ASTVผู้จัดการรายวัน - นครหลวงไทยรับสภาพสินเชื่อปีนี้พลาดเป้าที่ 1.8 หมื่นล้านบาท คาดทำได้เพียง 8 พันล้านบาท -1.5 หมื่นล้านบาท เหตุลูกค้าไม่เร่งเบิกสินเชื่อ ขณะที่การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่อาจกระทบการวางแผนงาน ระบุหลังได้ FA วันที่ 22 ต.ค.นี้ เตรียมเปิดประมูลผู้สนใจซื้อหุ้น คาดสรุปราคาที่แท้จริงต้นปีหน้า
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า ธนาคารยอมรับว่ายอดสินเชื่อรวมปี 2552 นี้อาจทำได้ 8,000 -15,000 ล้านบาทซึ่ง พลาดเป้าจากที่วางไว้ 18,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นการเติบโต 6% จากปี 2551 โดยแม้สินเชื่อรายย่อยจะเติบโต แต่ในส่วนของสินเชื่อรายใหญ่ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หดตัวลงอย่างมาก ซึ่งสินเชื่อรวมที่พลาดเป้าดังกล่าวเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแล้วส่งผลให้ลูกค้าชะลอการขอสินเชื่อ โดยเฉพาะลูกค้าภาคเอกชนที่ต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของทางภาครัฐบาล
แต่อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ายอดการปล่อยสินเชื่อปี 2553 จะเติบโตเล็กน้อยหรือไม่โตจากปีนี้มากนักถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการวางแผนการดำเนินงานในปีหน้าเช่นกัน
“คาดว่าสินเชื่อปีนี้อาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เพราะลูกค้ามีการชะลอการเร่งเบิกจ่าย ซึ่งส่งผลต่อการขอสินเชื่อของทางธนาคารไม่เป็นไปตามเป้า แม้ว่าธนาคารก็พร้อมที่จะให้วงเงินกับลูกค้า ซึ่งการตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปีหน้าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก หลังจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ แต่เชื่อว่านโยบายของธนาคารที่ดีก็คงต้องเดินไปตามแผนเดิม” นายชัยวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวว่า หลังจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้คัดเลือกหาที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)ในการขายหุ้น ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน (SCIB )ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ที่ปรึกษาทางการเงินรายดังกล่าวจะนำเสนอแผนกับทางกองทุนฟื้นฟูฯ กระทรวงคลัง รวมทั้งธนาคารด้วย จากนั้นก็จะมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเสนอราคาซื้อหุ้นอย่างไม่เป็นทางการ(Non-Bying Bid) หากผู้ลงทุนรายใดเสนอราคาน่าสนใจกองทุนฟื้นฟูฯก็จะเรียกเข้ามาเจรจา เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปราคาขายที่แท้จริงต้นปีหน้า
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า ธนาคารยอมรับว่ายอดสินเชื่อรวมปี 2552 นี้อาจทำได้ 8,000 -15,000 ล้านบาทซึ่ง พลาดเป้าจากที่วางไว้ 18,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นการเติบโต 6% จากปี 2551 โดยแม้สินเชื่อรายย่อยจะเติบโต แต่ในส่วนของสินเชื่อรายใหญ่ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หดตัวลงอย่างมาก ซึ่งสินเชื่อรวมที่พลาดเป้าดังกล่าวเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแล้วส่งผลให้ลูกค้าชะลอการขอสินเชื่อ โดยเฉพาะลูกค้าภาคเอกชนที่ต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของทางภาครัฐบาล
แต่อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ายอดการปล่อยสินเชื่อปี 2553 จะเติบโตเล็กน้อยหรือไม่โตจากปีนี้มากนักถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการวางแผนการดำเนินงานในปีหน้าเช่นกัน
“คาดว่าสินเชื่อปีนี้อาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เพราะลูกค้ามีการชะลอการเร่งเบิกจ่าย ซึ่งส่งผลต่อการขอสินเชื่อของทางธนาคารไม่เป็นไปตามเป้า แม้ว่าธนาคารก็พร้อมที่จะให้วงเงินกับลูกค้า ซึ่งการตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปีหน้าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก หลังจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ แต่เชื่อว่านโยบายของธนาคารที่ดีก็คงต้องเดินไปตามแผนเดิม” นายชัยวัฒน์กล่าว
นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวว่า หลังจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินได้คัดเลือกหาที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)ในการขายหุ้น ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน (SCIB )ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ที่ปรึกษาทางการเงินรายดังกล่าวจะนำเสนอแผนกับทางกองทุนฟื้นฟูฯ กระทรวงคลัง รวมทั้งธนาคารด้วย จากนั้นก็จะมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเสนอราคาซื้อหุ้นอย่างไม่เป็นทางการ(Non-Bying Bid) หากผู้ลงทุนรายใดเสนอราคาน่าสนใจกองทุนฟื้นฟูฯก็จะเรียกเข้ามาเจรจา เบื้องต้นคาดว่าจะสรุปราคาขายที่แท้จริงต้นปีหน้า
