xs
xsm
sm
md
lg

แฉคดีฮั้วประมูลรถ ตร.แผนสกัดตั้ง ผบ.ตร.-ป.ยันทำตามหน้าที่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป.เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
กองปราบร้อนตัว แถลงการเข้าค้นบ้านอดีต ผอ.สำนักงบประมาณ และบ้านที่เกี่ยวข้องฮั้วประมูลรถ จยย.สายตรวจ 1.2 หมื่นล้าน ไม่ใช่การดิสเครดิตใครบางคน ยันทำตามหน้าที่ พร้อมสั่งสอบเส้นทางการเงิน แหล่งข่าวเผย เป็นเกมท้าอำนาจนายกฯขวางการตั้ง ผบ.ตร.ตัวจริง วางแผนกันในบ้านนักการเมืองดังป้ายสีใส่ “ปทีป” และสับคัตเอาต์เสียง ก.ต.ช.

วันนี้ (26 พ.ย.) ที่กองปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รรท.รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป.พร้อมกำลัง เข้ายื่นหมายเรียกที่บ้านพัก นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และเข้าตรวจค้น 3 จุด ได้แก่ 1.ที่ บริษัท มิลเลนเนี่ยม มอเตอร์ จำกัด ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ 2.ที่บ้านเลขที่ 5/55 หมู่บ้านคฤหาสน์ทายาท ถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บ้านพักของ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจชื่อดัง ผู้บริหาร บริษัท อาร์เอ็นที จำกัด และ 3.ที่บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ เลขที่ 2 ถนนลาดพร้าว ซอย 21 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.ซึ่งต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกรณีการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานรัฐ รวมมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท โดยสามารถยึดเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไว้ตรวจสอบนั้น

ความคืบหน้าคดีดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ทำหนังสือ ที่ ตช 0026.92/4907 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552 เรื่อง ขอส่งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตรวจพิสูจน์ ส่งถึงปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงไอซีที คัดลอกข้อมูลทั้งหมดของเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง ที่ตรวจยึดมาจากบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ เพื่อตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อันเกี่ยวกับการประมูลจัดซื้อจัดจ้างและการทำนิติกรรมใดๆ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สัญญาต่างๆ ตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดี และส่งข้อมูลการตรวจสอบทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดีต่อไป

สำหรับเครื่องซีพียู ทั้ง 6 เครื่อง ประกอบด้วย ซีพียู ยี่ห้อ MPP หมายเลขเครื่อง A 051671 จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข A 051672 จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข A 051675 จำนวน 1 เครื่อง และซีพียู ยี่ห้อ HP Pavillion หมายเลข G 12501 จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข G 33701 จำนวน 1 เครื่อง หมายเลข THT 5031265 จำนวน 1 เครื่อง

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.พ.ต.อ.สุพิศาล ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวจำนวน 10 นาย เพื่อติดตามความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้มาจากการเข้าตรวจค้นทั้ง 3 จุด โดย พ.ต.อ.สุพิศาล ระบุว่า คดีนี้มีผลกระทบถึงบุคคลหลายคนซึ่งเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน และแม้ว่าการดำเนินการครั้งนี้จะมีคำปรามาสว่าเป็นการดิสเครดิตบุคคลบางคน แต่ทางพนักงานสอบสวนก็ยืนยันที่จะเดินหน้าไปตามพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ จากนั้นได้เชิญสื่อมวลชนออกนอกห้องประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า ทางพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องการสืบสวนทางคดีเพิ่มเติม และ 2.การสอบปากคำพยานที่มีการออกหมายเรียกไปแล้วทั้ง พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจหน้าห้อง พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง นายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ส จำกัด นางปราณี ศุกระศร รักษาการแทน ผอ.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ภายในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ เพื่อให้ทราบแนวทางคดีว่ามีกระบวนการอย่างไร รวมทั้งส่งเครื่องซีพียูที่ตรวจยึดมาจากบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด ไปตรวจสอบที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)

พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวต่อว่า ในส่วนของเอกสารที่ยึดมาได้นั้นจะเรียกเจ้าของเอกสารมาชี้แจงว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร การปรากฏของเอกสารเนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ นอกจากนี้ก็จะตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการ และกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีการดำเนินการในทางลับโดยจะเรียกมาสอบปากคำว่าเดินทางไปทำอะไร และเรียกพยานที่เป็นบริษัทเอกชนซึ่งเข้ายื่นประมูลโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์แต่ไม่ได้รับประมูลงาน เช่น ผู้แทนบริษัท แพลทตินั่ม มอเตอร์ เซลส์ จำกัด

“ทางพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบทรัพย์สินที่มอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อจูงใจ ในการกระทำความผิด การตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีการจ่ายโอนเข้าบัญชีธนาคารผู้ใด ความเคลื่อนไหวบัญชีธนาคาร ของบริษัท คาร์แทร็กกิ้ง จำกัด ซึ่งจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การสืบสวนคดีดังกล่าวมีการใช้หลักพฤติกรรมศาสตร์มาช่วย เพราะกลุ่มคนพวกนี้มักจะก่อเหตุซ้ำๆ กัน มีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตฮั้วประมูลหลายคดีทำให้เกิดความเสียหายเป็นอันมาก มีบริษัทที่เป็นนอมินี ซึ่งดูแลกิจการต่างๆ มากระทำการแทนส่วน พล.ต.อ.และ พล.ต.ท.จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกันอย่างไรกับบุคคลที่ถูกตรวจค้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้จักใครเลยรู้จักเพียง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ เท่านั้น” พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวติดตลก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ประกอบด้วย การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารของผู้ที่เกี่ยวข้อง การส่งคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที.) การเรียกเจ้าของเอกสารมาพบเพื่อชี้แจงพร้อมบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐาน การตรวจสอบการขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศของข้าราชการจากหน่วยงานต้นสังกัด การสอบปากคำพยานภาคเอกชน และตรวจสอบการถือกรรมสิทธิ และการครอบครองรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ออกหมายเรียก น.ส.รัชนก แจ๊ะซ้าย กับพวก เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับคดีแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และความผิดอาญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยส่งหมายดังกล่าวไปยังกรรมการบริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส เลขที่ 769 ถนนสุขุมวิท ซอย 43 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.กำหนดให้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากชุดสืบสวน บก.ป.ได้ทำหนังสือ ที่ ตช 0026.2/4886 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ถึงบริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลการครอบครองรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน วม 666 กทม.ซึ่ง นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ใช้อยู่นั้น พบชื่อของ นายอุทัย คำน้อย อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 2 ต.บ้านเป้า อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ซื้อผ่านทางบริษัท สยามคาร์เรนท์ จำกัด และปรากฎเอกสารหลักฐานที่บริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด ซึ่งนอกจากนี้ จะขายรถยนต์แล้วยังประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์กับหน่วยงานรัฐอีกด้วย

แฉแก๊งขวางตั้ง ผบ.ตร.

มีรายงานว่า การที่กองปราบปราม ได้ขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา โดยทำให้เป็นเรื่องที่มีการเข้าแจ้งความ และบุกเข้าตรวจค้นบริษัท บ้านของบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น เรื่องดังกล่าว ถูกวางแผนขึ้นเมื่อคืนวันที่ 24 พ.ย.ที่บ้านพักของอดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่ถอดใจออกจากการเมืองไปก่อนหน้านี้ โดยมีคีย์แมนเป็นนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.อักษรย่อ จ.เข้าร่วมกำหนดแผนการปฏิบัติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นเกมทำลายการขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ของ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.โดยสาเหตุที่เลือกจังหวะเวลาในการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวนั้น สืบเนื่องมาจากในวันนี้ (27 พ.ย.) มีกำหนดการที่นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.ประกอบกับคณะกรรมการ ก.ต.ช.ที่จะเข้าร่วมประชุม จะมีครบตามจำนวน หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เลือก ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิแทน นายปิยะพันธุ์ นิมมานเหมินท์ ที่ลาออกไป และที่ประชุม ตร.มีมติเลือก นางสุภา ปิยะจิตติ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็น ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิแทน ซึ่งจะส่งผลให้ ประธานในการประชุมคือนายกรัฐมนตรี สามารถที่จะเสนอชื่อผู้ที่จะดำรวงตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อที่ประชุม ก.ต.ช.ได้ ทางฝ่ายตรงข้าม จึงมีการนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกันที่บ้านพักนักการเมืองคนดังกล่าว จนกระทั่งกำหนดขุดเรื่องเก่าขึ้นมา เพื่อเป็นการดิสเครดิต พล.ต.อ.ปทีป โดยเฉพาะ แต่ก่อนหน้านี้ มีรายงานระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมเสนอชื่อ นายบัณฑูร สุภัควาณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ เป็นหนึ่งในตัวเลือกเป็น ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิเข้าที่ประชุม ก.ต.ช.แต่เมื่อตำรวจกองปราบปรามไปตรวจค้นบ้านพักนายบัณฑูร ทำให้ ตร.ตัดชื่อนายบัณฑูรออกไป

เผยใช้เล่ห์ชั้นเซียนป้ายสี “ปทีป”

แหล่งข่าวระบุอีกว่า การเข้าดำเนินการด้วยการจู่โจมของกองปราบปรามในครั้งนี้นั้น ขั้นตอนของการปฏิบัติงานเป็นไปไม่ได้ที่ตัว ผบ.ตร.จะไม่ทราบเรื่อง แม้กรณีที่เกิดขึ้น จะไม่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ปทีป โดยตรง แต่จะมีการโยงไปถึงเรื่องการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างในทางอ้อม โดยเน้นไปที่คนใกล้ชิด พล.ต.อ.ปทีป เพื่อหวังผลให้ในการประชุม ก.ต.ช.ในวันนี้ (27 พ.ย.) คณะกรรมการ ก.ต.ช.จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ เสมือนหนึ่งเป็นการสร้างมลทินให้กับ พล.ต.อ.ปทีป และแม้จะไม่สามารถสร้างมลทินโดยตรงให้กับ พล.ต.อ.ปทีป ได้ แต่ก็มีความพยายามที่จะโยงให้ถึง พล.ต.ท.ประชิน วารี หัวหน้าสำนักงาน รรท.ผบ.ตร.ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ต.อ.ปทีป ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างครั้งดังกล่าว ทั้งนี้ ก็เพื่อกดดันให้มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะทำให้ พล.ต.อ.ปทีป เกิดรอยด่างพร้อย ทำให้นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถที่จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในที่ประชุม ก.ต.ช.ได้

เปิดแผนสับคัตเอาต์เสียง ก.ต.ช.

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ที่ถูกตำรวจกองปราบออกหมายเรียก และบุกค้นบ้านย่านปากเกร็ดในครั้งนี้นั้น พ.ต.อ.รวมนคร ถือเป็นบุคคลสำคัญในการประสานเรื่องคะแนนเสียงใน ก.ต.ช.และหากฝ่ายตรงข้าม สามารถตัดคัตเอาต์ที่ พ.ต.อ.รวมนคร ได้ ก็จะส่งผลให้เสียง ก.ต.ช.ฝั่งของ พล.ต.อ.ปทีป อ่อนกำลังลงได้ และกรณีดังกล่าวก็จะส่งผลให้การเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ต้องเริ่มต้นไปนับ 1 กันใหม่ ซึ่งเมื่อถึงวินาทีนั้น ก็จะมีเพียงนายตำรวจฝ่ายตรงข้ามกับ พล.ต.อ.ปทีป เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับการเสนอชื่อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ลำเลียงเครื่องซีพียู ให้กระทรวงไอซีที ตรวจสอบ
กำลังโหลดความคิดเห็น