ASTVผู้จัดการรายวัน - เตรียมเสนอ ครม.ยกเลิกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงวันนี้ หลังแก๊งเสื้อแดงยอมยกเลิกการชุมนุม “?มาร์ค”? เผยรัฐบาลพร้อมดูแลสถานการณ์หากแก๊งเสื้อแดงก่อม็อบป่วนเมืองหลังวันที่ 5 ธ.ค. เชื่อไม่มีใครอยากเห็นความวุ่นวายอีก ด้าน “เทพไท” เย้ยหมอดูฟันธง ?แม้ว?จะกลับมาใหญ่ในคุก เปรียบ ?นช.แม้ว? เหมือนคนเลือดเข้าตา หมาจนตรอก ดิ้นทุกทางเพื่อเอาตัวรอด เหน็บไปอยู่ที่ไหนที่นั่นเจ๊ง
ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (30 พ.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วมประชุมเพื่อประเมินสถาการณ์บ้านเมืองภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ถึง 14 ธ.ค.นี้ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.ท. สัญฐาน ชยานนท์ รักษาการผบ.ชน. พร้อมสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมได้สรุปความเห็นตรงกันว่าหลังจากที่ กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกเลิกการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึง ได้พิจารณาถึงปัญหาวิกฤติของชาติแล้ว ยังไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่าจะเกิดปัญหา ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่าควรยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยนายสุเทพ จะทำเรื่องเข้าบรรจุวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (1 ธ.ค.)
อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังหารือกันด้วยว่าหากมีการยกเลิกประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯแล้วอาจมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ที่ประชุมเห็นว่าหากมีเหตุการณ์ก็จะมอบหมรยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้วางแผนในเรื่องการดูแลความเรียบร้อย โดยจะไม่ใช่กำลังทหาร
**ชี้เสื้อแดงขวางลงพื้นที่แค่ส่วนน้อย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศชุมนุมอีกรอบหลังวันที่ 5 ธ.ค.ของกลุ่มคนเสื้อแดง รัฐบาลก็ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง แต่ภาคธุรกิจและเอกชนและประชาชนทั่วไปมีความเป็นห่วง เพราะไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์ ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งตนก็ไม่อยากเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางการลงพื้นที่ทำงาน ของรัฐมนตรี อยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ
"เวลาลงพื้นที่แล้วมีคนจำนวนหนึ่งมาขัดขวาง ซึ่งก็ไม่ได้มีจำนวนมาก ถึงขนาด บอกว่า เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ หรือคนทั่วไป เพียงแต่ว่า เมื่อมันมีการมาชุมนุมขึ้น และก็มีความพยายามที่ต้องรักษาความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ต้องหาความพอดี หากจะให้ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด ก็ต้องตึงกับผู้ชุมนุม เมื่อตึงกับผู้ชุมนุม ก็มีความเสี่ยง ต่อการที่จะมีปัญหาการปะทะกัน บาดเจ็บ เขาก็ต้องพยายามดูให้มีความพอดีว่า ทางผู้ชุมนุมก็ต้องไม่ถึงกับตึงตัวเกินไป มีการปะทะกัน แต่มันอาจจะทำให้ภาพ ของการลงพื้นที่มีความไม่เรียบร้อยบ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า น่าจะทำความเข้าใจกัน"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่กับบรรยากาศแบบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีทุกท่าน มีความตั้งใจเหมือนเดิมในการทำงาน ไม่เป็นอุปสรรค เขาก็เดินหน้าในการทำงานและลงพื้นที่ต่อไป เมื่อถามต่อว่า การที่ยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในการขัดขวางการทำงานรัฐบาล ทำให้สะท้อนให้เห็นหรือไม่ว่า คะแนนนิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมากกว่าความนิยมในตัวรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่
"ถ้าเอาตัวนี้มาวัดก็ไม่จบไม่สิ้น ปีที่แล้วก็มีการประท้วงทั้งปี แปลว่าอะไรละครับ ช่วงที่เป็นรัฐบาลที่สนับสนุนคุณทักษิณ ฉะนั้นเราอย่าเอาตัวนี้มาวัด มันไม่ได้เป็นตัวสะท้อนอะไร มันเป็นการสะท้อนเพียงแค่ว่าคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างเท่านั้นเอง"
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการชี้แจง
**เฉ่ง"หมอดูฟันธง"มั่วตลอด
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายลักษณ์ เรขานิเทศ หรือหมอดูฟันธง ทำนายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งหลังจากวันที่ 26 เม.ย.2553 นั้น เมื่อดูเหตุปัจจัยแล้ว ก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะเป็นไปได้ ถ้าจะมีอำนาจจริงก็คงจะไม่มีอำนาจในการ เป็นผู้บริหารประเทศ แต่น่าจะมีอำนาจในคุกมากกว่าเพราะถ้าจะมาติดคุก ก็คงได้รับเลือกเป็นผู้นำนักโทษ
"หากจำไม่ผิดหมอดูคนนี้ไม่ใช่หรือที่เคยกระโดขึ้นเวทีคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดและเคยปราศรัยฟันธงว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 ดวงถึงฆาต หมดอำนาจในการปกครองแล้วและผลการทำนายฟันธงครั้งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง สังคมไทยสามารถพิสูจน์ได้ ส่วนการประกาศจะเผาตำราเป็นเดิมพันนั้นในการทำนาย ครั้งนี้อยากถามว่ายังมีตำราโหราศาสตร์เก็บเอาไว้ให้เผาอีกหรือ น่าจะเอาไปเผาทิ้งตั้งแต่ฟันธงช่วงสงกรานต์เลือดที่ผ่านมาแล้ว"
ส่วนคำทำนายของ 3 โหรดังที่ระบุว่า ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระมัดระวังตัวเพราะอาจมีการลอบสังหารนั้น ถ้าดูเรื่องนี้จากเหตุปัจจับัน การเมือง ที่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น หวังแค่การชนะคะคานกันจนถึงชีวิตโดยใช้ทุกวีทาง ซี่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาวตร์การมืองไทยมาก่อน ซึ่งตัวนายกฯเองก็ไม่เคยตั้งอยู่บนความประมาทเพราะรู้อยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจะใช้ทุกรูปแบบ เพราะวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถโค่นล้มรัฐบาลนี้ได้
"ประกอบกับคดีความ ต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณจะมีการพิจารณาพิพากษา ในเร็วๆ นี้แล้ว จึงเป็นเรื่องของคนเลือดเข้าตา หมาจนตรอก ที่ทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ข้อกฏหมาย คุณธรรม จริยธรรมและมนุษยธรรม แม้แต่บาปบุญคุณโทษก็ไม่คำนึงโยไม่เกรงกลัว คำทำนายทายทักต่างๆ นายกฯก็ยังปฏิบัติตัวตามปกติ ยังมีความเชื่อในกฏแห่งกรรม ที่ว่าคนทำดีจะมีพระคุ้มครอง"
**เหน็บ"นช.แม้ว"อยู่ไหนก็เจ๊ง
สำหรับการทำนายภาวะเศรษฐกิจ ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของไทยจะพังพินาศเพราะคนอยู่ต่างประเทศนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ก็เป็นที่ทราบกันว่าคนดังกล่าวหมายถึงใคร เพราะได้ทำมาตลอดให้เศรษฐกิจไทยพังพาบลงทุกวัน เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะคิดว่า ถ้าเศรษฐกิจไทยพังลง คนทั้งหมดจะได้คิดถึงตัวเอง แต่ในข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลนี้ได้เข้ามาแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งจึงเกิดความริษยา แต่คนดังกล่าวเคยสบประมาทว่า เด็กสองคนไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาของประเทศได้ แต่ในขณะนี้ทุกภาคส่วนยืนยันแล้วว่าเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกในไตรมาสที่ 4 แน่นอน จึงขอบอกให้รู้ว่าเด็กสองคนสามารถมีปัญญษสร้างบ้านแปลงเมืองได้ สำเร็จอย่างแน่นอน อย่าให้คนไทยบางคนที่หนีคดีในต่างประเทศให้อยู่ในความสงบ อย่าคิดร้ายทำลายชาติบ้านเมืองด้วยการทำลายความเชื่อมั่นและโอกาสของชาติ อีกต่อไปเพราะตัวเองในเวลานี้ก็หนีคดีอยู่ที่ดูไบ กองทุนดูไบ เวิร์ด ยังเจ๊ง จึงไม่ร็ว่าจะหนีไปประเทศไหนอีก
"ที่ส่งเอสเอ็มเอสบอกสมาชิก ว่าล่าสุดจะไปอยู่ในประเทศแถบยุโรป ผมอยากรู้ว่าเป็นประเทศใดที่ยังต้อนรับนักโทษหนี้คดีคนนี้อีก เพราะตอนอยู่เมืองไทย ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ก่อให้เกดวิกฤตต้มยำกุ้ง คนจนลงพริบตาทั้งชาติ พอไปอยู่ดูไบ ก็ปรากฎว่าดูไบเจอวิกฤตเช่นนี้อยากจะถามว่า ยังรวยเหมือนครั้งเปลี่ยนค่าเงินบาทไทยอยู่อีกหรือไม่ หรือจะเป็นการฉวยโอกาสทิ้งดูไบไปอยู่ประเทศอื่นอีก เพื่อหนีการจับกุมตัวของรัฐบาลไทยมาลงโทษตามกฏหมาย"
**พท.เชิญชวนพักรบชั่วคราว
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงขอพักรบชั่วคราวว่า ในสถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องเร่งสร้างความสามัคคี ลดความบาดหมาง สร้างความสมานฉันท์โดยเฉพาะในเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นเดือนแห่งความสุขของประชาชน ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเทศกาลสำคัญรวมถึงวันปีใหม่ ประกอบกับทางกลุ่มเสื้อแดงได้ประกาศยุติการชุมนุมชั่วคราวเพื่อถวายความเคารพ จงรักภักดีและร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในจากพระชนมายุ 82 ปี พรรคเพื่อไทย จึงขอเชิญชวน พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลว่า ขอให้มาพักรบชั่วคราวดีหรือไม่ เอาไว้ปีหน้ามาต่อสู้กันอีกครั้ง
"พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านหน้าที่ คือ ให้รัฐบาลทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราไม่ใช่ศัตรู คู่อาฆาตกัน แต่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองตามระบบประชาธิปไตยเท่านั้น จึงเชิญชวนเพื่อยุติความขัดแย้งชั่วคราว ไม่ใช่เป็นการเกี๊ยะเซี๊ยะกัน แต่เราอยากทำให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ในซีกรัฐบาลจะต้องไม่ทำบางอย่าง เป็นการยั่วยุ ปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้ายทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี อาทิ กรณีการจับกุมอาวุธปืนที่ จ.เชียงใหม่ กล่าวหาว่าเป็นคนเสื้อแดง ควรให้ตำรวจ สอบสวน ฝ่ายการเมือง ไม่ควรไปวิจารณ์ หรือด่วนสรุป หรืออีกหลายกรณีที่รัฐบาลพูดจาเสมือนหลอกประชาชนเช่นสถานการณ์กัมพูชา ที่บอกว่าคลี่คลายแล้ว แต่ประมงไทยยังจับปลาไม่ได้ หรือกรณีความพยามประหนึ่ง ล้างผลาญประหารชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เลิก ล้วนแต่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ ทำให้เสื้อแดงออกมาตอบโต้"
**ลั่นพร้อมต่อสู้ 6 ประเด็นใหญ่
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ในปีหน้า พรรคเพื่อไทย อยากให้รัฐบาล เร่งดำเนินการใน 2 กรณีคือในกรณีแรก นายกรัฐมนตรี ต้องเร่งแต่งตั้ง ผบ.ตร. รองนายกรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาล ในกรณีที่สอง พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ ในครรลองประชาธิปไตยใน 6 ประเด็นใหญ่ คือ 1.จะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และความเป็นธรรม ในสังคม. 2 ต่อสู้เพื่อขจัดคอรัปชั่นรวมถึงการใช้เงินงบประมาณหลายร้อยล้าน ในการใช้กำลังตำรวจและทหารมาใช้ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐจะต้องชี้แจงว่าใช้เงินไปเท่าไหร่ มีบัญชีผีหรือไม่ 3. ต่อสู้ในเรื่อง นโนบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และหนี้สินที่กู้มาว่าจะชดใช้อย่างไร
4. พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันแรกของ การเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน 5.พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเมือง ภาคประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวให้มีการปลดแอกจาก อำนาจอำมาตย์ ไม่ให้มีสองมาตรฐานตามหลักนิติรัฐ 6. เราจะต่อสู้กับรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสร้างสมานฉันท์ให้ได้เพราะสิ่งที่รัฐทำไม่ได้สร้างสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น จึงขอเชิญชวนรัฐบาลมาตั้งสติให้ดี ต่อสู้ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย อย่างแท้จริง และขอยืนยันว่า การพักรบ ไม่ใช่พักศึก เพียงพักรบในเชิง ต่อสู้ในกรอบประชาธิปไตย เป็นการชั่วคราวโดยจะรอฟังคำตอบจากรัฐบาล
ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 16.00 น. วานนี้ (30 พ.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วมประชุมเพื่อประเมินสถาการณ์บ้านเมืองภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ กทม. ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ถึง 14 ธ.ค.นี้ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.ท. สัญฐาน ชยานนท์ รักษาการผบ.ชน. พร้อมสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมได้สรุปความเห็นตรงกันว่าหลังจากที่ กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกเลิกการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึง ได้พิจารณาถึงปัญหาวิกฤติของชาติแล้ว ยังไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่าจะเกิดปัญหา ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่าควรยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยนายสุเทพ จะทำเรื่องเข้าบรรจุวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (1 ธ.ค.)
อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังหารือกันด้วยว่าหากมีการยกเลิกประกาศ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯแล้วอาจมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ที่ประชุมเห็นว่าหากมีเหตุการณ์ก็จะมอบหมรยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้วางแผนในเรื่องการดูแลความเรียบร้อย โดยจะไม่ใช่กำลังทหาร
**ชี้เสื้อแดงขวางลงพื้นที่แค่ส่วนน้อย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศชุมนุมอีกรอบหลังวันที่ 5 ธ.ค.ของกลุ่มคนเสื้อแดง รัฐบาลก็ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง แต่ภาคธุรกิจและเอกชนและประชาชนทั่วไปมีความเป็นห่วง เพราะไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์ ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งตนก็ไม่อยากเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางการลงพื้นที่ทำงาน ของรัฐมนตรี อยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ
"เวลาลงพื้นที่แล้วมีคนจำนวนหนึ่งมาขัดขวาง ซึ่งก็ไม่ได้มีจำนวนมาก ถึงขนาด บอกว่า เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ หรือคนทั่วไป เพียงแต่ว่า เมื่อมันมีการมาชุมนุมขึ้น และก็มีความพยายามที่ต้องรักษาความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ต้องหาความพอดี หากจะให้ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด ก็ต้องตึงกับผู้ชุมนุม เมื่อตึงกับผู้ชุมนุม ก็มีความเสี่ยง ต่อการที่จะมีปัญหาการปะทะกัน บาดเจ็บ เขาก็ต้องพยายามดูให้มีความพอดีว่า ทางผู้ชุมนุมก็ต้องไม่ถึงกับตึงตัวเกินไป มีการปะทะกัน แต่มันอาจจะทำให้ภาพ ของการลงพื้นที่มีความไม่เรียบร้อยบ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า น่าจะทำความเข้าใจกัน"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่กับบรรยากาศแบบนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีทุกท่าน มีความตั้งใจเหมือนเดิมในการทำงาน ไม่เป็นอุปสรรค เขาก็เดินหน้าในการทำงานและลงพื้นที่ต่อไป เมื่อถามต่อว่า การที่ยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในการขัดขวางการทำงานรัฐบาล ทำให้สะท้อนให้เห็นหรือไม่ว่า คะแนนนิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมากกว่าความนิยมในตัวรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่
"ถ้าเอาตัวนี้มาวัดก็ไม่จบไม่สิ้น ปีที่แล้วก็มีการประท้วงทั้งปี แปลว่าอะไรละครับ ช่วงที่เป็นรัฐบาลที่สนับสนุนคุณทักษิณ ฉะนั้นเราอย่าเอาตัวนี้มาวัด มันไม่ได้เป็นตัวสะท้อนอะไร มันเป็นการสะท้อนเพียงแค่ว่าคนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างเท่านั้นเอง"
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการชี้แจง
**เฉ่ง"หมอดูฟันธง"มั่วตลอด
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายลักษณ์ เรขานิเทศ หรือหมอดูฟันธง ทำนายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้งหลังจากวันที่ 26 เม.ย.2553 นั้น เมื่อดูเหตุปัจจัยแล้ว ก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะเป็นไปได้ ถ้าจะมีอำนาจจริงก็คงจะไม่มีอำนาจในการ เป็นผู้บริหารประเทศ แต่น่าจะมีอำนาจในคุกมากกว่าเพราะถ้าจะมาติดคุก ก็คงได้รับเลือกเป็นผู้นำนักโทษ
"หากจำไม่ผิดหมอดูคนนี้ไม่ใช่หรือที่เคยกระโดขึ้นเวทีคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์สงกรานต์เลือดและเคยปราศรัยฟันธงว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 ดวงถึงฆาต หมดอำนาจในการปกครองแล้วและผลการทำนายฟันธงครั้งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง สังคมไทยสามารถพิสูจน์ได้ ส่วนการประกาศจะเผาตำราเป็นเดิมพันนั้นในการทำนาย ครั้งนี้อยากถามว่ายังมีตำราโหราศาสตร์เก็บเอาไว้ให้เผาอีกหรือ น่าจะเอาไปเผาทิ้งตั้งแต่ฟันธงช่วงสงกรานต์เลือดที่ผ่านมาแล้ว"
ส่วนคำทำนายของ 3 โหรดังที่ระบุว่า ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระมัดระวังตัวเพราะอาจมีการลอบสังหารนั้น ถ้าดูเรื่องนี้จากเหตุปัจจับัน การเมือง ที่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น หวังแค่การชนะคะคานกันจนถึงชีวิตโดยใช้ทุกวีทาง ซี่งไม่เคยปรากฏในประวัติศาวตร์การมืองไทยมาก่อน ซึ่งตัวนายกฯเองก็ไม่เคยตั้งอยู่บนความประมาทเพราะรู้อยู่ว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจะใช้ทุกรูปแบบ เพราะวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถโค่นล้มรัฐบาลนี้ได้
"ประกอบกับคดีความ ต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณจะมีการพิจารณาพิพากษา ในเร็วๆ นี้แล้ว จึงเป็นเรื่องของคนเลือดเข้าตา หมาจนตรอก ที่ทำได้ทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม ข้อกฏหมาย คุณธรรม จริยธรรมและมนุษยธรรม แม้แต่บาปบุญคุณโทษก็ไม่คำนึงโยไม่เกรงกลัว คำทำนายทายทักต่างๆ นายกฯก็ยังปฏิบัติตัวตามปกติ ยังมีความเชื่อในกฏแห่งกรรม ที่ว่าคนทำดีจะมีพระคุ้มครอง"
**เหน็บ"นช.แม้ว"อยู่ไหนก็เจ๊ง
สำหรับการทำนายภาวะเศรษฐกิจ ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของไทยจะพังพินาศเพราะคนอยู่ต่างประเทศนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ก็เป็นที่ทราบกันว่าคนดังกล่าวหมายถึงใคร เพราะได้ทำมาตลอดให้เศรษฐกิจไทยพังพาบลงทุกวัน เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะคิดว่า ถ้าเศรษฐกิจไทยพังลง คนทั้งหมดจะได้คิดถึงตัวเอง แต่ในข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลนี้ได้เข้ามาแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งจึงเกิดความริษยา แต่คนดังกล่าวเคยสบประมาทว่า เด็กสองคนไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาของประเทศได้ แต่ในขณะนี้ทุกภาคส่วนยืนยันแล้วว่าเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกในไตรมาสที่ 4 แน่นอน จึงขอบอกให้รู้ว่าเด็กสองคนสามารถมีปัญญษสร้างบ้านแปลงเมืองได้ สำเร็จอย่างแน่นอน อย่าให้คนไทยบางคนที่หนีคดีในต่างประเทศให้อยู่ในความสงบ อย่าคิดร้ายทำลายชาติบ้านเมืองด้วยการทำลายความเชื่อมั่นและโอกาสของชาติ อีกต่อไปเพราะตัวเองในเวลานี้ก็หนีคดีอยู่ที่ดูไบ กองทุนดูไบ เวิร์ด ยังเจ๊ง จึงไม่ร็ว่าจะหนีไปประเทศไหนอีก
"ที่ส่งเอสเอ็มเอสบอกสมาชิก ว่าล่าสุดจะไปอยู่ในประเทศแถบยุโรป ผมอยากรู้ว่าเป็นประเทศใดที่ยังต้อนรับนักโทษหนี้คดีคนนี้อีก เพราะตอนอยู่เมืองไทย ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ก่อให้เกดวิกฤตต้มยำกุ้ง คนจนลงพริบตาทั้งชาติ พอไปอยู่ดูไบ ก็ปรากฎว่าดูไบเจอวิกฤตเช่นนี้อยากจะถามว่า ยังรวยเหมือนครั้งเปลี่ยนค่าเงินบาทไทยอยู่อีกหรือไม่ หรือจะเป็นการฉวยโอกาสทิ้งดูไบไปอยู่ประเทศอื่นอีก เพื่อหนีการจับกุมตัวของรัฐบาลไทยมาลงโทษตามกฏหมาย"
**พท.เชิญชวนพักรบชั่วคราว
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงขอพักรบชั่วคราวว่า ในสถานการณ์ของบ้านเมืองในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องเร่งสร้างความสามัคคี ลดความบาดหมาง สร้างความสมานฉันท์โดยเฉพาะในเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นเดือนแห่งความสุขของประชาชน ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเทศกาลสำคัญรวมถึงวันปีใหม่ ประกอบกับทางกลุ่มเสื้อแดงได้ประกาศยุติการชุมนุมชั่วคราวเพื่อถวายความเคารพ จงรักภักดีและร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในจากพระชนมายุ 82 ปี พรรคเพื่อไทย จึงขอเชิญชวน พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐบาลว่า ขอให้มาพักรบชั่วคราวดีหรือไม่ เอาไว้ปีหน้ามาต่อสู้กันอีกครั้ง
"พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านหน้าที่ คือ ให้รัฐบาลทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เราไม่ใช่ศัตรู คู่อาฆาตกัน แต่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองตามระบบประชาธิปไตยเท่านั้น จึงเชิญชวนเพื่อยุติความขัดแย้งชั่วคราว ไม่ใช่เป็นการเกี๊ยะเซี๊ยะกัน แต่เราอยากทำให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ในซีกรัฐบาลจะต้องไม่ทำบางอย่าง เป็นการยั่วยุ ปั้นน้ำเป็นตัว ใส่ร้ายทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี อาทิ กรณีการจับกุมอาวุธปืนที่ จ.เชียงใหม่ กล่าวหาว่าเป็นคนเสื้อแดง ควรให้ตำรวจ สอบสวน ฝ่ายการเมือง ไม่ควรไปวิจารณ์ หรือด่วนสรุป หรืออีกหลายกรณีที่รัฐบาลพูดจาเสมือนหลอกประชาชนเช่นสถานการณ์กัมพูชา ที่บอกว่าคลี่คลายแล้ว แต่ประมงไทยยังจับปลาไม่ได้ หรือกรณีความพยามประหนึ่ง ล้างผลาญประหารชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เลิก ล้วนแต่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ ทำให้เสื้อแดงออกมาตอบโต้"
**ลั่นพร้อมต่อสู้ 6 ประเด็นใหญ่
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ในปีหน้า พรรคเพื่อไทย อยากให้รัฐบาล เร่งดำเนินการใน 2 กรณีคือในกรณีแรก นายกรัฐมนตรี ต้องเร่งแต่งตั้ง ผบ.ตร. รองนายกรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกรัฐบาล ในกรณีที่สอง พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ ในครรลองประชาธิปไตยใน 6 ประเด็นใหญ่ คือ 1.จะต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และความเป็นธรรม ในสังคม. 2 ต่อสู้เพื่อขจัดคอรัปชั่นรวมถึงการใช้เงินงบประมาณหลายร้อยล้าน ในการใช้กำลังตำรวจและทหารมาใช้ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคง รัฐจะต้องชี้แจงว่าใช้เงินไปเท่าไหร่ มีบัญชีผีหรือไม่ 3. ต่อสู้ในเรื่อง นโนบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และหนี้สินที่กู้มาว่าจะชดใช้อย่างไร
4. พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันแรกของ การเปิดประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไปอย่างแน่นอน 5.พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเมือง ภาคประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวให้มีการปลดแอกจาก อำนาจอำมาตย์ ไม่ให้มีสองมาตรฐานตามหลักนิติรัฐ 6. เราจะต่อสู้กับรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสร้างสมานฉันท์ให้ได้เพราะสิ่งที่รัฐทำไม่ได้สร้างสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น จึงขอเชิญชวนรัฐบาลมาตั้งสติให้ดี ต่อสู้ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย อย่างแท้จริง และขอยืนยันว่า การพักรบ ไม่ใช่พักศึก เพียงพักรบในเชิง ต่อสู้ในกรอบประชาธิปไตย เป็นการชั่วคราวโดยจะรอฟังคำตอบจากรัฐบาล