ASTVผู้จัดการรายวัน-“วรรณรัตน์”ยันไม่มีนโยบายเพิ่มค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมันชี้เฉลี่ย 1.50 บาท/ลิตรเหมาะสมแล้วในปัจจุบัน กบง.ไฟเขียวลดราคาขายปลีกอี -85 ลงอีก 4.10 บาทต่อลิตรเหลือ 18.62 บาทต่อลิตรมีผลทันที จูงใจผู้ใช้และผู้ผลิตรถยนต์เพิ่ม พร้อมลดราคาน้ำมันม่วงให้ถูกกว่าดีเซล 3.40บ.ต่อลิตรดูแลประมง พร้อมเดินหน้าแท็กซี่ 3 หมื่นคันที่ใช้แอลพีจีติดตั้ง NGV ระยะเวลา 9 เดือน
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยหลังการประชุมกบง.เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ว่า ที่ไม่ประชุมไม่มีวาระการพิจารณาการปรับเพิ่มค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมันแต่อย่างใด โดยขณะนี้ยืนยันว่าค่าการตลาดเฉลี่ยน้ำมันทุกชนิดที่อยู่ระดับ 1.50 บาทต่อลิตรเป็นอัตราที่เหมาะสมอยู่แล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเพิ่มให้กับผู้ค้าน้ำมันอีก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 85 ด้วยการให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแลเพื่อทำให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าอี -10 ประมาณ 40% จากเดิม 30% หรือราคาขายปลีกอี -85 ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 22.72 บาทต่อลิตรก็จะปรับลดเหลือ 18.62 บาทต่อลิตรหรือถูกลงอีก 4.10 บาทต่อลิตรให้มีผลทันที แล้วแต่ผู้ค้าจะพิจารณา โดยกองทุนจะชดเชยเพิ่มขึ้นจาก 7.13 บาทต่อลิตรเป็น 10.30 บาทต่อลิตรคาดว่าจะใช้เงินเพียง 5 แสนกว่าบาทต่อเดือน เนื่องจากการใช้อี -85 ยังมีปริมาณต่ำโดยส.ค.ยอดการใช้มีประมาณ 1.8 หมื่นลิตร
“นโยบายดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้บริโภคให้รู้ถึงทิศทางชัดเจนว่ารัฐบาลจะส่งเสริมอี -85 อย่างจริงจังรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ที่จะสามารถเดินหน้าการผลิตรถอี -85 ออกสู่ตลาดมากขึ้นซึ่งภายในเดือนต.ค.นี้รถยนต์ค่ายมิตซูบิชิก็จะผลิตแล้วางขายรถอี -85 รายแรกขนาด 1800 ซีซี หลังจากนั้นค่ายอื่นๆ ก็น่าจะตามมาเช่น วอลโว่ เป็นต้น"
พร้อมกันนี้ ยังได้เห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยราคาน้ำมันในโครงการจำหน่ายน้ำมันในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (น้ำมันม่วง) เพื่อให้มีส่วนต่างราคาที่ต่ำลงกว่าราคาไบโอดีเซล(บี5) 2 บาทต่อลิตรและดีเซล (บี2) เป็น 3.40 บาทต่อลิตรจากเดิมราคาจะถูกกว่าดีเซล (บี 2 ) 2 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 14 พ.ย.2552 เพื่อจูงใจให้ชาวประมงหันมาใช้มากขึ้น
น.พ.วรรณรัตน์กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการสนับสนุนให้รถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) มาปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) แทน โดยกำหนดหลักการให้มีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อวางขั้นตอนที่โปร่งใส โดยเฉพาะการหาอู่ติดตั้งที่ต้องได้มาตรฐานด้วยการจัดทำรายชื่อบัญชีอู่ติดตั้งรวมถึงการติดตามการบริการหลังการขายไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังกำหนดจำนวนรถแท็กซี่ที่จะเข้าโครงการติดตั้งฟรีนั้นส่วนของแท็กซี่ใหม่อายุไม่เกิน 1 ปี รวมถึงรถแท็กซี่เก่าที่ติดแอลพีจีแล้วเหลืออายุการใช้เงินไม่เกิน 1 ปีจะไม่เข้าข่ายโครงการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีรถแท็กซี่รับบริการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ครั้งนี้ประมาณ 3 หมื่นคันใช้เงินกองทุนน้ำมันฯใ นการติดตั้งประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมยังได้อนุมัติเงินกองทุนฯเพิ่มเติมอีก 12.4 ล้านบาทเพื่อทำลายถังและอุปกรณ์แอลพีจีที่ถอดออกมาจากแท็กซี่ทั้งหมด โดยโครงการดังกล่าวกำหนดระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 9 เดือนนับตั้งแต่ก.ย.2552
นางพิศวรรณ อัชนะกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า รู้สึกกังวลกับนโยบายรัฐที่ต้องการส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซล แต่กลับมีการลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของดีเซล (บี2) และบี 5 ทำให้ส่วนต่างราคาบี 5 ถูกกว่าดีเซลปกติแค่ 1.40 บาท/ลิตร ซึ่งไม่จูงใจให้ผู้ใช้รถเติมน้ำมันบี 5 ขณะเดียวกันค่าการตลาดของน้ำมันบี 2 สูงกว่าบี 5 ถึงลิตรละ 20 สตางค์ ทำให้ผู้ค้าน้ำมันหันไปขายบี 2 มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าก็หันไปใช้น้ำมันบี 2 เพิ่มมากขึ้น
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยหลังการประชุมกบง.เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ว่า ที่ไม่ประชุมไม่มีวาระการพิจารณาการปรับเพิ่มค่าการตลาดให้ผู้ค้าน้ำมันแต่อย่างใด โดยขณะนี้ยืนยันว่าค่าการตลาดเฉลี่ยน้ำมันทุกชนิดที่อยู่ระดับ 1.50 บาทต่อลิตรเป็นอัตราที่เหมาะสมอยู่แล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเพิ่มให้กับผู้ค้าน้ำมันอีก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาแนวทางการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 85 ด้วยการให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปดูแลเพื่อทำให้ราคาขายปลีกต่ำกว่าอี -10 ประมาณ 40% จากเดิม 30% หรือราคาขายปลีกอี -85 ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 22.72 บาทต่อลิตรก็จะปรับลดเหลือ 18.62 บาทต่อลิตรหรือถูกลงอีก 4.10 บาทต่อลิตรให้มีผลทันที แล้วแต่ผู้ค้าจะพิจารณา โดยกองทุนจะชดเชยเพิ่มขึ้นจาก 7.13 บาทต่อลิตรเป็น 10.30 บาทต่อลิตรคาดว่าจะใช้เงินเพียง 5 แสนกว่าบาทต่อเดือน เนื่องจากการใช้อี -85 ยังมีปริมาณต่ำโดยส.ค.ยอดการใช้มีประมาณ 1.8 หมื่นลิตร
“นโยบายดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้บริโภคให้รู้ถึงทิศทางชัดเจนว่ารัฐบาลจะส่งเสริมอี -85 อย่างจริงจังรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ที่จะสามารถเดินหน้าการผลิตรถอี -85 ออกสู่ตลาดมากขึ้นซึ่งภายในเดือนต.ค.นี้รถยนต์ค่ายมิตซูบิชิก็จะผลิตแล้วางขายรถอี -85 รายแรกขนาด 1800 ซีซี หลังจากนั้นค่ายอื่นๆ ก็น่าจะตามมาเช่น วอลโว่ เป็นต้น"
พร้อมกันนี้ ยังได้เห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปชดเชยราคาน้ำมันในโครงการจำหน่ายน้ำมันในเขตทะเลอาณาเขตให้ชาวประมงชายฝั่ง (น้ำมันม่วง) เพื่อให้มีส่วนต่างราคาที่ต่ำลงกว่าราคาไบโอดีเซล(บี5) 2 บาทต่อลิตรและดีเซล (บี2) เป็น 3.40 บาทต่อลิตรจากเดิมราคาจะถูกกว่าดีเซล (บี 2 ) 2 บาทต่อลิตร จนถึงวันที่ 14 พ.ย.2552 เพื่อจูงใจให้ชาวประมงหันมาใช้มากขึ้น
น.พ.วรรณรัตน์กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการสนับสนุนให้รถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) มาปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) แทน โดยกำหนดหลักการให้มีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อวางขั้นตอนที่โปร่งใส โดยเฉพาะการหาอู่ติดตั้งที่ต้องได้มาตรฐานด้วยการจัดทำรายชื่อบัญชีอู่ติดตั้งรวมถึงการติดตามการบริการหลังการขายไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังกำหนดจำนวนรถแท็กซี่ที่จะเข้าโครงการติดตั้งฟรีนั้นส่วนของแท็กซี่ใหม่อายุไม่เกิน 1 ปี รวมถึงรถแท็กซี่เก่าที่ติดแอลพีจีแล้วเหลืออายุการใช้เงินไม่เกิน 1 ปีจะไม่เข้าข่ายโครงการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีรถแท็กซี่รับบริการติดตั้งอุปกรณ์ NGV ครั้งนี้ประมาณ 3 หมื่นคันใช้เงินกองทุนน้ำมันฯใ นการติดตั้งประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมยังได้อนุมัติเงินกองทุนฯเพิ่มเติมอีก 12.4 ล้านบาทเพื่อทำลายถังและอุปกรณ์แอลพีจีที่ถอดออกมาจากแท็กซี่ทั้งหมด โดยโครงการดังกล่าวกำหนดระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 9 เดือนนับตั้งแต่ก.ย.2552
นางพิศวรรณ อัชนะกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า รู้สึกกังวลกับนโยบายรัฐที่ต้องการส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซล แต่กลับมีการลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของดีเซล (บี2) และบี 5 ทำให้ส่วนต่างราคาบี 5 ถูกกว่าดีเซลปกติแค่ 1.40 บาท/ลิตร ซึ่งไม่จูงใจให้ผู้ใช้รถเติมน้ำมันบี 5 ขณะเดียวกันค่าการตลาดของน้ำมันบี 2 สูงกว่าบี 5 ถึงลิตรละ 20 สตางค์ ทำให้ผู้ค้าน้ำมันหันไปขายบี 2 มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าก็หันไปใช้น้ำมันบี 2 เพิ่มมากขึ้น