ผู้ค้าทุกรายประกาศขึ้นราคาแก๊สโซฮอล์ 70 สตางค์ และเบนซิน 50 สตางค์ มีผล 5.00 น.วันนี้ ส่วนกลุ่มดีเซล ยังไม่ขึ้นราคา
ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เฉพาะกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 70 สตางค์ต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2552 (วันนี้) ส่วนกลุ่มดีเซล ยังไม่ปรับขึ้นราคาขายปลีก
โดยการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขต กรุงเทพฯ และปริมณฑล วันนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 95 ราคา 40.24 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ราคา 33.44 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 29.84 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 29.04 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ อี 20 ราคา 27.54 บาทต่อลิตร โดยสาเหตุที่ปรับขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ขยับขึ้นสูงมาก ในขณะที่ราคาเอทานอลขยับขึ้นเช่นกัน
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเป็นไปตามกลไกตลาดโลก โดยที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ มีการเรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงราคาน้ำมันขาลงเท่านั้น หลังจากที่มีการลดลงไปเพื่อดูแลหลังกระทรวงการคลังขึ้นภาษีน้ำมัน 2 บาทต่อลิตร โดยการที่ต้องเก็บเงินกองทุนฯ ก็เพื่อเอาไว้ดูแลราคาน้ำมัน เพราะคาดว่าแนวโน้มในอนาคตจะปรับขึ้นอีก รวมทั้งนำไปอุดหนุนการใช้พลังงานทดแทน ทั้งแก๊สโซฮอล์-ไบโอดีเซล ซึ่งผู้ใช้พลังงานทดแทนจะซื้อน้ำมันในอัตราถูกกว่า โดยจะเห็นได้จากกรณีใช้แก๊สโซฮอล์ 95 แทนเบนซิน 95 ราคาจะถูกกว่าเกือบ 10 บาทต่อลิตร
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงฯ กำลังดำเนินการปรับสูตรน้ำมันดีเซลใหม่ให้เหลือเพียงเกรดเดียว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อยุติเร็วๆ นี้ โดยจะคำนึงถึงปัจจัยสำคัญๆ ทั้งในส่วนของเกษตรกร ผู้ผลิตบี 100 ผู้ค้าน้ำมัน และโดยเฉพาะผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยมีทางเลือกกลไกในการส่งเสริมให้มีความต้องการใช้ไบโอดีเซลมากขึ้น โดยจะกำหนดการใช้น้ำมันไบโอดีเซลผสมในไบโอดีเซล 5% (บี 5) เร็วขึ้นก่อนปี 2554 ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี หรือจะใช้กลไกที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือ การบังคับผสมไบโอดีเซล 2% (บี 2) ควบคู่ไปกับความสมัครใจขายบี 5 ซึ่งทั้ง 2 ทางเลือก ต้องมีการพิจารณาว่า ทางเลือกใดจะมีต้นทุนในการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่ากัน แต่ในขณะเดียวกันจะคำนึงถึงความพอเพียงของวัตถุดิบเช่นกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากที่ได้ระบุไว้ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี ซึ่งมีเป้าหมายให้ใช้ไบโอดีเซลในปริมาณ 4.5 ล้านลิตรต่อวัน ในปี 2565 ทั้งนี้ ปัจจุบันมีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 2 ที่ 25.61 ล้านลิตรต่อวัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 ที่ 25.69 ล้านลิตร คิดเป็นปริมาณ บี 100 เทียบเท่ากับ 1.80 ล้านลิตรต่อวัน หรือ 3.51% ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็วทั้งหมด
ในขณะที่เดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2552 มีผลผลิตปาล์มประมาณ 900,000 ตันต่อเดือน สามารถผลิตเป็นน้ำมันปาล์ม (CPO) ได้ 153 ล้านลิตรต่อเดือน หรือ 5 ล้านลิตร/วัน ซึ่งใช้เพื่อการบริโภคและพลังงาน ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานไบโอดีเซล 13 แห่ง มีกำลังการผลิตรวม 4.4 ล้านลิตรต่อวัน แต่สามารถผลิตไบโอดีเซลได้ประมาณ 1.2 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากปริมาณวัตถุดิบมีจำกัด
“กระทรวงพลังงานจะเร่งส่งเสริมไบโอดีเซลให้มากขึ้น เพื่อเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรม โดยได้เร่งรัดให้เพิ่มพื้นที่ปลูกและพัฒนาผลผลิตปาล์ม และกระทรวงพลังงานยังคงนโยบายใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล บี 5 ต่อไป” นพ.วรรณรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย