นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศมีการวิเคราะห์ 1 ปีรัฐบาลว่า มีความล้มเหลวด้านความสมานฉันท์ของคนในชาติ ว่ายังไม่ได้อ่าน แต่เห็นว่าเป็นการให้สัมภาษณ์ ให้ความคิดเห็นของนักวิชาการ ซึ่งก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะนี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เราก็อยากจะแก้ปัญหานี้ แต่ก็อยากให้วิเคราะห์กันให้ชัดว่า สิ่งที่รัฐบาลได้พยายามทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในแง่ของการเคารพสิทธิของทุกฝ่าย ในแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย ในแง่ของการที่จะมีกระบวนการสมานฉันท์ในกระบวนการของสภา เราได้เดินจริงๆ แต่ว่าการสมานฉันท์เกิดขึ้นฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่า ทำอย่างไรให้ฝ่ายหนึ่งเข้ามาร่วม รัฐบาลก็ไมได้พึ่งพอใจว่าสภาพความขัดแย้งยังดำรงอยู่ แต่ว่าการจะแก้ไขปัญหาต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ประชาชนไปสำรวจความคิดเห็นก็อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาในการที่จะแก้ไขปัญหานี้
เมื่อถามว่า คิดว่า 1 ปีรัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ปีหนึ่งที่ผ่านมาคิดว่า เราได้ฟื้นสภาวะประเทศ และเศรษฐกิจได้มากพอสมควร ขอให้นึกย้อนกลับไปในระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้วก็จะเห็นว่าเราอยู่ในสภาวะที่โลกทั้งโลกตั้งข้อสงสัยว่า เราจะมีรัฐบาลที่บริหารประเทศได้หรือไม่ ในขณะที่ปีนี้ เราได้มีการผลักดันทั้งแผนและนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแม้จะมีเหตุการณ์ที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมคือ เราสามารถรักษาระบบของกฎหมายได้ เราก็ต้องทำงานหนัก ทำงานมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ กับคนเสื้อแดง แต่ไม่ใช้กับคนเสื้อเหลือง ทำให้รัฐบาลไม่สามารถได้ใจคนเสื้อแดงได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อ แต่อยู่ที่การประกาศวัตถุประสงค์ของการชุมนุม วันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ใช้ เพราะไม่มีข่าวอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีปัญหา อันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ ว่าถ้าเสื้อแดงประกาศชุมนุมต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ใช่วันที่ 10 ธ.ค. ที่เสื้อแดงชุมนุมก็ไม่ได้ประกาศใช้
เมื่อถามว่า ในสายตาของนายกฯ คิดว่า ความสมานฉันท์ล้มเหลวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นของนักวิชาการท่านหนึ่ง และอย่างที่บอก ตนก็ไม่ได้พอใจกับสภาพความขัดแย้งที่เป็นอยู่ ตนไม่สามารถไปใช้แนวทางที่เห็นว่าเสียต่อหลักการ และกระทบต่อหลักหรือระบบของประเทศในระยะยาว เพื่อที่จะให้ปัญหามันพ้นตัวไป รัฐบาลก็ยืนยันพร้อมที่จะเดินหน้าในการหาลู่ทางสมานฉันท์ภายใต้ความถูกต้อง เมื่อถามต่อว่า คิดว่าเวลาที่รัฐบาลเหลืออยู่ จะทำได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะทำเต็มที่
**อ้อนสื่อช่วยเป็นโล่กันโดนต่อย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ถูกชายวัย 42 ปี ทำร้ายร่างากาย ระหว่างการไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้สนับสนุนของเขา ในเมืองมิลาน วันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนเลือดอาบจมูกและปาก ว่า เข้าใจว่าในมือของคนที่ชกก็น่าจะมีของแข็งอยู่ ทำให้ถึงขั้นปากแตก สำหรับส่วนตัวแล้วการทางป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ คงอยู่ที่นักข่าวจะช่วยกันให้ได้แค่ไหน
เมื่อถามว่า คิดว่า 1 ปีรัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ปีหนึ่งที่ผ่านมาคิดว่า เราได้ฟื้นสภาวะประเทศ และเศรษฐกิจได้มากพอสมควร ขอให้นึกย้อนกลับไปในระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้วก็จะเห็นว่าเราอยู่ในสภาวะที่โลกทั้งโลกตั้งข้อสงสัยว่า เราจะมีรัฐบาลที่บริหารประเทศได้หรือไม่ ในขณะที่ปีนี้ เราได้มีการผลักดันทั้งแผนและนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแม้จะมีเหตุการณ์ที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมคือ เราสามารถรักษาระบบของกฎหมายได้ เราก็ต้องทำงานหนัก ทำงานมากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการอ้างถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ กับคนเสื้อแดง แต่ไม่ใช้กับคนเสื้อเหลือง ทำให้รัฐบาลไม่สามารถได้ใจคนเสื้อแดงได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่นั้นไม่ได้อยู่ที่สีเสื้อ แต่อยู่ที่การประกาศวัตถุประสงค์ของการชุมนุม วันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ใช้ เพราะไม่มีข่าวอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีปัญหา อันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ ว่าถ้าเสื้อแดงประกาศชุมนุมต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ใช่วันที่ 10 ธ.ค. ที่เสื้อแดงชุมนุมก็ไม่ได้ประกาศใช้
เมื่อถามว่า ในสายตาของนายกฯ คิดว่า ความสมานฉันท์ล้มเหลวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นของนักวิชาการท่านหนึ่ง และอย่างที่บอก ตนก็ไม่ได้พอใจกับสภาพความขัดแย้งที่เป็นอยู่ ตนไม่สามารถไปใช้แนวทางที่เห็นว่าเสียต่อหลักการ และกระทบต่อหลักหรือระบบของประเทศในระยะยาว เพื่อที่จะให้ปัญหามันพ้นตัวไป รัฐบาลก็ยืนยันพร้อมที่จะเดินหน้าในการหาลู่ทางสมานฉันท์ภายใต้ความถูกต้อง เมื่อถามต่อว่า คิดว่าเวลาที่รัฐบาลเหลืออยู่ จะทำได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะทำเต็มที่
**อ้อนสื่อช่วยเป็นโล่กันโดนต่อย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ถูกชายวัย 42 ปี ทำร้ายร่างากาย ระหว่างการไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้สนับสนุนของเขา ในเมืองมิลาน วันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนเลือดอาบจมูกและปาก ว่า เข้าใจว่าในมือของคนที่ชกก็น่าจะมีของแข็งอยู่ ทำให้ถึงขั้นปากแตก สำหรับส่วนตัวแล้วการทางป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ คงอยู่ที่นักข่าวจะช่วยกันให้ได้แค่ไหน