ASTVผู้จัดการรายวัน - สคิบไม่เกี่ยงสินเชื่อปีนี้โต 0% เหตุไม่รุกธุรกิจรายใหญ่ และการคืนเงินกู้จากรัฐวิสาหกิจ ส่วนปี 53 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 6% สอดคล้องจีดีพีที่คาดโต 3.5% ส่วนความคืบหน้าขายหุ้น เผยมีผู้สนใจซื้อหุ้นหลายราย คาดยื่นเสนอราคารอบแรกนก่อน 15 ธ.ค.นี้
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2552 ของธนาคารคงจะสามารถทำได้เพียงทรงตัว เนื่องจากธนาคารไม่ได้รุกสินเชื่อรายใหญ่มากนัก เนื่องจากเมื่อสินเชื่อรัฐวิสาหกิจวงเงินเดิม 8,000-15,000 ล้านบาท ครบกำหนดชำระหนี้คืน ธนาคารก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการต่อ แต่อย่างไรก็ดี ด้านสินเชื่อรายย่อยก็ยังสามารถเติบโตได้ดี ดังนั้น จึงทำให้สินเชื่อรวมอยู่ในภาวะทรงตัวแต่ไม่ได้ลดลง
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2553 นั้น ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อรวมไว้ที่ 6% ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อทั้งระบบที่คาดการณ์ว่าจะโตประมาณ 5-6% บนพื้นฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่มองว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 3.5%
"สินเชื่อปีหน้าคงจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มจะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อัตราการเติบโตปีนี้ก็ 0% เพราะเราไม่ได้รุกในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ และสินเชื่อรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ"นายชัยวัฒน์กล่าว
ส่วนเรื่องของการขายหุ้นธนาคารนครหลวงไทยนั้น ขณะนี้ทางกองทุนฟื้นฟูเพื่อการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(เอฟไอดีเอฟ) ได้อนุมัติแผนในเบื้องต้นแล้ว และให้ที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ได้ส่งหนังสือชี้ชวนให้ผู้ที่สนใจเข้ามายื่นเสนอราคาในรอบแรก โดยคาดว่าจะก่อนวันที่ 15 ธ.ค.2552 อย่างไรก็ดี มีผู้สนใจจำนวนกี่รายนั้นยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด แต่ยอมรับว่ามีหลายรายแสดงความสนใจซื้อหุ้นธนาคารจากกองทุนฟื้นฟูฯ
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2552 ของธนาคารคงจะสามารถทำได้เพียงทรงตัว เนื่องจากธนาคารไม่ได้รุกสินเชื่อรายใหญ่มากนัก เนื่องจากเมื่อสินเชื่อรัฐวิสาหกิจวงเงินเดิม 8,000-15,000 ล้านบาท ครบกำหนดชำระหนี้คืน ธนาคารก็ไม่ได้เข้าไปดำเนินการต่อ แต่อย่างไรก็ดี ด้านสินเชื่อรายย่อยก็ยังสามารถเติบโตได้ดี ดังนั้น จึงทำให้สินเชื่อรวมอยู่ในภาวะทรงตัวแต่ไม่ได้ลดลง
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2553 นั้น ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อรวมไว้ที่ 6% ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อทั้งระบบที่คาดการณ์ว่าจะโตประมาณ 5-6% บนพื้นฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่มองว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 3.5%
"สินเชื่อปีหน้าคงจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มจะฟื้นตัวขึ้น ขณะที่อัตราการเติบโตปีนี้ก็ 0% เพราะเราไม่ได้รุกในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ และสินเชื่อรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ"นายชัยวัฒน์กล่าว
ส่วนเรื่องของการขายหุ้นธนาคารนครหลวงไทยนั้น ขณะนี้ทางกองทุนฟื้นฟูเพื่อการพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(เอฟไอดีเอฟ) ได้อนุมัติแผนในเบื้องต้นแล้ว และให้ที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ได้ส่งหนังสือชี้ชวนให้ผู้ที่สนใจเข้ามายื่นเสนอราคาในรอบแรก โดยคาดว่าจะก่อนวันที่ 15 ธ.ค.2552 อย่างไรก็ดี มีผู้สนใจจำนวนกี่รายนั้นยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด แต่ยอมรับว่ามีหลายรายแสดงความสนใจซื้อหุ้นธนาคารจากกองทุนฟื้นฟูฯ