ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติประเมินปี 53 แนวโน้มสินเชื่อแบงก์กระเตื้อง มีการแข่งขันปล่อยกู้มากขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ระบุแม้ปีนี้สินเชื่อหดตัว แต่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากปัจจัยสนับสนุนทั้งสภาพคล่องที่มีมาก ความกังวลต่อเอ็นพีแอลน้อยลง และความต้องการสินเชื่ออุปโภคบริโภค ธุรกิจเอสเอ็มอี รวมถึงสินเชื่อโยงกับการใช้จ่ายภาครัฐช่วยหนุน
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปี 53 นี้ทิศทางเป็นบวกตามการขยายตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและฐานปีนี้ที่ต่ำ ซึ่งสอดคล้องมุมมองผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3-4 แห่งในระบบที่ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมในระบบอยู่ที่ระดับ 5-9%
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้จะหดตัว โดยเฉพาะในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว แต่อย่างไรก็ตามล่าสุดในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวสินเชื่อโดยรวมของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น เพิ่มขึ้น 0.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4%เทียบกับเดือนก่อนหน้าและเชื่อว่าหากทิศทางสินเชื่ออยู่ในช่วงขาขึ้นจะเป็นประโยชน์ในการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในอนาคต
สำหรับปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้สินเชื่อเติบโตดีขึ้นมี 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.สภาพคล่องของสถาบันการเงินที่มีอยู่มาก ซึ่งปัจจุบันสภาพคล่องอยู่ 5 เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรง ถือว่าธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องเพียงพอเอื้อต่อการสนับสนุนเศรษฐกิจ 2.ความกังวลของธนาคารพาณิชย์ต่อหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ในภาวะเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว ถือเป็นผลดีให้ยอดเอ็นพีแอลไม่สูงนัก โดยล่าสุดไตรมาสที่ 3 เอ็นพีแอลทั้งระบบอยู่ที่ระดับ 5.3% ซึ่งใกล้เคียงกับสิ้นปี 51 ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมในการปล่อยสินเชื่อได้ทันที
และ3.การแข่งขันปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทอุปโภคบริโภค ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งสินเชื่อเหล่านี้มีความต้องการจำนวนมากในปัจจุบัน และธนาคาพาณิชย์อยากจะปล่อย
"ในอดีตที่ธนาคารพาณิชย์ห่วงใยเรื่องเอ็นพีแอล แต่ขณะนี้สภาพคล่องมีอยากจะปล่อย ประกอบกับเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและในเอ็นพีแอลในปัจจุบันไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 5.3% จึงเป็นการสร้างแรงจูงใจในความพร้อมการแข่งขันปล่อยสินเชื่อมากขึ้น"รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงินกล่าว
สำหรับกรณีที่มีธนาคารพาณิชย์บางแห่งออกผลิตภัณฑ์เงินฝากในระยะเวลาสั้นๆ และจูงใจให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่สูงนั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า การออกรูปแบบเงินฝากที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงเป็นการปรับตัวของธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ต้องการระดมเงินฝากให้เพียงพอต่อการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อในปีหน้าตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงไม่ได้แปลกใจที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งแข่งขันกันระดมเงินฝากมากขึ้น ซึ่งการให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสัดส่วนที่สูงเป็นไปตามความเหมาะสมที่ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะพิจารณา
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปี 53 นี้ทิศทางเป็นบวกตามการขยายตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและฐานปีนี้ที่ต่ำ ซึ่งสอดคล้องมุมมองผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3-4 แห่งในระบบที่ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อรวมในระบบอยู่ที่ระดับ 5-9%
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้จะหดตัว โดยเฉพาะในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว แต่อย่างไรก็ตามล่าสุดในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวสินเชื่อโดยรวมของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้น เพิ่มขึ้น 0.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.4%เทียบกับเดือนก่อนหน้าและเชื่อว่าหากทิศทางสินเชื่ออยู่ในช่วงขาขึ้นจะเป็นประโยชน์ในการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในอนาคต
สำหรับปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้สินเชื่อเติบโตดีขึ้นมี 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.สภาพคล่องของสถาบันการเงินที่มีอยู่มาก ซึ่งปัจจุบันสภาพคล่องอยู่ 5 เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ต้องดำรง ถือว่าธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่องเพียงพอเอื้อต่อการสนับสนุนเศรษฐกิจ 2.ความกังวลของธนาคารพาณิชย์ต่อหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ในภาวะเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว ถือเป็นผลดีให้ยอดเอ็นพีแอลไม่สูงนัก โดยล่าสุดไตรมาสที่ 3 เอ็นพีแอลทั้งระบบอยู่ที่ระดับ 5.3% ซึ่งใกล้เคียงกับสิ้นปี 51 ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมในการปล่อยสินเชื่อได้ทันที
และ3.การแข่งขันปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทอุปโภคบริโภค ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) และสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งสินเชื่อเหล่านี้มีความต้องการจำนวนมากในปัจจุบัน และธนาคาพาณิชย์อยากจะปล่อย
"ในอดีตที่ธนาคารพาณิชย์ห่วงใยเรื่องเอ็นพีแอล แต่ขณะนี้สภาพคล่องมีอยากจะปล่อย ประกอบกับเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและในเอ็นพีแอลในปัจจุบันไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 5.3% จึงเป็นการสร้างแรงจูงใจในความพร้อมการแข่งขันปล่อยสินเชื่อมากขึ้น"รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงินกล่าว
สำหรับกรณีที่มีธนาคารพาณิชย์บางแห่งออกผลิตภัณฑ์เงินฝากในระยะเวลาสั้นๆ และจูงใจให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่สูงนั้น นายบัณฑิต กล่าวว่า การออกรูปแบบเงินฝากที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงเป็นการปรับตัวของธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่ต้องการระดมเงินฝากให้เพียงพอต่อการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อในปีหน้าตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จึงไม่ได้แปลกใจที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งแข่งขันกันระดมเงินฝากมากขึ้น ซึ่งการให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในสัดส่วนที่สูงเป็นไปตามความเหมาะสมที่ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งจะพิจารณา