xs
xsm
sm
md
lg

แฉเกมโค่น"ปทีป"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กองปราบร้อนตัว แถลงการเข้าค้นบ้านอดีตผอ.สำนักงบประมาณ และบ้านที่เกี่ยวข้องฮั้วประมูลรถจยย.สายตรวจ 1.2 หมื่นล้าน ไม่ใช่การดิสเครดิตใครบางคน ยันทำตามหน้าที่ ด้านอดีตผบ.ตร. และรรท.ผบ.ตร.ระบุ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เผยเป็นเกมท้าอำนาจนายกฯขวางการตั้งผบ.ตร.ตัวจริง วางแผนกันในบ้านนักการเมืองดังป้ายสีใส่"ปทีป" และสับคัตเอาท์เสียง ก.ต.ช.

วานนี้ ( 26 พ.ย.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีที่ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจสอบ สวนกลาง (รรท.รอง ผบช.ก.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (รรท.ผบก.ป.) พร้อมกำลัง เข้ายื่นหมายเรียกที่บ้านพักนายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และเข้าตรวจค้น 3 จุด ได้แก่ 1.ที่บริษัท มิลเลนเนี่ยม มอเตอร์ จำกัด ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถจักรยาน ยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ 2.ที่บ้านเลขที่ 5/55 หมู่บ้านคฤหาสน์ทายาท ถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บ้านพักของ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจชื่อดัง ผู้บริหาร บริษัท อาร์เอ็นที จำกัด และ 3.ที่บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ เลขที่ 2 ถนนลาดพร้าว ซอย 21 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.ซึ่งต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกรณีการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานรัฐ รวมมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยสามารถยึดเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ตรวจสอบนั้น ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ทำหนังสือ ที่ ตช 0026.92/4907 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552 ขอส่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ ไปยังกระทรวงไอซีที. เพื่อให้คัดลอกข้อมูลทั้งหมดสำหรับใช้ประกอบสำนวนคดีต่อไป

**ป.ปฏิเสธดิสเครดิต

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.สุพิศาล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวจำนวน 10 นาย เพื่อติดตามความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้มาจากการเข้าตรวจค้นทั้ง 3 จุด โดย พ.ต.อ.สุพิศาล ระบุว่า คดีนี้มีผลกระทบถึงบุคคลหลายคนซึ่งเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน และแม้ว่าการดำเนินการครั้งนี้จะมีคำปรามาสว่าเป็นการดิสเครดิตบุคคลบางคน แต่ทางพนักงานสอบสวนก็ยืนยันที่จะเดินหน้าไปตามพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ปรากฎ

อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการประชุมพ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวอีกว่า ทางพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องการสืบสวนทางคดีเพิ่มเติม และ 2.การสอบปากคำพยานที่มีการออกหมายเรียกไปแล้วทั้ง พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจหน้าห้อง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง นายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ส จำกัด นางปราณี ศุกระศร รักษาการแทน ผอ.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ภายในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ทราบแนวทางคดีว่ามีกระบวนการอย่างไร รวมทั้งส่งเครื่องซีพียูที่ตรวจยึดมาจากบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด ไปตรวจสอบที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที.)

พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ในส่วนของเอกสารที่ยึดมาได้นั้นจะเรียกเจ้าของเอกสารมาชี้แจงว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร การปรากฏของเอกสารเนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ นอกจากนี้ก็จะตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีการดำเนินการในทางลับโดยจะเรียกมาสอบปากคำว่าเดินทางไปทำอะไร และเรียกพยานที่เป็นบริษัทเอกชนซึ่งเข้ายื่นประมูลโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์แต่ไม่ได้รับประมูลงาน เช่น ผู้แทนบริษัท แพลทตินั่ม มอเตอร์ เซลส์ จำกัด

**สอบเส้นทางการเงิน

“ทางพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบทรัพย์สินที่มอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อจูงใจ ในการกระทำความผิด การตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีการจ่ายโอนเข้าบัญชีธนาคารผู้ใด ความเคลื่อนไหวบัญชีธนาคาร ของบริษัท คาร์แทร็กกิ้ง จำกัด ซึ่งจะรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การสืบสวนคดีดังกล่าวมีการใช้หลักพฤติกรรมศาสตร์มาช่วยเพราะกลุ่มคนพวกนี้มักจะก่อเหตุซ้ำๆ กัน มีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตฮั้วประมูลหลายคดีทำให้เกิดความเสียหายเป็นอันมาก มีบริษัทที่เป็นนอร์มินีซึ่งดูแลกิจการต่างๆ มากระทำการแทนส่วน พล.ต.อ.และพล.ต.ท.จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นต้องตรวจสอบว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับบุคคลที่ถูกตรวจค้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้จักใครเลยรู้จักเพียง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เท่านั้น”พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวติดตลก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ประกอบด้วย การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารของผู้ที่เกี่ยวข้อง การส่งคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที.) การเรียกเจ้าของเอกสารมาพบเพื่อชี้แจงพร้อมบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน การตรวจสอบการขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการจากหน่วยงานต้นสังกัด การสอบปากคำพยานภาคเอกชน และตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ และการครอบครองรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก

**ออกหมายเรียก ผจก.คาร์แทรคกิ้ง สอบ

นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ออกหมายเรียก น.ส.รัชนก แจ๊ะซ้าย ผู้จัดการบริษัท คาร์แทรคกิ้ง จำกัดกับพวก เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับคดีแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และความผิดอาญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยส่งหมายดังกล่าวไปยังกรรมการบริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส เลขที่ 769 ถนนสุขุมวิท ซอย 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.กำหนดให้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากชุดสืบสวน บก.ป.ได้ทำหนังสือ ที่ ตช 0026.2/4886 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ถึงบริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลการครอบครองรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน วม 666 กทม.ซึ่งนายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ใช้อยู่นั้น พบชื่อของนายอุทัย คำน้อย อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 2 ต.บ้านเป้า อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ซื้อผ่านทางบริษัท สยามคาร์เรนท์ จำกัด และปรากฎเอกสารหลักฐานที่บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด ซึ่งนอกจากนี้จะขายรถยนต์แล้วยังประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์กับหน่วยงานรัฐอีกด้วย

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุอีกว่า กองปราบปรามกำลังพิจาณาเรียกตัวนายตำรวจเหล่านี้มาสอบปากคำ ซึ่งมีนายตำรวจตั้งแต่ระดับ พล.ต.ท.ลงไปจนถึง พ.ต.ท.รวมแล้วกว่า 10 นาย โดยคาดว่าการเรียกสอบปากคำจะมีขึ้นหลังจากเรียกสอบปากคำภาคเอกชน และวิเคราะห์พยานหลักฐานบางส่วนเรียบร้อย ขณะเดียวกันชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบโครงการอื่นๆ อีกหลายโครงการที่เกิดขึ้นในสตช.ว่า มีนายตำรวจคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง เนื่องจากพบว่ามีนายตำรวจระดับสูงหลายนายตั้งแต่ยศ พล.ต.อ.ลงไป มีความสนิทสนมกับนายบัญฑิต และ พ.ต.อ.รวมนคร

**"ปทีบ"ยันไม่เกี่ยวข้อง

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามไม่ได้รายงานอะไรให้ทราบ เพราะเป็นการดำเนินคดีไปตามปกติ แต่เท่าที่ทราบก็เป็นคดีเรื่องการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ ที่มีผู้ไปร้องทุกข์ที่กองปราบปราม ถือว่าเป็นการดำเนินคดีไปตามปกติ ส่วนเรื่องมูลค่าความเสียหายนั้น ถือว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ แต่คดีนี้ เท่าที่จำได้เกิดในสมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นผบ.ตร. ในปี 2550 และมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกัน โดยมี นายจุฑาธวัช อินทรสุขสี อดีต ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่ตนก็ไม่รู้จบอย่างไร เพราะตอนนั้นตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไร ส่วนเรื่องทางการสอบสวนทางวินัยนั้น มีการตั้งคณะกรรมการเช่นกัน

**ใจกว้างปล่อย ป.ทำคดีอย่างอิสระ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง ตร. ต้องตรวจสอบด้วยหรือไม่ว่า มีข้าราชการตำรวจระดับอี่นที่มีอำนาจในการทำทำสัญญา เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ต้องรอดูผลการสืบสวนของคณะกรรมการ ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. เป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งเรืองนี้ น่าจะอยู่ที่ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับโครงการจัดซื้อรถ จยย.นั้น ทาง ตร.ได้จ่ายเงินไปหมดแล้ว และผ่านมา 2 ปีแล้ว

เมื่อซักว่าทาง ตร. จะต้องลงไปกำชับการทำงานของพนักงานสอบสวน กองปราบปรามหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ในทางวินัยได้มีการตั้งคณะกรรมการมาก่อนนี้แล้ว ส่วนคดีอาญา ก็มีผู้ไปแจ้งความที่กองปราบปราม ซึ่งทางกองปราบปรามก็ดำเนนินการไป และปล่อยให้ทั้งส่วนนี้ เดินหน้าต่อไป

สำหรับกรณีมีกระแสข่าว การเปิดเผยชื่อ พล.ต.ท. ป. ซึ่งใกล้ชิดกับพล.ต.อ.ปทีป รวมอยู่ด้วยนั้น คิดว่าเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เมื่อยังตอบไม่ได้ว่า "พล.ต.ท.ป" คนนี้เป็นใคร ตนก็ตอบอะไรไม่ได้ แต่ขณะนี้กองปราบปรามเขาดำเนินการตามสำนวนสอบสวน อย่างเพิ่งไปคาดเดาอะไร เมื่อผลการสอบสวนเป็นอย่างไรก็เอาตรงนีไปดำเนินการ โดยยืนยันว่าหากสอบสวนแล้ว มีตำรวจระดับสูงเกี่ยวข้องนั้น จะไม่มีการช่วยเหลือกัน ทุกอย่างว่าไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีการปกป้อง และไม่เคยมองว่า คดีนี้ จะเกี่ยวโยงกับการเมือง

**"เสรีพิศุทธิ์"ฟันธงดิสเครดิต

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ถูกพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อร้องเรียนมีการสมยอม และล็อกสเปกประมูลงานโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจดังกล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องทั้งหมด ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย แต่เป็นเรื่องที่ต้องการดิสเครดิต ต้องการยัดเยียดข้อกล่าวหาให้ตน ซึ่งในข้อร้องเรียนดังกล่าวได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และได้ข้อสรุปชัดเจนเป็นอันยุติไปแล้วในสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่มีความผิด ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการไล่เข่นฆ่าให้ได้ เพราะการสอบข้อเท็จจริงกระจ่างชัด ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และไม่มีประเด็นใดอีกแล้ว

**ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกลั่นกรองในทุกขั้นตอน มีเจ้าหน้าที่ดูแลงานอยู่แล้ว ตนในฐานะ ผบ.ตร.สมัยนั้น ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายคณะกรรรมการ และการของบประมาณจัดซื้อรถ จยย.สายตรวจก็มีการนำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรี สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ต้องจัดซื้อเนื่องจากรถ จยย.ของ สตช.เก่ามาก อายุการใช้งาน 8-30 ปี แล้ว แต่ยังมีการตั้งเบิกน้ำมันทุกปี ทั้งที่ข้อควรจะเป็น อายุการใช้งานได้เพียง 5 ปีเท่านั้น ตนในฐานะ ผบ.ตร.จึงได้หารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ ว่าจะซื้อรถ จยย.ที่ได้คุณภาพนำมาใช้งานเกิดประสิทธิภาพ จึงมีการทำเรื่องเสนอไปของบประมาณซึ่งเป็นงบผูกพันในปีต่อไป จากเดิมที่ตั้งไว้แล้ว

**ชี้จัดซื้อ-จัดจ้างไม่เกี่ยวกับ ผบ.ตร.

อดีต ผบ.ตร.ผู้นี้ กล่าวต่อว่า ต้องดูรายละเอียดว่ามีฮั้วจริงหรือเปล่า ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด ซึ่งเรื่องไม่เกี่ยวกับ ผบ.ตร. เพราะผบ.ตร.อยู่ข้างบนเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ซึ่ง ผบ.ตร.ไม่มีอำนาจอะไรไปสั่งการใดๆ อยู่แล้ว ผบ.ตร.เป็นตัวผ่าน โดยจะมีรองฝ่ายบริหาร ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร จะตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการฯประกวดราคามาถูกต้องหรือไม่ เมื่อนำเสนอว่าถูกต้องตนก็เซ็นตามนั้น และนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป

**แฉแก๊งขวางตั้ง ผบ.ตร.

มีรายงานว่า การที่กองปราบปราม ได้ขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา โดยทำให้เป็นเรื่องที่มีการเข้าแจ้งความ และบุกเข้าตรวจค้นบริษัท บ้านของงบึคคลที่เกี่ยวข้องนั้น เรื่องดังกล่าว ถูกวางแผนขึ้นเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย. ที่บ้านพักของอดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่ถอดใจออกจากการเมืองไปก่อนหน้านี้ โดยมีคีย์แมนเป็นนายตำรวจระดับพล.ต.อ. อักษรย่อจ.จาน เข้าร่วมกำหนดแผนการปฏิบัติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นเกมทำลายการขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ตร.ของพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. โดยสาเหตุที่เลือกจังหวะเวลาในการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวนั้น สืบเนื่องมาจากในวันนี้ (27 พ.ย.) มีกำหนดการที่นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือก.ต.ช. ประกอบกับคณะกรรมการก.ต.ช.ที่จะเข้าร่วมประชุม จะมีครบตามจำนวน หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เลือกก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิแทนนายปิยะพันธุ์ นิมมานเหมินท์ ที่ลาออกไป และที่ประชุมตร.มีมติเลือกนางสุภา ปิยะจิตติ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิแทน ซึ่งจะส่งผลให้ ประธานในการประชุมคือนายกรัฐมนตรี สามารถที่จะเสนอชื่อผู้ที่จะดำรวงตำแหน่งผบ.ตร.ต่อที่ประชุมก.ต.ช.ได้ ทางฝ่ายตรงข้าม จึงมีการนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกันที่บ้านพักนักการเมืองคนดังกล่าว จนกระทั่งกำหนดขุดเรื่องเก่าขึ้นมา เพื่อเป็นการดิสเครดิตพล.ต.อ.ปทีปโดยเฉพาะ แต่ก่อนหน้านี้ มีรายงานระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมเสนอชื่อนายบัณฑูร สุภัควาณิช อดีตผอ.สำนักงบประมาณ เป็นหนึ่งในตัวเลือกเป็น ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าที่ประชุมก.ต.ช. แต่เมื่อตำรวจกองปราบปรามไปตรวจค้นบ้านพักนายบัณฑูรทำให้ตร.ตัดชื่อนายบัณฑูรออกไป

**เผยใช้เล่ห์ชั้นเซียนป้ายสี"ปทีป"

แหล่งข่าวระบุอีกว่า การเข้าดำเนินการด้วยการจู่โจมของกองปราบปรามในครั้งนี้นั้น ขั้นตอนของการปฏิบัติงานเป็นไปไม่ได้ที่ตัวผบ.ตร. จะไม่ทราบเรื่อง แม้กรณีที่เกิดขึ้น จะไม่เกี่ยวข่องกับพล.ต.อ.ปทีปโดยตรง แต่จะมีการโยงไปถึงเรื่องการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างในทางอ้อม โดยเน้นไปที่คนใกล้ชิดพลบ.ต.อ.ปทีป เพื่อหวังผลให้ในการประชุมก.ต.ช.ในวันนี้ (27 พ.ย.) คณะกรรมการก.ต.ช.จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ เสมือนหนึ่งเป็นการสร้างมลทินให้กับพล.ต.อ.ปทีป และแม้จะไม่สามารถสร้างมลทินโดยตรงให้กับพล.ต.อ.ปทีปได้ แต่ก็มีความพยายามที่จะโยงให้ถึงพล.ต.ท.ประชิน วารี หัวหน้าสำนักงานรรท.ผบ.ตร. ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับพล.ต.อ.ปทีปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างครั้งดังกล่าว ทั้งนี้ก็เพื่อกดดันให้มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะทำให้พล.ต.อ.ปทีป เกิดรอยด่างพร้อย ทำให้นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถที่จะเสนอชื่อพล.ต.อ.ปทีปขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ตร.ในที่ประชุมก.ต.ช.ได้

**เปิดแผนสับคัตเอาท์เสียง ก.ต.ช.

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับพ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ที่ถูกตำรวจกองปราบออกหมายเรียก และบุกค้นบ้านย่านปากเกร็ดในครั้งนี้นั้น พ.ต.อ.รวมนคร ถือเป็นบุคคลสำคัญในการประสานเรื่องคะแนนเสียงในก.ต.ช. และหากฝ่ายตรงข้าม สามารถตัดคัตเอาท์ที่พ.ต.อ.รวมนครได้ ก็จะส่งผลให้เสียงก.ต.ช.ฝั่งของพล.ต.อ.ปทีป อ่อนกำลังลงได้ และกรณีดังกล่าวก็จะส่งผลให้ การเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผบ.ตร.ต้องเริ่มต้นไปนับ 1 กันใหม่ ซึ่งเมื่อถึงวินาทีนั้น ก็จะมีเพียงนายตำรวจฝ่ายตรงข้ามกับพล.ต.อ.ปทีป เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการเสนอชื่อ

**"เทือก"ยันเรื่องเกิดตั้งแต่ปีมะโว้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องตำรวจกองปราบปราม บุกค้น คฤหาสน์อดีต ผอ.สำนักงบฯและอดีตนายตำรวจที่เป็นนักธุรกิจที่ทุจริตการจัดซื้อรถ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ไม่ได้รับรายงาน ไม่มีคนมารายงานตน เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจตามปกติที่ไม่ใช่งานนโยบาย ไม่จำเป็นจะต้องรายงาน ยกเว้นกรณีเรื่องยาเสพติด เรื่องความมั่นคง นอกนั้น จะไปดำเนินคดีกับใคร เรื่องอะไร ส่วนใหญ่ตนไม่ได้ลงไปในรายละเอียดอยู่แล้ว

ส่วนที่มีข่าวว่าเกี่ยวพันกับ พล.ต.ท. ระดับบิ๊กที่ตั้งข้อสังเกตว่าเกี่ยวข้องกับโผโยกย้ายช่วงนี้หรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ตนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เขาบอกว่าเป็นการสืบสวนสอบสวนในทางลับมาหลายปีแล้ว ซึ่งตนไม่ทราบ

ส่วนมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างรถจักรยานยนต์ของ สตช.และยังมี โครงการอื่นๆ อีกหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะเหตุเกิดขึ้น ก่อนที่ตนจะมารับหน้าที่ และไม่ใช่คำสั่งวระดับนโยบาย.
กำลังโหลดความคิดเห็น