xs
xsm
sm
md
lg

จยย.สายตรวจฉาว กองปราบบุกค้นหลักฐาน ยันไม่โยงเก้าอี้ว่าที่ ผบ.ตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“พงศ์พัฒน์”ทิ้งทวนนำกำลังกว่า 50 นาย บุกค้นบ้านอดีต ผอ.สำนักงบประมาณ และนักธุรกิจอดีตนายเวร “สันต์ ศรุตานนท์” ฮั้วประมูลซื้อ จยย.สายตรวจของ สตช. เตรียมเรียกสอบ“พล.ต.อ.-พล.ต.ท.”ในราชการโยงเอี่ยวความเสียหาย 1.2 หมื่นล้าน "ปทีป"อ้างไม่รู้เรื่องกองปราบฯ บุกตรวจทุจริตใน ตร. บอกแค่ทำหน้าที่ปกติ ไม่เกี่ยวเก้าอี้ ว่าที่ ผบ.ตร.


วานนี้(25 พ.ย.)พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการรอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ รักษาการ ผบก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย เข้าตรวจค้นผู้เกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลรถจักรยานสายตรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งใน กทม.และปริมณฑล รวม 4 จุด ภายหลังได้รับการร้องทุกข์ว่ามีการทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างเกิดขึ้นหลายโครงการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานรัฐอีกหลายแห่ง โดยมีกลุ่มบุคคลทั้งในและนอกราชการร่วมมือกันเป็นขบวนการ โดยเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่าความเสียหายมากถึง 12,000 ล้านบาท

จุดแรก พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิรักษ์ สิทธิสมบูรณ์ สว.กก.ปพ.บก.ป. นำกำลังเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 161/9 ซอยติวานนท์ 24 แยกซอยเทพพนม 1/7 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีต ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เพื่อส่งหมายเรียกตัวให้มาสอบปากคำในคดี เนื่องจากพบว่าสำนักงบประมาณมีส่วนเกี่ยวพันกับการจ่ายงบในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ มายัง สตช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกหลายแห่ง

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ในเนื้อที่หลายไร่ มีรั้วสูงทึบ และไม่มีผู้ใดออกมาเปิดประตูให้กับเจ้าหน้าที่ เมื่อไม่พบว่านายบัณฑูร อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ จึงนำกำลังเดินทางต่อไปที่บ้านพักอีกหลังหนึ่งของนายบัณฑูร ที่บ้านเลขที่ 7/348 ซอยวิภาวดีรังสิต 36 แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อไปถึงพบว่าบ้านปิดเงียบเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงกดกริ่งเรียก ทางเจ้าของบ้านจึงได้เปิดประตูไฟฟ้า พร้อมกับให้เด็กภายในบ้านออกมาพบและรับหมายเรียกไปเซ็นรับทราบหมายเรียกนายบัณฑูร

**ค้นบ้าน พ.ต.อ.รวมนคร

จุดที่ 2 พ.ต.อ.สุพิศาล พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4 บก.ป.พร้อมกำลังกว่า 20 นาย นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 5/55 หมู่บ้านคฤหาสน์ทายาท ถนนติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บ้านพักของ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจชื่อดัง ผู้บริหารบริษัท อาร์เอ็นที จำกัด ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นคฤหาสน์หรูทรงยุโรป 2 ชั้น ปลูกอยู่ในเนื้อที่กว่า 2 ไร่ เมื่อตำรวจเดินทางไปถึงคนงานภายในบ้านได้ออกมาพบโดยไม่ยอมให้เข้าไปภายใน อ้างว่าต้องติดต่อกับเจ้าของบ้านให้รับทราบเสียก่อน ทั้งที่ตำรวจได้แสดงหมายค้นของศาลอาญาให้ดูแล้ว

ต่อมามีหญิงสาวคนหนึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของ พ.ต.อ.รวมนคร ออกมาแสดงตัวแต่ยังไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน ทาง พ.ต.อ.สุพิศาล จึงติดต่อกับ พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรานนท์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ให้เดินทางมาที่บ้านดังกล่าว เมื่อมาถึงแล้วจึงได้โทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.อ.รวมนคร ปรากฏว่า พ.ต.อ.รวมนคร อยู่ภายในบ้านดังกล่าวจึงยอมให้ตรวจค้น แต่ขอให้ตรวจค้นร่วมกับตำรวจท้องที่ นอกจากนี้ ทาง พ.ต.อ.รวมนคร ยังมีเงื่อนไขไม่ยอมให้กำลังตำรวจกระจายกันตรวจค้น แต่ต้องรวมกันเป็นจุดภายในบ้านเท่านั้น โดยเบื้องต้นสามารถยึดเอกสารต่างๆ และเอกสารภายในรถยนต์มาตรวจสอบจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบโผรายชื่อนายตำรวจที่ขอเสนอให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ด้วย

**ค้นโรงงานรถ จยย.ไทเกอร์

จุดที่ 3 พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป.นำกำลังกว่า 10 นาย เข้าตรวจค้นที่บริษัท มิลเลนเนี่ยม มอเตอร์ จำกัด ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อไทเกอร์ ก่อนยึดเอกสารและข้อมูลที่บันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับการซื้อขายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อดังกล่าวกับทาง สตช.มาตรวจสอบ

จุดสุดท้าย พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปพ.บก.ป.นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ จำกัด เลขที่ 2 ถนนลาดพร้าว ซอย 21 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารมาตรวจสอบจำนวน 13 ลัง ตู้เอกสาร 3 ชั้น 1 ตู้ นอกจากนี้ยังตรวจยึดเครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ 6 เครื่อง มาตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง รวมทั้งเครื่องย่อยเอกสารอีก 1 เครื่อง เพื่อนำมาตรวจสอบด้วย

สำหรับการเข้าตรวจค้นในจุดนี้ เนื่องจากชุดสืบสวนพบว่ามีเอกสารการซื้อขายรถยนต์ที่บริษัทแห่งนี้และเกี่ยวโยงกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งกับผู้บริหารของบริษัทเอกชน

**"พงศ์พัฒน์"ยันทำผิดเป็นขบวนการ

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.วารินทร์ แก้วชมพู รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองตรวจสอบภายใน 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อทาง บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.รัชนก แจ๊ะซ้าย กรรมการบริษัท คาร์แทร็กกิ้ง จำกัด และนายปิติ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการบริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด กับพวก ในความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ซึ่งจากเรื่องร้องเรียนทาง บก.ป.ได้สืบสวนสอบสวนกระทั่งพบว่า บริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด กับพวกได้ร่วมกับกลุ่มนักธุรกิจและข้าราชการทั้งใน สตช.และสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ร่วมกันกระทำความผิดกันในลักษณะเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันทำ

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบว่า การดำเนินการของผู้เกี่ยวข้องหลายคนที่มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน ซึ่งเข้าข่ายการร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำความผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความผิดต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งการสืบสวนขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เบื้องต้นจึงต้องออกหมายเรียกตัวให้ผู้เกี่ยวข้อง คือ นายบัณฑูร เข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.

**หมายเรียกรักษาการ ผอ.ขสมก.

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ กล่าวอีกว่า นอกจาก นายบัณฑูร ทาง บก.ป.ได้ออกหมายเรียกนางปราณี ศุกระศร รักษาการแทน ผอ.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนด้วย เนื่องจากพบด้วยว่ามีความเกี่ยวพันกันในบางประเด็น อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาต่อใคร เพียงแต่ต้องการมาสอบสวนก่อนเท่านั้น

ทั้งนี้ การเข้าตรวจค้นและยื่นหมายเรียกในครั้งนี้เป็นการหาข้อมูลและพยานหลักฐาน ก่อนจะรวบรวม เพื่อเสนอขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดต่อไป ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงเนื่องจากเป็นการร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการเพื่อโกงงบประมาณของรัฐ จึงจำเป็นจะต้องเร่งคลี่คลายเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็ว

**พาดพิงนายตำรวจระดับสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คดีนี้เป็นคดีที่ บก.ป.ใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีการพาดพิงไปถึงนายตำรวจระดับสูงหลายนายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เกษียณอายุราชการ และที่ยังรับราชการอยู่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการคลังและหน่วยงานรัฐหลายแห่ง

มีรายงานด้วยว่า ภายหลังการสอบปากคำนายบัณฑูร และนางปราณี ทาง บก.ป.ได้เตรียมออกหมายเรียกนายตำรวจระดับสูงยศ “พล.ต.ท.”อักษรย่อ “ป.” ซึ่งปัจจุบันยังรับราชการใน สตช.มาสอบปากคำด้วย และตามแนวทางการสืบสวนอาจจะสาวไปถึงนายตำรวจยศ “พล.ต.อ.”คนหนึ่งที่ยังรับราชการ เพราะมีความเกี่ยวพันในการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใสระหว่างบริษัทเอกชนกับ สตช.หลายกรณี

**"พ.ต.อ.รวมนคร"เป้าหมายสำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ พ.ต.อ.รวมนคร นั้นถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ โดย พ.ต.อ.รวมนคร เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 42 เคยเป็นนายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.และเป็นอดีตนายตำรวจที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งคนหนึ่งที่ทำธุรกิจประมูลงานกับหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะงานประมูลที่เกี่ยวข้องกับ สตช.จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไทยลองสเตย์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว บริษัท เอ็นจีวี กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจปั๊มแก๊สเอ็นจีวี และบริษัท อาร์.เอ็น.ที.เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ผลิตและเช่าเวลารายการสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง

นายตำรวจที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.อ.รวมนคร ระบุว่า พ.ต.อ.รวมนคร เป็นคนเรียนดีมาตั้งแต่เด็กสอบเอนทรานซ์ติดในระดับอุดมศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ และสอบติดทั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เลือกเรียนตำรวจด้วยความที่เป็นคนรู้จักคนเยอะ ทั้งในวงการตำรวจ และทหาร รับราชการเป็นตำรวจตามโรงพักในนครบาล หลาย สน.เป็นเวลา 12 ปี ต่อมา มีโอกาสทางธุรกิจจากคำแนะนำของนายทหารคนหนึ่งให้เข้ามาทำธุรกิจผลิตรายการสำหรับสถานีโทรทัศน์โกลบอลเน็ตเวิร์ค จึงเปิด บริษัท อาร์.เอ็น.ทีฯ และยังได้สัมปทานโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมจากกรมประชาสัมพันธ์ และที่ทำให้ พ.ต.อ.รวมนคร เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นคือการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเช่าเวลารายการโทรทัศน์ ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และธุรกิจสิ่งพิมพ์

**"ปทีป"อ้างไม่เกี่ยวเก้าอี้ ว่าที่ ผบ.ตร.

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีตำรวจกองปราบปราม นำหมายค้นไปตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนายตำรวจหลายนายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว แต่คิดว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจกองปราบตามปกติ ซึ่งเมื่อมีคนไปแจ้งความร้องทุกข์ หากเกิดความสงสัย เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจค้นตามปกติ เพราะเป็นหน้าที่

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวพันกับอดีตผบ.ตร.ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ยังคาดเดาไม่ได้ เพราะตนยังไม่ได้รับรายงาน และไม่ได้พูดคุยกับ ผบก.ป. เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวมีการร้องทุกข์กล่าวโทษมานานแล้ว รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี เพราะช่วงนั้น ตนเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเรื่องดังกล่าว จึงไม่ทราบรายละเอียด ต้องรอให้รายงานขึ้นมาก่อน ซึ่งตนยึดหลักว่าใครคุมเรื่องอะไร คนนั้นต้องไปดูรายละเอียดเรื่องนั้น

เมื่อถามว่า การกระทำครั้งนี้เป็นการหวังผลทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า อย่าไปคาดเดา รอให้มีการรายงานขึ้นมาก่อน และคิดว่าเรื่องนีคงไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง ว่าที่ ผบ.ตร.
กำลังโหลดความคิดเห็น