจารกรรมข้อมูลอันเป็นภัยต่อรัฐ ขณะที่ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ ได้ขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคเพื่อไทย ให้การช่วยเหลือดำเนินการทางคดีและขอพระราชทานอภัยโทษว่า เรื่องนี้ที่จริงรัฐบาลไทยได้บอกไปแล้วว่าจะให้ความช่วยเหลือตามกระบวนการทางการทูต แต่มารดาของนายศิวรักษ์แสดงท่าทีที่ปฏิเสธรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าการกระทำของนางสิมารักษ์ และพรรคเพื่อไทยนั้น หวังเพื่อต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล เป็นการกระทำก้าวล่วงสถาบัน และต้องการสร้าง พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ พล.อ.ชวลิต ให้เป็นวีรบุรุษ

ทั้งนี้ อดีตซีไอเอเมืองไทยมองว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเพียงทำได้แค่การสร้างวีรบุรุษกำมะลอขึ้น เพราะเชื่อว่าหากนายศิวรักษ์ต้องการจารกรรมข้อมูลของกัมพูชาจริง คงไม่เลือกขโมยข้อมูลง่ายๆ อย่างตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถือว่าไม่ใช่ข้อมูลลับ หากต้องการทราบก็เพียงแค่สอบถามไปที่สายการบินได้ ไม่จำเป็นต้องมาจารกรรม ซึ่งคำตัดสินในครั้งนี้ ทำให้เสียหายต่อวงการสปายและสายลับเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนที่อัยการกัมพูชาให้การต่อศาลว่า นายศิวรักษ์กระทำความผิดเพราะนักโทษชาย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพลเมืองของเขมร ทำให้การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตนไม่อยากตำหนิศาลกัมพูชา แต่เรื่องนี้ตนไม่ทราบว่ากฎหมายของเขาเป็นอย่างไร เพราะหากไปเป็นแค่ที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แล้วมายกย่องว่าเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งตามปกติจะต้องประกาศเป็นใบรับรองให้ ถึงจะได้รับสิทธิผลประโยชน์ต่างๆ อย่างคนทั่วไป

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้หากมองจากพฤติกรรมต่างๆ ที่ผ่านมา เป็นการสร้างฉากเล่นละครมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะไม่ว่ารูปคดีจะออกมาอย่างไร ในที่สุดก็จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ แต่การพระราชทานอภัยโทษ จะเป็นตามคำขอของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ พล.อ.ชวลิต ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นที่จะนำมาเป็นประเด็นอ้างว่าทางการของไทยไม่มีศักยภาพดำเนินการล่าช้า และเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทั้งนี้ ส่วนตัวตนเชื่อว่ามารดาของนายศิวรักษ์รู้เรื่องดี แต่อาจมารู้เรื่องระยะหลังๆ ส่วนนายศิวรักษ์จะรู้เรื่องด้วยหรือไม่ ตนไม่แน่ใจ

“โดยปกติไม่ว่าใครก็ตาม หากเกิดเป็นคนไทย เมื่อมีปัญหาขณะอยู่ในต่างประเทศ ย่อมเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเข้าให้การดูแลช่วยเหลืออยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยก็มีสถานทูตประจำอยู่ แต่อาจล่าช้าบ้างเนื่องจากต้องดำเนินตามกฎหมาย ฉะนั้น เรื่องนี้คิดว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศเขาทำตามหน้าที่แล้ว ส่วนอีกฝ่ายจะรับหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของเขา” น.ต.ประสงค์ กล่าว

นอกจากนี้ น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันพรุ่งนี้ (10 ธ.ค.) ว่า ตนไม่เชื่อคำพูดของคนเหล่านี้ เพราะที่ผ่านมาพูดอีกอย่างทำอีกอย่าง ซึ่งก็ไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำทุกอย่างให้ตัวเองได้ประโยชน์ โดยจะมาอ้างเรื่องจุดเทียนถวายพระพรเป็นเหตุผลในการชุมนุมนั้น ฟังไม่ขึ้น ซึ่งการจุดเทียนถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษานั้นต้องจุดในวันที่ 5 ธันวาคม ดังนั้น หากบุคคลเหล่านี้จงรักภักดีจริงและไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือไปกว่านี้ก็ควรชะลอการชุมนุมออกไปก่อนจนกว่าผ่านช่วงการจัดงานเฉลิมฉลอง 5 ธันวามหาราช แต่แกนนำคนเสื้อแดงกลับผลักดันให้มีการชุมนุมแล้วอ้างเหตุผลแค่ว่าวันที่ 10 เป็นวันรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ น.ต.ประสงค์ยังย้อนถามกลับด้วยว่า ที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงเผารัฐธรรมนูญปี 2540 แล้วยัง จะมาเผารัฐธรรมนูญ ปี 2550 อีกหรือ

“ปัญหาความวุ่นวายทั้งหลาย เกิดขึ้นหลังมีต้นเหตุมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว หลังจากถูกศาลตัดสินจำคุกจนต้องหนีไปต่างประเทศ ดังนั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีชีวิตอยู่ หรือยังไม่ถูกจับ ปัญหาความวุ่นวายก็ยากที่จะสงบ ฉะนั้น เราในฐานะที่เป็นชาวพุทธ ต้องดำเนินตามหลักสัจธรรม ต้นเหตุปัญหาอยู่ที่ไหนต้องดับที่นั้น ด้วยเหตุนี้ จะมามองปัญหาว่าเกิดจากคนเสื้อแดงอย่างเดียวก็ไม่ถูก คนพวกนี้เป็นเพียงแค่เครืองมืออย่างหนึ่ง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น” น.ต.ประสงค์ กล่าว

น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครื่องมืออยู่ 3 อย่าง คือ 1.พลทหารราบ 2.ฝ่ายราชการ 3.ฝ่ายการเมือง ซึ่ง 3 ส่วนนี้ได้เคลื่อนไหวตามแนวทางที่ พ.ต.ท.ทักษิณ วางแผนไว้ ให้พรรคการเมืองก็เคลื่อนไหวในสภา ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงก็ออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนน ส่วนข้าราชการ โดยเฉพาะตำรวจบางส่วนเป็นพวกรับใช้การเมือง ฉะนั้น การเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้อาจเป็นการทดสอบกำลังและขีดความสามารถของ ส.ส.เพื่อไทย ที่จะขนคนเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ

ส่วนกรณีวัตถุระเบิดชนิดเอ็ม 26 ที่หายไปจากกองทัพภาค 2 จำนวน 52 ลูกนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าของพวกนี้จะนำไปใช้ในการชุมนุม เพราะเสี่ยงต่อการถูกจับ ซึ่งหากจำเป็นต้องใช้อาวุธจริงๆ คงไม่จำเป็นจะต้องเอามาจากกองทัพ เพราะหาซื้อทางชายแดนไทยจะยังง่ายเสียกว่า