ASTVผู้จัดการรายวัน- พพ.ถกผู้ค้าน้ำมันวันนี้(24พ.ย.)ขอความร่วมมือซื้อบี 100 จากแหล่งผลิตในประเทศเป็นหลักก่อน ล้อมคอกอ้างไม่พอแล้วนำเข้ามาแทน หวังเตรียมรับนโยบายกระทรวงพลังงานที่เตรียมบังคับขายบี 3 ในปี 2553 ด้านผู้ผลิตบี-100 ยันวัตถุดิบเพียงพอกรณีบังคับบี3
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ รักษาการผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พ.ย.) จะเชิญผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 มาหารือถึงแนวทางร่วมมือในการผสมน้ำมันไบโอดีเซล(บี100)ในดีเซลโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะต้องใช้บี 100 ในประเทศเป็นหลักแทนการนำเข้าเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะในปี 2553 กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะบังคับการจำหน่ายบี 2 เป็นบี 3 แทนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้บี 100 ในประเทศ
ทั้งนี้ ปี 2552 มีโรงงานไบโอดีเซล 2 แห่ง นำเข้าไขมันปาล์มจากต่างประเทศมาผลิตไบโอดีเซล บี 100 โดยอ้างว่าวัตถุดิบไม่เพียงพอ แต่การดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมพลังงานทดแทน ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อสินค้าเกษตรของไทย ดังนั้นจึงต้องหารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมันว่า การซื้อ บี 100 ควรจัดทำเอกสารเพิ่มเติม เพื่อจะได้รับทราบว่าวัตถุดิบมาจากที่ใด โดยกระทรวงฯ ขอความร่วมมือว่าควรจะมาจากแหล่งในประเทศเท่านั้น
“ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถประกาศว่าต้องซื้อวัตถุดิบจากในประเทศเท่านั้น เพราะขัดกับหลักการค้าเสรี จึงต้องขอความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทยมากที่สุด และที่สำคัญไทยยังมีการใช้กองทุนน้ำมันเข้า อุดหนุน บี 5 ถึง 81 สตางค์/ลิตรซึ่งเป็นเงินของคนไทย ” นายประพนธ์ กล่าว
ทั้งนี้จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าปี 2553 จะมีปริมาณรวม 1.7 ล้านตัน เป็นน้ำมันเพื่อการบริโภค 1 ล้านตัน ที่เหลือจึงนำมาใช้ผลิต บี 100 และส่งออก โดยคาดว่าความต้องการใช้ บี 100 ปีหน้า ในกรณีที่กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาประกาศใช้บี 3 ทดแทน บี 2 ในขณะที่ บี 5 ยังส่งเสริมการใช้ต่อเนื่องบนพื้นฐานว่าจะมีการใช้กลุ่มดีเซลรวม 50 ล้านลิตร/วัน ก็คาดว่าความต้องการ บี 100 จะเพิ่มจาก 1.6 ล้านลิตร/วัน เป็น 2 ล้านลิตร/วัน ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่เพียงพอไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศแต่อย่างใด โดยปัจจุบันไทยมีโรงงานบี 100 จำนวน 13 แห่ง กำลังผลิต 4.4 ล้านลิตร/วัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2553กระทรวงพลังงานจะออกมาตรการบังคับให้มีการผสมไบโอดีเซล(บี100)ในน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันที่บังคับเติม 2% เป็น 3% เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้บี 100 มากขึ้นโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2553 เฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ระดับ 75-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นคาดว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไทยไม่น่าเกิน 30 บาท/ลิตร แต่รัฐบาลก็จะมีนโยบายที่จะมุ่งผลักดันเรื่องพลังงานทดแทนให้มากขึ้น”นายวีระพลกล่าว
นายชาญชิต นาวงศ์ศรี ผู้จัดการโรงงานเอเชียนน้ำมันปาล์มจำกัด กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจะบังคับการจำหน่ายน้ำมันดีเซลที่เดิมเติมบี 100 เพียง 2% เป็น 5% เนื่องจากจะเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในประเทศเพิ่มขึ้นแต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่ใช่การนำเข้ามาหากเป็นเช่นนั้นเกษตรกรไทยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร โดยยืนยันว่าหากบังคับผสม 3% เป็นบี 3 ปริมาณบี 100 จะเพียงพอแต่กรณีบังคับเป็นบี 5 ในปี 2553 คงไม่พออย่างแน่นอน
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ รักษาการผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พ.ย.) จะเชิญผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 มาหารือถึงแนวทางร่วมมือในการผสมน้ำมันไบโอดีเซล(บี100)ในดีเซลโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะต้องใช้บี 100 ในประเทศเป็นหลักแทนการนำเข้าเพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะในปี 2553 กระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะบังคับการจำหน่ายบี 2 เป็นบี 3 แทนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้บี 100 ในประเทศ
ทั้งนี้ ปี 2552 มีโรงงานไบโอดีเซล 2 แห่ง นำเข้าไขมันปาล์มจากต่างประเทศมาผลิตไบโอดีเซล บี 100 โดยอ้างว่าวัตถุดิบไม่เพียงพอ แต่การดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการส่งเสริมพลังงานทดแทน ที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อสินค้าเกษตรของไทย ดังนั้นจึงต้องหารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมันว่า การซื้อ บี 100 ควรจัดทำเอกสารเพิ่มเติม เพื่อจะได้รับทราบว่าวัตถุดิบมาจากที่ใด โดยกระทรวงฯ ขอความร่วมมือว่าควรจะมาจากแหล่งในประเทศเท่านั้น
“ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถประกาศว่าต้องซื้อวัตถุดิบจากในประเทศเท่านั้น เพราะขัดกับหลักการค้าเสรี จึงต้องขอความร่วมมือเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทยมากที่สุด และที่สำคัญไทยยังมีการใช้กองทุนน้ำมันเข้า อุดหนุน บี 5 ถึง 81 สตางค์/ลิตรซึ่งเป็นเงินของคนไทย ” นายประพนธ์ กล่าว
ทั้งนี้จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าปี 2553 จะมีปริมาณรวม 1.7 ล้านตัน เป็นน้ำมันเพื่อการบริโภค 1 ล้านตัน ที่เหลือจึงนำมาใช้ผลิต บี 100 และส่งออก โดยคาดว่าความต้องการใช้ บี 100 ปีหน้า ในกรณีที่กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาประกาศใช้บี 3 ทดแทน บี 2 ในขณะที่ บี 5 ยังส่งเสริมการใช้ต่อเนื่องบนพื้นฐานว่าจะมีการใช้กลุ่มดีเซลรวม 50 ล้านลิตร/วัน ก็คาดว่าความต้องการ บี 100 จะเพิ่มจาก 1.6 ล้านลิตร/วัน เป็น 2 ล้านลิตร/วัน ซึ่งนับว่าเป็นปริมาณที่เพียงพอไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศแต่อย่างใด โดยปัจจุบันไทยมีโรงงานบี 100 จำนวน 13 แห่ง กำลังผลิต 4.4 ล้านลิตร/วัน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าในปี 2553กระทรวงพลังงานจะออกมาตรการบังคับให้มีการผสมไบโอดีเซล(บี100)ในน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันที่บังคับเติม 2% เป็น 3% เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้บี 100 มากขึ้นโดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2553 เฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ระดับ 75-85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นคาดว่าราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไทยไม่น่าเกิน 30 บาท/ลิตร แต่รัฐบาลก็จะมีนโยบายที่จะมุ่งผลักดันเรื่องพลังงานทดแทนให้มากขึ้น”นายวีระพลกล่าว
นายชาญชิต นาวงศ์ศรี ผู้จัดการโรงงานเอเชียนน้ำมันปาล์มจำกัด กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจะบังคับการจำหน่ายน้ำมันดีเซลที่เดิมเติมบี 100 เพียง 2% เป็น 5% เนื่องจากจะเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในประเทศเพิ่มขึ้นแต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่ใช่การนำเข้ามาหากเป็นเช่นนั้นเกษตรกรไทยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร โดยยืนยันว่าหากบังคับผสม 3% เป็นบี 3 ปริมาณบี 100 จะเพียงพอแต่กรณีบังคับเป็นบี 5 ในปี 2553 คงไม่พออย่างแน่นอน