xs
xsm
sm
md
lg

ลูกค้าธนาคาร BBC ผู้เสียหาย นายวิภาค แสงสุวิภาคกร

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

(ต่อจากพฤหัสฯ ที่แล้ว)

ตำรวจไม่ยอม และบอกว่า ไหนๆ มาแล้ว เสียค่าเหนื่อยนิดหน่อย เอาแค่ 3 หมื่นแล้วเลิกกัน เขาจ่ายไป 2 หมื่นเท่านั้น

ชาวต่างประเทศให้เขาทำสัญญาโดยวิภาคแทบจะไม่ดูว่าเอกสารเขียนเป็นภาษาอังกฤษถึง 2 หน้า ว่าไว้อย่างไร

เขาเซ็นชื่อทันที

ความจริงร้านของวิภาคมีสมาชิกเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่จำนวนไม่น้อย ตั้งแต่ยศนายพลไปจนถึงนายร้อย และคนเหล่านี้เป็นลูกค้าชั้นดี เขามีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวจนถึงขั้นให้ยืมหนังไปดูฟรีหลายเรื่อง

แค่เขายกหูโทรศัพท์ไปขอร้องก็ไม่ยากอะไร แค่อาศัยนายพลซึ่งดูแลพื้นที่นี้อยู่ เขาก็ไม่มีปัญหา

แต่วิภาคก็ลืมคิดไป เพราะตำรวจมาโดยที่เขาไม่ได้คิด และไหนๆ มาแล้ว ก็อยากให้เรื่องมันจบ

ภายหลังวิภาคจึงรู้ว่า นี่เป็นการจับกุมในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เป็นครั้งแรกในประเทศ ทั้งๆ ที่เขาเชื่อว่ายังไม่มีกฎหมายออกมาด้วยซ้ำ

หลังจากนั้นเพียง 2 สัปดาห์ ธนาคารโทร.มาให้เขาไปพบ

“คุณวิภาคครับ ธนาคารจำเป็นต้องให้คุณนำเงินมาใช้คืนโดยเร็ว และอยากให้คุณนำมาคืนในสัปดาห์หน้า”

“โธ่คุณ... ผมจะเอาที่ไหนมาให้ กำไรผมยังไม่ได้เท่าที่ลงทุนไปเลย ตำรวจก็มาจับ หนังรุ่นใหม่ผมก็ต้องจ่ายอีกเป็นแสน”

“คุณวิภาค ธนาคารไม่มีทางเลือกนะ”

วิภาคเดินคอตกออกจากแบงก์ เขาคิดแล้วคิดอีก นอนไม่หลับอยู่หลายคืน ทางออกของวิภาคก็เข้าตาจน คือ ขอยืมเพื่อน

เพื่อนของวิภาคก็เป็นนักเรียนรุ่นน้องที่อัสสัมชัญที่ร่ำรวย แม้ว่าจะเค็มเรื่องเงิน

วิภาคได้เงินมา 5 แสนตามจำนวนด้วยดอกเบี้ยสูงกว่าที่แขกคิดดอกเบี้ยทั่วๆ ไป

วิภาคเอามาจ่ายให้แบงก์ทันก่อนแบงก์จะปิดในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2539

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2539

พี่ชายของวิภาคโทรศัพท์จากที่ทำงานขณะที่วิภาคกำลังบันทึกเทปอยู่ ให้เขาเปิดวิทยุฟังการถ่ายทอดในสภา

วิภาคก็หยุดการบันทึกเทปภาพยนตร์

เขาจึงรู้ว่า การอภิปรายครั้งนี้เกี่ยวกับธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ

ฟังไปจนถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกให้รู้ว่าแบงก์เจ๊งและให้รีบไปถอนเงิน

วิภาคตกใจมาก เขามีเงินทุกบาททุกสตางค์อยู่ในธนาคาร และเป็นจำนวนมาก ไม่รวมของพี่ชายและญาติพี่น้อง เนื่องจากธนาคารอยู่ใกล้ๆ บ้านของเขา

เขารีบใช้แท็กซี่ที่หาได้ในซอยรีบไปที่ธนาคารโดยเร็ว และเขาก็พบภาพที่น่าตกใจยิ่งกว่าฟังข่าว หน้าประตูธนาคารมีแต่ฝูงคน ทั้งหญิงชายคนแก่ชราออกันแน่นแทบจะเหยียบกันตาย

วิภาคเห็นว่าชั่วโมงเดียวเขาก็ไม่มีทางเข้าไปถอนเงินแน่ จึงเดินไปดื่มกาแฟเงียบๆ และฟังดูว่าคนอื่นพูดกันว่าอย่างไร

ร้านกาแฟแน่นมาก แต่การที่เขาคุ้นเคยกับเจ้าของร้าน เขาจึงได้ที่นั่งอยู่ตรงซอกใกล้ๆ เครื่องบดกาแฟสด ใกล้ๆ กันมีหญิงสูงอายุนั่งหน้าตาเศร้าหมองอยู่คนหนึ่ง เธอมาคนเดียว

“สวัสดีครับ คุณพี่ผมชื่อวิภาค ลูกค้าธนาคารครับ”

“อ้อ... ฉันชื่อสุรพีร์ วินิตา ก็ลูกค้าธนาคารเหมือนเธอ มารอได้พักนึงแล้ว แต่สู้แรงพวกหนุ่มๆ สาวๆ ไม่ไหวหรอก”

“คุณพี่มาคนเดียวหรือครับ”

“มาคนเดียว ลูกหลานอยู่เมืองนอก... ที่อังกฤษน่ะ”

วิภาคคุยกันอยู่พักใหญ่ ทราบว่าหลานๆ ของคุณป้าเป็นเด็กชายกับเด็กหญิง คนเล็กเป็นชายอายุ 12 ขวบ คนโตเป็นผู้หญิงอายุ 14 แล้ว กำลังสาว

หลังแม่เสียชีวิต ครอบครัวของฝ่ายบิดาก็พาไปอยู่ที่เคนซิงตัน เนื่องจากฐานะดีกว่าครอบครัวญาติที่เมืองไทย

ครอบครัวฝ่ายบิดาเลี้ยงดูอย่างดี พ่อของเด็กเคยมาทำงานในประเทศไทยกับบริษัทมีชื่อเสียง ชื่อโทนี่ พลิมเมอร์ตัน เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบการบริหารเงินทุน

ปัจจุบันเขากลับไปประจำสำนักงานใหญ่ และดูแลสาขาเอเชียโดยให้ความเอาใจใส่แก่ลูกทั้งสองเป็นอย่างดี

ด.ช.ปั้น โรเจอร์ ธนธร พลิมเมอร์ตัน อายุ 12 ปี เรียนโรงเรียนประจำมีชื่อเสียงอยู่ลอนดอน

ด.ญ.ฟอน โรสแมรี่ ธนธร พลิมเมอร์ตัน อายุย่างเข้า 14 ปี อยู่โรงเรียนเดียวกับน้องชาย แต่ครอบครัวพลิมเมอร์ตันให้อยู่ไปกลับ เพราะเป็นห่วงเนื่องจากเธอเข้าวัยรุ่น เกรงว่าควรอยู่ใกล้ชิดจะได้อบรมดีกว่าที่จะไปอยู่กับเด็กวัยเดียวกัน

ครอบครัวพลิมเมอร์ตันมีฐานะร่ำรวยจากการทำรถตัดหญ้าไฟฟ้า มีทุกขนาดตั้งแต่ใช้มือเข็นไปจนถึงขนาดใหญ่นั่งขับและรถใหญ่ใช้เพื่อตัดกรีนบนสนามกอล์ฟราคาหลายแสนบาท รถพวกนี้ถูกส่งเข้ามาขายในประเทศไทยด้วย

ด.ช.ปั้น และ ด.ญ.โรสแมรี่ ได้ถูกแมวมองนำตัวไปถ่ายแบบโฆษณามา 4-5 ครั้งแล้ว การเป็นลูกครึ่ง แม้หน้าตาจะออกไปทางฝรั่ง คนดูก็แน่ใจว่าเป็นพวกอิตาเลียนหรือไม่

บิดาของเด็กทั้งสองไม่ชอบให้ลูกๆ ของเขาไปถ่ายโฆษณา เห็นว่าเด็กเกินไป และถูกเอาเปรียบ แม้บริษัทโฆษณาจ่ายเงินจำนวนมาก โดยจ่ายค่าเทสต์หน้ากล้อง ค่ารถ ค่าตัว ค่าเสื้อผ้า และค่ากิน-อยู่ขณะถ่ายทำ ถ้าต้องไปถ่ายในต่างประเทศก็จ่ายเงินให้ทั้งหมด รวมค่าที่พักโรงแรม และมีพอกเกตมันนี่ด้วย

เด็ก 2 คน มีเงินฝากธนาคารจากการถ่ายโฆษณาในเวลานั้นคนละ 2 ล้านบาทแล้ว

ยายเก็บไว้ในบัญชี ชื่อเด็กทั้งสองคน ที่ธนาคารในอังกฤษ

สมบัติและมรดกอีก 10 ล้านบาทจากครอบครัวของแม่ฝากไว้ในธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ พี่ผู้หญิงที่นั่งคุยกับวิภาคเล่าให้ฟัง...

วิภาครับฟังเรื่องราวนี้จบ

เขาก็เดินกลับบ้าน

ไม่มีใครเห็นวิภาคออกจากร้านเป็นเวลาหลายวัน กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ลูกค้ามาเคาะประตูเพื่อนำเทปที่เช่ามาคืน แต่ไม่มีเสียงใดๆ ในร้าน ลูกค้ากดกริ่งเสาประตูอยู่นาน เห็นว่าไม่มีใครอยู่ จึงถามร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งยืนยันว่า เจ้าของร้านอยู่ แต่ก็ไม่ได้ออกจากร้านมา 3 วันแล้ว ปล่อยให้มีของเน่าเสีย จนเขาเสียลูกค้าที่เหม็นกลิ่นเน่าๆ ออกมาจากร้านของวิภาค

ลูกค้าเห็นท่าไม่ดี จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

เมื่อตำรวจมาถึงในตอนบ่าย ก็จำเป็นต้องงัดประตูแล้วยกเหล็กขวางประตูออก ยกบานเลื่อนออก จึงงัดประตูอีกชั้นหนึ่งเพื่อเปิดข้างล่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่กลิ่นเหม็นจนต้องอุดจมูก เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบนก็ตกตะลึง เพราะพบร่างของวิภาคนอนหงายขึ้นอืดไปแล้ว

ตำรวจเรียกเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลตำรวจมาเก็บศพ ชันสูตรศพได้ความว่า เขาตายมา 3 วันแล้ว โดยยิงตัวตาย เพราะหนี้ที่เขาไปยืมรุ่นน้อง 5 แสนกับเงินทั้งหมดที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ

พี่ชายเขาตกตะลึงเมื่อธนาคารบอกว่าเงินในบัญชีฝากประจำของวิภาคมีทั้งหมด 27 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่ได้จากการเช่าภาพยนตร์ 10 ล้านบาท อีก 10 ล้าน มาจากการเล่นหุ้นบลูชิพ 4-5 ตัว อีก 7 ล้าน ไม่ทราบที่มาแน่ชัด

เสียดายที่วิภาคไม่เคยแต่งงาน เขาเคยมีคู่รักที่ไม่ได้ลงเอยด้วยการแต่งงาน เพราะเธอเสียชีวิตไปเสียก่อนเมื่ออายุได้เพียง 23 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น