“มาร์ค” ปัดดู “สีเสื้อ” ก่อนใช้ พ.ร.บ.มั่นคง อ้อน “สื่อ” เป็นเกราะป้องโดนต่อย

“นายกฯ” รับยังไม่พอใจกับสภาพความขัดแย้งที่เป็นอยู่ ยันรัฐบาลเร่งสร้างความสมานฉันท์ วอนทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ชี้ 1 ปี ฟื้นสภาวะประเทศและเศรษฐกิจได้มาก ปัดประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงเฉพาะ “ม็อบแดง” แนะให้ดูที่จุดประสงค์ ไม่ใช่สีเสื้อ อ้อน “สื่อ” เป็นเกราะกันโดนต่อยซ้ำรอยนายกฯ อิตาลี

วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สื่อต่างประเทศมีการวิเคราะห์ 1 ปีรัฐบาลว่ามีความล้มเหลวด้านความสมานฉันท์ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เห็นเป็นการให้สัมภาษณ์ในเชิงความคิดเห็นของนักวิชาการ ซึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์ลักษณะนี้มาโดยตลอด ทางรัฐบาลก็อยากจะแก้ปัญหานี้ แต่ก็อยากให้วิเคราะห์กันให้ชัดว่า สิ่งที่รัฐบาลได้พยายามทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในแง่ของการเคารพสิทธิของทุกฝ่าย ในแง่ของการใช้บังคับใช้กฎหมาย ในแง่ของการที่จะมีกระบวนการสมานฉันท์ในกระบวนการของสภาได้เดินหน้าจริงๆ แต่ว่าการสมานฉันท์เกิดขึ้นฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาร่วม ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้พึ่งพอใจที่ สภาพความขัดแย้งยังดำรงอยู่ เพราะการจะแก้ไขปัญหาจะต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย จากผลสำรวจความคิดเห็นก็ชี้ว่า ประชาชนอยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหานี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ปีหนึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ฟื้นสภาวะประเทศและเศรษฐกิจได้มากพอสมควร ถ้าลองนึกย้อนกลับไปในระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้วก็จะเห็นว่า ประเทศอยู่ในสภาวะที่โลกทั้งโลกตั้งข้อสงสัยว่าจะมีรัฐบาลที่บริหารประเทศได้หรือไม่ ในขณะที่ปีนี้เราได้มีการผลักดันทั้งแผนและนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และแม้จะมีเหตุการณ์ที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมคือรัฐบาลสามารถรักษาระบบของกฎหมายได้ และก็ต้องทำงานหนักทำงานมากกว่านี้

ส่วนการจะใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรต่อผู้ชุมนุมกลุ่มใดหรือไม่นั้น รัฐบาลไม่ได้ดูที่สีเสื้อ แต่อยู่ที่การประกาศวัตถุประสงค์ของการชุมนุม ซึ่งวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐก็ไม่ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ. เพราะไม่มีข่าวอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีปัญหา อันนี้ก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติว่าถ้าเสื้อแดงประกาศชุมนุมต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.

ขณะที่ผ่านมาการสร้างสมานฉันท์ของรัฐบาลล้มเหลวหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้พอใจกับสภาพความขัดแย้งที่เป็นอยู่ ตนไม่สามารถไปใช้แนวทางที่เห็นว่าเสียต่อหลักการ และกระทบต่อหลักหรือระบบของประเทศในระยะยาว เพื่อที่จะให้ปัญหามันพ้นตัวไป ซึ่งรัฐบาลก็ยืนยันพร้อมที่จะเดินหน้าในการหาลู่ทางสมานฉันท์ภายใต้ความถูกต้อง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่นายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ถูกชายวัย 42 ปี ทำร้ายร่างกายระหว่างการไปกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้สนับสนุนของเขาในเมืองมิลาน เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) จนเลือดอาบจมูกและปากว่า เข้าใจว่าในมือของคนที่ชกก็น่าจะมีของแข็งอยู่ทำให้ถึงขั้นปากแตก แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวนายกฯ เองต้องหาทางป้องกันเหตุการณ์อย่างนี้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่นักข่าวจะช่วยกันให้ได้แค่ไหน