xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ถกแหลมฉบัง ตั้งกก.สอบล้อมคอกซ้ำรอย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “เกื้อกูล”เตรียมรายงาน ครม.วันนี้ ผลสารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงป้องกันซ้ำรอย ขณะที่เหยื่อสารเคมีรั่ว บุกรัฐสภา-คมนาคม เรียกร้องเร่งเยียวยา แก้ปัญหาร่วมกัน ขณะที่เด็ก 6 ขวบเหยื่อสารพิษรั่วเลือดติดเชื้อ เพราะได้รับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย

วานนี้ (30พ.ย.) เวลาประมาณ 11.00 น. เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกซึ่งมีนายสุทธิ อัชฌาศัย เป็นผู้ประสานงานพร้อมด้วยชาวบ้านและญาติของผู้ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลบริเวณท่าเทียบเรือ บี 3ของท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) กว่า10 คนได้ยื่นหนังสือถึงนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อชุมชน ที่เกิดจากการประกอบกิจการท่าเทียบเรืออย่างบูรณา นอกจากนี้ยังเข้ายื่นหนังสือต่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา และน.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ เพื่อให้พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อชุมชน

โดยนายเกื้อกูลกล่าวว่า ชาวบ้านและญาติของผู้ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลบริเวณท่าเรือแหลมฉบังต้องการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และผลกระทบที่เกิดขึ้นซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมทั้งได้กำชับให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่และในวันนี้ (1 ธ.ค.) ตนจะรายงานความคืบหน้าและการดำเนินการแก้ปัญหาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้รับทราบด้วย

พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีให้ยกเลิกประกาศพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเป็นเขตภัยพิบัติเนื่องจากขณะนี้ไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว ส่วนการที่ชาวบ้านจะฟ้องร้องเหมือนกรณีมาบตาพุดนั้น เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นคนละกรณีกับที่มาบตาพุด และจากรายงาน เมื่อเกิดเหตุกมีการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและมีทีวีวงจรปิดสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นหากการดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าอันตรายไม่เป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายไม่มีการละเว้นแน่นอน

นายเกื้อกูลกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหายดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงคมนาคม กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงสาธารณสุข และตำรวจได้ลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุและตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาสรุปร่วมกัน และยืนยันว่า หากพบว่าเกิดจากความประมาท ก็จะดำเนินการตามกฎหมายไม่มีการละเว้น แต่คงไม่สามารถตั้งเป็นคณะกรรมการ่วมทุกส่วนได้ เพราะจะยิ่งทำให้การสรุปหาสาเหตุยิ่งล่าช้าออกไป

“จะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และเชื่อว่า ข้อมูลหลักฐานที่มีจะสามารถหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร ส่วนการช่วยเหลือเยียวยาผู้ทีได้รับผลกระทบเป็นสิ่งแรกที่ต้องเร่งทำโดยเยียวยาอย่างเต็มที่ตามข้อเท็จจริง”นายเกื้อกูลกล่าว

ด้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้กำชับไปยัง กทท. ให้ดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้รายงานสถานการณ์กลับมาเป็นระยะ เพื่อที่จะได้หามาตรการแก้ไขได้ทันเวลา ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น คาดว่าทางคณะกรรมการจะสามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ภายในสัปดาห์หน้า

สำหรับข้อเรียกร้อง 5 ข้อของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ประกอบด้วย 1.จัดตั้งคณะกรรมการจากหลายภาคส่วนอันประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน ภาคนักวิชาและภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อบูรณาการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงตรวจสอบประสิทธิภาพของท่าเทียบเรือที่มีลักษณะเช่นเดียวกับแหลมฉบังที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะท่าเทียบเรือมาบตาพุดและบางปะกง

2.ปัญหาที่เกิดขึ้นหากเกิดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจอยู่บนท่าเรือ ให้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ 3.ปฏิรูประบบบริการจัดการท่าเทียบเรือ เพื่อสร้างมาตรการที่มีประสิทธิภาพและมิให้เกิดปัญหาดังกล่าวซ้ำซากอีก โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ

4.ค่าชดเชยและค่าเสียหายที่เกิดจากอุบัติภัยทางเคมีกรณีท่าเทียบเรือแหลมฉบังและท่าเทียบเรืออื่นๆทั่วประเทศ ในรูปของกองทุนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามที่ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาต้องการและเห็นสมควร และ5.บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อการจัดการท่าเทียบเรือ รวมถึงสร้างมาตรการการมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่

**เด็ก 6 ขวบได้รับสารพิษเข้าร่างกาย

ด้าน น.ส.ชิตชิรา กฤษณะภูติ มารดาของเด็กหญิงปภาวรินทร์ กฤษณะภูติ อายุ 6 ขวบ ชาวบ้านแหลมฉบัง กล่าวว่า ขณะนี้ลูกสาวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลจากท่าเทียบเรือบี 3 ท่าเรือแหลมฉบังอย่างแน่นอน เพราะในวันเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลลูกสาวได้กลิ่นก็เกิดอาเจียร จากนั้นก็เดินทางไปโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1 แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ตนจึงได้พาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลอ่าวอุดม เพื่อตรวจเช็คร่างกายอีกครั้ง โดยทางโรงพยาบาลได้ตรวจเช็คร่างกายและแจ้งว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก พร้อมให้ยาแก้ไอ ยาแก้อาเจียน และเกลือแร่ มารับประทาน หลังจากออกจากโรงพยาบาลอ่าวอุดมอาการก็ไม่ดีขึ้น มีไข้ขึ้นสูง อาเจียน และเวียนศีรษะ รับประทานข้าวไม่ได้ จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา

น.ส.ชิตชิรา กล่าวต่อว่า เมื่อเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ทางแพทย์ได้ทำการเจาะเลือดไปตรวจพิสูจน์พบเลือดติดเชื้อ ได้รับสารเคมีบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย มีเม็ดเลือดแดงไหลออกมาจากปัสสาวะ ที่สำคัญพบว่าเม็ดเลือดขาวสูงมากผิดปกติ ซึ่งขณะนี้ทางครอบครัวหวั่นวิตกเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมารับผิดชอบอย่างจริงจังเลย ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่นอนรักษาตัว โดยที่ผ่านมาปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง และเด็กก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เมื่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา กลับเป็นหลายโรคและอันตรายมาก ซึ่งเรื่องนี้ใครจะออกมารับผิดชอบดังกล่าว “น.ส.ชิตชิรา กล่าว

วานนี้ (30 พ.ย.) ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พ.ต.ท.รัฏฐ ประทุมแก้ว รอง ผกก.สส.สภ.แหลมฉบัง และรองหัวหน้าชุดทำคดีสารเคมีรั่วไหลจากท่าเทียบเรือ บี 3 ท่าเรือแหลมฉบัง ได้เดินทางเข้าสอบปากคำนายหาญศักดิ์ วัลลศิริ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร ถึงการนำเข้าสารเคมีอันตรายดังกล่าวหลังเกิดการรั่วไหลจนมีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยใช้เวลาในการสอบปากคำประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นได้เดินไปสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของการท่าเรือแหลมฉบัง และตรวจบริเวณที่นำเข้าสารเคมีอันตราย

พ.ต.ท.รัฏฐ เผยว่า ในการสอบปากคำครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำทั้ง 3 หน่วยงานเพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้วเพราะได้มีการสอบปากคำชาวบ้านไปแล้วกว่า 130 ปาก อย่างไรก็ตาม การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ จะต้องใช้เวลาอีกซักระยะหนึ่งถึงจะสรุปถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลอะไรได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น