ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กทหารไทยยันปีหน้าล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยงทั้ง 1 แสนล้านบาทแน่ พร้อมตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อรวมปีหน้า 2 เท่าของจีดีพีที่คาดว่าจะโต 3-4% ส่วนสินเชื่อปีนี้ยอมรับติดลบ 10% จากเดิมคาดติดลบ 6 -8% ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่หวัง 2 เดือนโค้งสุดท้ายโต 5%
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เปิดเผยว่า การดำเนินการล้างขาดทุนสะสมของธนาคารก็ยังยืนยันตามแผนเดิมที่วางไว้ว่าจะเป็นในปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดทั้ง 1 แสนล้านบาท เนื่องจากธนาคารยังไม่พบปัจจัยที่จะมากระทบต่อความสามารถโดยเฉพาะตัวผลกำไร เพราะ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนเรื่องของสินเชื่อรวมในปีหน้าธนาคารได้ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อเป็น 2 เท่าของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3-4% ซึ่งอัตราการเติบโตสินเชื่อของธนาคารทหารไทยจะเป็นในลักษณะที่คล้ายกับระบบธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อไวที่ 1.5-2 เท่าของจีดีพีและเป็นการวางเป้าหมายที่เน้นขยายสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และธนาคารยังให้ความสนใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมประมูลสินเชื่อภาครัฐในโครงการไทยเข้มแข็ง ตามสัดส่วนที่ธนาคารมีอยู่ในตลาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดการปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2552 นี้จะติดลบที่ประมาณ 10% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 6% ถึงติดลบ 8% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวอยู่ อีกทั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับโครงสร้างของธนาคาร แล้วจึงเริ่มออกเยี่ยมลูกค้าตามสาชาต่างๆทั่วประเทศในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้นรวมไปถึงตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆก็ทยอยออกมา ดังนั้นยอดสินเชื่อจึงยังเติบโตได้ไม่มากนัก
ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายจะผลักดันการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ (corporate) ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ให้เติบโต 5% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจขนาดใหญ่หลายรายเป็นวงเงินราว 5-6 พันล้านบาท รวมถึงการปล่อยกู้ให้ บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (BIGC) ที่กำลังจะมีการเซ็นสัญญากันใน 1-2 วันนี้
และล่าสุดธนาคารทหารไทยร่วมกับบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MFG สนับสนุนสินเชื่อเพื่อแฟรนไชส์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และสเวนเซ่นส์ โดยการร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการให้สินเชื่อที่ผู้กู้จะได้รับสิทธิพิเศษวงเงินที่สูงสุดถึง 3 เท่าของหลักประกัน และระยะเวลากู้สูงสุดถึง 5 ปี โดยผู้ประกอบการแฟรนไชส์ สามารถกู้เพื่อเป็นเงินทุนในการเปิดสาขา ขยายสาขา ปรับปรุงกิจการ หรือรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ คาดว่าวงเงินปล่อยกู้ดังกล่าวจะมีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท และสามารถเพิ่มจำนวนสาขาให้แก่เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และสเวนเซ่นส์ได้มากขึ้นกว่าร้อยละ 30
“เราจะพยายามผลักดันยอดสินเชื่อรายใหญ่ให้เติบโตมากที่สุด ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ แม้ว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้การปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ขยายตัวเป็นบวกได้ เนื่องจากภาครัฐได้ชำระคืนหนี้สูงถึง 5 พันล้านบาท ประกอบกับฐานสินเชื่อของปีก่อนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 ที่สินเชื่อทั้งระบบโตกว่า 11% เป็นผลจากต้นทุนภาคธุรกิจสูงและราคาน้ำมันแพง ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาฐานสินเชื่อรายใหญ่คงค้างของธนาคารจะอยู่ที่ 1.6-1.7 แสนล้านบาท
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เปิดเผยว่า การดำเนินการล้างขาดทุนสะสมของธนาคารก็ยังยืนยันตามแผนเดิมที่วางไว้ว่าจะเป็นในปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดทั้ง 1 แสนล้านบาท เนื่องจากธนาคารยังไม่พบปัจจัยที่จะมากระทบต่อความสามารถโดยเฉพาะตัวผลกำไร เพราะ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ส่วนเรื่องของสินเชื่อรวมในปีหน้าธนาคารได้ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อเป็น 2 เท่าของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3-4% ซึ่งอัตราการเติบโตสินเชื่อของธนาคารทหารไทยจะเป็นในลักษณะที่คล้ายกับระบบธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อไวที่ 1.5-2 เท่าของจีดีพีและเป็นการวางเป้าหมายที่เน้นขยายสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และธนาคารยังให้ความสนใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมประมูลสินเชื่อภาครัฐในโครงการไทยเข้มแข็ง ตามสัดส่วนที่ธนาคารมีอยู่ในตลาดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดการปล่อยสินเชื่อรวมในปี 2552 นี้จะติดลบที่ประมาณ 10% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 6% ถึงติดลบ 8% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวอยู่ อีกทั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับโครงสร้างของธนาคาร แล้วจึงเริ่มออกเยี่ยมลูกค้าตามสาชาต่างๆทั่วประเทศในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาเท่านั้นรวมไปถึงตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆก็ทยอยออกมา ดังนั้นยอดสินเชื่อจึงยังเติบโตได้ไม่มากนัก
ด้านนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายจะผลักดันการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ (corporate) ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ให้เติบโต 5% โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาปล่อยกู้ให้กับภาคธุรกิจขนาดใหญ่หลายรายเป็นวงเงินราว 5-6 พันล้านบาท รวมถึงการปล่อยกู้ให้ บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (BIGC) ที่กำลังจะมีการเซ็นสัญญากันใน 1-2 วันนี้
และล่าสุดธนาคารทหารไทยร่วมกับบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MFG สนับสนุนสินเชื่อเพื่อแฟรนไชส์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และสเวนเซ่นส์ โดยการร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการให้สินเชื่อที่ผู้กู้จะได้รับสิทธิพิเศษวงเงินที่สูงสุดถึง 3 เท่าของหลักประกัน และระยะเวลากู้สูงสุดถึง 5 ปี โดยผู้ประกอบการแฟรนไชส์ สามารถกู้เพื่อเป็นเงินทุนในการเปิดสาขา ขยายสาขา ปรับปรุงกิจการ หรือรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ คาดว่าวงเงินปล่อยกู้ดังกล่าวจะมีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท และสามารถเพิ่มจำนวนสาขาให้แก่เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และสเวนเซ่นส์ได้มากขึ้นกว่าร้อยละ 30
“เราจะพยายามผลักดันยอดสินเชื่อรายใหญ่ให้เติบโตมากที่สุด ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ แม้ว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้การปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ขยายตัวเป็นบวกได้ เนื่องจากภาครัฐได้ชำระคืนหนี้สูงถึง 5 พันล้านบาท ประกอบกับฐานสินเชื่อของปีก่อนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 ที่สินเชื่อทั้งระบบโตกว่า 11% เป็นผลจากต้นทุนภาคธุรกิจสูงและราคาน้ำมันแพง ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาฐานสินเชื่อรายใหญ่คงค้างของธนาคารจะอยู่ที่ 1.6-1.7 แสนล้านบาท