xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตดูไบเวิลด์กับเงินสดที่หายไปของทักษิณ!

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

9 พฤศจิกายน 2552 นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ปรากฏเป็นข่าวในนิตยสารไทมส์ออนไลน์ โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่านักโทษชายทักษิณเหลือเงินอยู่นอกประเทศเท่าไหร่?

นักโทษชายทักษิณตอบว่าขณะนี้มีเงินสดเหลืออยู่ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยที่เหลือได้นำไปซื้อสินทรัพย์เป็นบ้านไปแล้ว และยังคุยโวโอ้อวดต่ออีกว่าตัวเองมีเหมืองทองและเหมืองเพชรอีกหลายแห่ง โดยมีถึง 10 แห่ง ในประเทศอูกันดา นอกจากนี้ยังได้ใบอนุญาตในการทำลอตเตอรี่ในอีกหลายประเทศ คือ อูกันดา ฟิจิ และอังโกลา โดยบางแห่งจะเริ่มออกลอตเตอรี่ภายในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

นักโทษชายทักษิณมีเงินและทรัพย์สินมากมายมหาศาลขนาดนี้ จะให้อธิบายกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและประชาชนได้อย่างไรว่าเอาเงินเหล่านี้นอกเหนือจากการแจ้งบัญชีและหนี้สินเหล่านี้มาจากที่ไหน?

ต่อให้มีเงินมหาศาลขนาดไหน ก็คงหนีพ้นกรรมไปไม่ได้ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เคยเตือนให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กลับเนื้อกลับตัว และยังทำนายอนาคตเอาไว้แล้วตั้งแต่ปี 2548 ว่า

1. ทักษิณจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ 2. ทรัพย์สินเงินทองที่มีก็จะค่อยๆ หมดลงไป และ 3. แม้แต่ชีวิตก็จะรักษาเอาไว้ไม่ได้

วันนี้ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร มีสภาพเหมือนไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว

วันนี้เงินสดจำนวนมหาศาลประมาณ 76,000 ล้านบาท ของครอบครัวนักโทษชายทักษิณ ซึ่งถูกอายัดเอาไว้ตั้งแต่ปี 2550 นั้นกำลังรอคำพิพากษาในอีกไม่เกิน 2 เดือนนี้ว่าจะถูกยึดให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินหรือไม่และจำนวนเท่าไร

เพียงคำทำนายแค่ 2 ข้อ ก็ทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตของนักโทษชายทักษิณ ซึ่งยังเต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ และความหลง ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อจะเอาชนะผลกรรมที่ตัวเองได้ก่อขึ้นให้ได้

ไม่มีใครรู้ว่าเงินของทักษิณมีมากมายขนาดไหน และเงินที่ซ่อนอยู่มีอีกเท่าไร แต่ที่ปรากฏเป็นตัวเลขทางธุรกิจอย่างชัดเจนที่สุดก็คือการซื้อขายสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ ที่ทำผลงานเอาไว้ได้ไม่ดีนักแต่ก็ยังสามารถขายทำกำไรได้ให้กับกลุ่มธุรกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนมีประชาชนจำนวนไม่น้อยเคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นการฟอกเงินหรือไม่?

1 กันยายน 2551 นักโทษชายทักษิณ ได้ขายสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ให้กับอาบูดาบี กรุ๊ป ได้เงินจำนวนประมาณ 200 ล้านปอนด์ หรือราว 12,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่นักโทษชายทักษิณได้ซื้อมาเพียง 80 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 4,800 ล้านบาท แต่เงินที่ขายได้ต้องมาหักกลบลบหนี้จากการเงินกู้เพื่อลงทุนในสโมสรอีก ทำให้ได้กำไรจากการขายในครั้งนั้นประมาณ 50 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,000 ล้านบาท และขายหุ้น 10% สุดท้ายที่เหลืออีกประมาณ 20 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,200 ล้านบาทเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2551

ถ้าตัวเลขดังกล่าวตามรายงานข่าวมีความถูกต้องก็แปลว่าอย่างน้อยนักโทษชายทักษิณ ในเวลานั้นต้องมีเงินสดประมาณ 150 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 9,000 ล้านบาท!

8 พฤศจิกายน 2551 ยังไม่ทันจะได้ใช้เงินในประเทศอังกฤษ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ต้องถูกเพิกถอนวีซ่า ห้ามเข้าประเทศอังกฤษ ท่ามกลางกระแสข่าวจากสื่อต่างประเทศรายงานว่านักโทษชายทักษิณได้ถูกอายัดทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่มีใครสามารถพิสูจน์ตัวเลขที่แท้จริงได้

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้นักโทษชายทักษิณ ต้องเปลี่ยนที่พักอาศัยไปอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ดูไบ เป็นมหานครที่มีความฟุ้งเฟ้อและมีเศรษฐกิจที่เป็นฟองสบู่มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะการปั่นราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่เกินความต้องการที่แท้จริงไปอย่างมาก แต่เมื่อปีที่แล้วราคาน้ำมันทั่วโลกได้ตกลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบหลายปี ได้ทำให้นักลงทุนในกองทุนเก็งกำไร และกองทุนน้ำมันทั่วโลกต้องขาดทุนอย่างยับเยิน ซึ่งน่าจะรวมถึงนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ด้วยที่เป็นนักเล่นเก็งกำไรและนักเล่นหุ้นตัวยง

ราคาตลาดหลักทรัพย์ตามดัชนีดูไบได้ตกร่วงลงมาถึง 77% และราคาอสังหาริมทรัพย์ได้ตกลงเหลือเพียง 50% เฉพาะ 2-3 เดือนที่ผ่านมาราคาอสังหาริมทรัพย์บางแห่งก็ยังตกลงมาอีกกว่า 30%!

ไม่น่าแปลกใจที่นักโทษชายทักษิณยังต้องอ้ำอึ้งในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทมส์ออนไลน์ว่ามีเงินสดเหลือประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท แต่ก็ยังคุยโอ้อวดถึงเหมืองทองและเหมืองเพชรซึ่งมีอีกมาก อันเป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นการพูดเพื่อกลบเกลื่อนการขาดทุนครั้งใหญ่ในการลงทุนที่ดูไบใช่หรือไม่?

ท่ามกลางกระแสข่าวการลดลงของราคาอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว บังเอิญมีข่าวในช่วงเวลาเดียวกันว่ามีนักธุรกิจไทยรายหนึ่งขายอาคารในมหานครดูไบได้เงินมาประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,300 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าการขายอาคารครั้งนั้นได้มีการโอนเงินผ่านบัญชี “เพื่อน” เพื่อหลบซ่อนบัญชี ซึ่ง “เพื่อน” ของนักธุรกิจไทยคนดังกล่าวแทนที่จะเอาเงินสดคืนมา กลับเอาไปซื้ออีกอาคารหนึ่งแล้วคาดหวังว่าจะขายทำกำไรระยะสั้น แต่ด้วยวิกฤตทางเศรษฐกิจในดูไบทำให้ขายอาคารที่ซื้อมานั้นไม่ออก เงินจำนวน 3,300 ล้านบาทนั้นจึงหายไปพร้อมกับการหลบหนีของ “เพื่อน” นักธุรกิจไทยคนนั้นเป็นที่น่าเจ็บใจยิ่งนัก ที่อาจทำให้ใครบางคนต้องพูดถึงเงินก้อนนี้แบบอ้ำอึ้งได้

เป็นการเจ็บใจ 3 ชั้น ชั้นแรกต้องขายสินทรัพย์ของตัวเองในราคาที่ตกลงอย่างรวดเร็ว ชั้นที่สองโดนหลอกเชิดเงินจำนวนมหาศาลไปแต่พูดอะไรไม่ได้เหมือนน้ำท่วมปาก และชั้นที่สามตามล่าหาไม่เจอเพราะเพื่อนคนนั้นหลบมาอยู่ในดินแดนที่นักธุรกิจไทยรายนี้ไม่สามารถเข้ามาได้ที่ชื่อว่า “ราชอาณาจักรไทย”

“ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ก็จะค่อยๆ หมดลงไป” คำทำนายกรรมของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนค่อยๆ กลายเป็นความจริง เมื่อสังเกตเห็นเหล่ามดปลวกทั้งหลายเข้าช่วงชิงทรัพย์สินของนักโทษชายทักษิณกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ม็อบแดงสู้แล้วรวย กลุ่มทหารและกองกำลังหลอกรับประทาน ตลอดจนกลุ่มนักการเมืองจอมเชลียร์ในพรรคเพื่อไทย ฯลฯ ต่างยกยอปอปั้น เอาอกเอาใจ สร้างความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงให้กับนักโทษชายทักษิณเพื่อที่จะได้หลอกเงินเอามาใช้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต แผนล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ของนักโทษชายทักษิณ และจอมเผด็จการฮุนเซน ต้องเลื่อนเวลาออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะประเมินสถานการณ์และความรู้สึกของประชาชนผิดพลาดไปจากความจริงมาก

เมื่อแผนล้มรัฐบาลล้มเหลว ประกอบกับเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในดูไบ ทำให้แผ่นดิน 2 ประเทศ ที่ยืนอยู่ของนักโทษชายทักษิณ ทั้งกัมพูชาและดูไบกำลังได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปด้วย เพราะคนสถานภาพอย่างนักโทษชายทักษิณ “มีเงินน้อยลง แผ่นดินที่ให้ยืนก็น้อยลงตามไปด้วย”

ประเทศไทยได้ประกาศว่าจะยกเลิกบันทึกความเข้าใจในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและผลประโยชน์ทางพลังงานในอ่าวไทย ระหว่างไทย-กัมพูชาเมื่อปี 2544 (MOU 2544) และการลดจำนวนของนักท่องเที่ยวและนักพนันเข้าบ่อนกัมพูชาที่ลดลงนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของนายฮุนเซนอย่างมาก ยิ่งปล่อยสถานการณ์แบบนี้นานวันยิ่งได้รับความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเงินของนักโทษชายทักษิณที่ร่อยหรองลงไป คนอย่างนักโทษชายทักษิณก็ไม่ได้โง่ที่จะไปลงทุน 20,000 ล้านบาท ตามสัญญาสัมปทานเกาะกงในสถานการณ์แบบนี้เป็นแน่ นักโทษชายทักษิณย่อมรู้ดีที่สุดว่าคนอย่างนายฮุนเซน นั้นพร้อมฉีกสัญญาและเปลี่ยนสัญญากลางคันได้เสมอ ด้วยเหตุนี้นักโทษชายทักษิณจึงไม่น่าคิดที่จะอยู่ในเขมรเป็นเวลานานๆ ในสถานการณ์แบบนี้

นักโทษชายทักษิณแสดงอาการหงุดหงิดและต้องอารมณ์เสียบ่อยครั้งในช่วงหลังก็คือการทำงานเชิงรุกของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่พยายามไล่ล่านักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไปทั่วโลก สามารถล่วงรู้การเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนหนังสือเดินทาง และประสบผลสำเร็จล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้รับปากกับประเทศไทยว่า หากนักโทษชายทักษิณใช้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นฐานในการปลุกระดมทางการเมือง หรือมีการโจมตีองคมนตรี จะทำการเชิญตัวออกนอกประเทศโดยทันที

ราชวงศ์ อัล มัคทูม ที่ครองดูไบ และราชวงศ์ อัล นายาน ผู้ปกครอง อาบูดาบี เป็นคู่แข่งกันอยู่ในที ดูไบ ชอบทำตัวฟู่ฟ่า สร้างข่าวให้โดดเด่นอยู่เสมอ เป็นตัวของตัวเองไม่เชื่อฟังใครเพราะถือว่าเศรษฐกิจรุ่งเรือง ยอมให้มีอาชญากรมาฟอกเงินและลงทุนในเมืองของตัวเองโดยไม่สนใจใคร ขณะที่อาบู ดาบี ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงที่มีความร่ำรวยจริงด้วยน้ำมันและทุนสำรองมหาศาลแต่มีความโดดเด่นน้อยกว่า และไม่สามารถไปบังคับหรือควบคุมการปกครองในดูไบได้มากนัก

แต่สัญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 เป็นสัญญาณที่เกิดขึ้นหลังจากที่ “กลุ่มบริษัทดูไบเวิลด์” ซึ่งเป็นของรัฐบาลดูไบ ได้ขอทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้ เพื่อพักชำระหนี้นาน 6 เดือน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งกลุ่มดูไบเวิลด์มีหนี้สินจำนวนสูงถึง 59,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ตัดสินใจเข้าช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ในประเทศ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ให้ขยายวงไปมากกว่านี้

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ความหยิ่งผยองของดูไบลดลง ดังนั้นการประกาศให้ความร่วมมือกับไทยจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ครั้งนี้มีน้ำหนักมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ยิ่งนักโทษชายทักษิณมีเงินน้อยลง ความน่าสนใจและความจำเป็นที่จะโอบอุ้มให้อาศัยอยู่ในดูไบก็ยิ่งน้อยลงตามไปด้วย นักโทษชายทักษิณจึงต้องเริ่มเดินสายและเจรจากับกลุ่มประเทศยุโรปอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาแนวร่วมและการยอมรับให้กับตัวเองโดยเร็วที่สุด

นักโทษชายทักษิณยังต้องสู้ชดใช้กรรมต่อไปเรื่อยๆ ทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาก็คงค่อยๆ หมดลงไปอย่างทุกข์ทรมาน!
กำลังโหลดความคิดเห็น