กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประกาศเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่ม โดยเรียกเก็บจากเบนซิน 70 สตางค์/ลิตร แก๊สโซฮอล์และกลุ่มดีเซล 40 สตางค์/ลิตร ให้มีผลทันทีในวันนี้ หลังจากราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ลดฮวบติดต่อกัน 6 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดสูงถึง 1.60 บาท/ลิตร
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่ายังไม่ทราบนโยบายของกระทรวงการคลังว่าจะมีการประกาศลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันหรือไม่ หลังจากที่ราคาน้ำมันขยับขึ้นไป 2 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2552 โดยหากกระทรวงการคลังลดภาษี ก็คงจะต้องประสานงานกับปั๊มน้ำมันต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งจะต้องมีการเช็คสตอกน้ำมัน เหมือนกับการขึ้น-ลดภาษีทุกครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เป็นที่คาดกันว่า ช่วงปลายปีราคาน้ำมันตลาดโลกมีโอกาสสูงขึ้นเพราะเป็นช่วงฤดูหนาว ความต้องการน้ำมันเพื่อทำความอบอุ่นจะเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าราคาน้ำมันจะขยับขึ้นประมาณ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผู้อำนวยการ สนพ.กล่าวว่า การที่วันนี้ได้ประกาศเรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯในอัตรา 40-70 สตางค์ต่อลิตร ก็เนื่องจากเห็นว่าไม่กระทบต่อประชาชน ไม่ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ในขณะที่เป็นการดึงกำไรจากค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันเข้าสู่กองทุน หลังจากจัดเก็บแล้ว ทำให้กองทุนไม่มีสถานะติดลบ โดยมีรายได้ กับรายจ่ายที่ชดเชยอัตราภาษีเท่ากัน คือ เท่ากับ 3,600 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการขยับเพิ่มเงินกองทุนฯ ในช่วงราคาน้ำมันลดลง
โดยในวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 วันที่ขึ้นภาษีน้ำมัน ทางกองทุนฯ ได้เข้าไปร่วมรับภาระไม่ให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น ทำให้วันนั้น กองทุนฯ มีภาระการชดเชยเดือนละประมาณ 5,300 ล้านบาท ขณะที่ก่อนการชดเชยกองทุนน้ำมันมีเงินไหลเข้าเดือนละ 3,600 ล้านบาท แต่เมื่อมีการชดเชยทำให้กองทุนมีเงินไหลออกเดือนละ 1,700 ล้านบาท และสถานะกองทุนปัจจุบันมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 15,000 ล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่มในวันนี้ เรียกจัดเก็บ ในส่วนของ เบนซิน 70 สตางค์ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์และกลุ่มดีเซล 40 สตางค์ต่อลิตร รวมกับการเก็บเงินกองทุนฯ เพิ่ม หลังขึ้นภาษีน้ำมันก่อนหน้านี้รวมไปแล้ว ในส่วนของแก๊สโซฮอล์ และบี 2 อัตรา 80 สตางค์ต่อลิตร ในส่วนของเบนซิน และ บี 5 อัตรา 1.10 บาทต่อลิตร ยังเหลืออัตราที่จะจัดเก็บเพิ่มเท่าอัตราเดิม ในส่วนของ เบนซิน บี 5 อัตรา 90 สตางค์ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์-บี 2 อัตรา 1.20 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2552 ราคาเบนซิน ขยับขึ้นไปแล้วตามราคาตลาดโลก 2.20 บาทต่อลิตร ดีเซล ขึ้นไป 3.40 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ สถาการณ์ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ ในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา ราคาลดลงรวมประมาณ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (23 มิถุนายน 2552) เบนซิน ยังลดลง 2.92 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดีเซล ลดลง 2.81 ดอลลาร์ปิดที่ 73.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบ ลดลง 2.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สวนทางกับตลาดสหรัฐฯ ที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับเพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์ต่อบาเรล โดยปิดที่ 69.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รายงานว่า เกิดจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร และการที่ประเทศคูเวต หนึ่งในสมาชิกผู้ค้าน้ำมันโลก (โอเปก) กล่าวว่า การประชุมในเดือนกันยายน 2552 จะไม่มีการปรับลดกำลังการผลิต ในขณะที่ รายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือนพฤษภาคม 2552 เพิ่มขึ้น 2.4% และสถาบันปิโตรเลียมจากหน่วยงานเอกชนของสหรัฐฯ (API) รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสิ้นสุดวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ลดลง 72,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่รอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะปรับลดถึง 1.0 ล้านบาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ตลาดลอนดอน ปรับเพิ่มขึ้น 1.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล