ASTVผู้จัดการรายวัน – บางจากฯตั้งเป้าปีหน้ากลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 9หมื่นบาร์เรล/วัน สวนทางธุรกิจโรงกลั่นขาลง หลังประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังสถานการณ์การกลั่นขยับดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันเทงบลงทุนด้านพลังงานแทน 2ปีรวม 5-6 พันล้านบาท ใช้ในโครงการเอทานอล และโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เร่งขยายปั๊มจำหน่ายE20 เพิ่มขึ้นเท่าตัว ตอบรับความต้องการของผู้ใช้รถ
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าการกลั่นน้ำมันสูงกว่า 9 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่กลั่นน้ำมันอยู่ 8 หมื่นบาร์เรล/วัน แม้ว่าค่าการกลั่นในปี2553 จะแคบลงจากปีนี้เนื่องจากมีกำลังการกลั่นใหม่เข้ามาส่งผลให้โรงกลั่นต่างๆในโลกต่างลดกำลังการกลั่นลง แต่จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโลกขยายตัวขึ้น
“ในปีหน้าบริษัทฯมองว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ปริมาณการกลั่นดีขึ้น โดยครึ่งปีแรกบางจากฯกลั่นน้ำมันอยู่ที่ระดับ 9 หมื่นบาร์เรล/วัน เนื่องจากราคาน้ำมันยังไม่ก้าวกระโดด แต่ครึ่งปีหลังทิศทางราคาน้ำมันจะดีขึ้น ทำให้บางจากฯกลั่นเพิ่มเป็น1 แสนบาร์เรล/วัน”
ในปีนี้บริษัทฯจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ยสูงกว่า 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ไม่รวมสต็อกน้ำมันบวกอีก 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ดีกว่าปีหน้าที่ประเมินค่าการกลั่นไว้ที่4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากปี 2553 บริษัทฯไม่สามารถทำประกันความเสี่ยงน้ำมันได้ในราคาสูงเหมือนปีนี้ ทำให้ผลประกอบการในปีหน้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ต่ำกว่าปีนี้ที่ระดับ 8 พันล้านบาทค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีกำไรจากสต็อกน้ำมันบ้าง เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น
" ปีนี้ถือเป็นปีทองของบางจากฯ มีEBITDA และกำไรสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แต่ปีหน้าก็ต้องยอมรับว่าจะลดลงจากปีนี้ เพราะธุรกิจโรงกลั่นไม่ดี มาร์จิ้นน้อยและบริษัทไม่สามารถประกันความเสี่ยงได้เหมือนปีนี้"
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นจาก 1.50 บาท/ลิตรในปีนี้เป็น 1.70 บาท/ลิตรในปี 2553 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาค่าการตลาดที่เหมาะสมทำให้ผู้ค้าน้ำมันอยู่ได้ประมาณ 1.80 บาท/ลิตร โดยยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง
ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนเพิ่มสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่ายE20 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 130 แห่งในสิ้นปีนี้ เป็น 260 แห่งในปีหน้า เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯที่จะเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทน โดยบริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนด้านพลังงานทดแทนประมาณ 5-6 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการเอทานอล ไบโอดีเซลและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการหาพันธมิตร่วมทุนในธุรกิจเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 20-30 เมกะวัตต์ บางจากฯจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและคาดว่าจะเปิดประมูลงานได้ในเร็วๆนี้
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าการกลั่นน้ำมันสูงกว่า 9 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่กลั่นน้ำมันอยู่ 8 หมื่นบาร์เรล/วัน แม้ว่าค่าการกลั่นในปี2553 จะแคบลงจากปีนี้เนื่องจากมีกำลังการกลั่นใหม่เข้ามาส่งผลให้โรงกลั่นต่างๆในโลกต่างลดกำลังการกลั่นลง แต่จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันโลกขยายตัวขึ้น
“ในปีหน้าบริษัทฯมองว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ปริมาณการกลั่นดีขึ้น โดยครึ่งปีแรกบางจากฯกลั่นน้ำมันอยู่ที่ระดับ 9 หมื่นบาร์เรล/วัน เนื่องจากราคาน้ำมันยังไม่ก้าวกระโดด แต่ครึ่งปีหลังทิศทางราคาน้ำมันจะดีขึ้น ทำให้บางจากฯกลั่นเพิ่มเป็น1 แสนบาร์เรล/วัน”
ในปีนี้บริษัทฯจะมีค่าการกลั่นเฉลี่ยสูงกว่า 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ไม่รวมสต็อกน้ำมันบวกอีก 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ดีกว่าปีหน้าที่ประเมินค่าการกลั่นไว้ที่4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากปี 2553 บริษัทฯไม่สามารถทำประกันความเสี่ยงน้ำมันได้ในราคาสูงเหมือนปีนี้ ทำให้ผลประกอบการในปีหน้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ต่ำกว่าปีนี้ที่ระดับ 8 พันล้านบาทค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีกำไรจากสต็อกน้ำมันบ้าง เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น
" ปีนี้ถือเป็นปีทองของบางจากฯ มีEBITDA และกำไรสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แต่ปีหน้าก็ต้องยอมรับว่าจะลดลงจากปีนี้ เพราะธุรกิจโรงกลั่นไม่ดี มาร์จิ้นน้อยและบริษัทไม่สามารถประกันความเสี่ยงได้เหมือนปีนี้"
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นจาก 1.50 บาท/ลิตรในปีนี้เป็น 1.70 บาท/ลิตรในปี 2553 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนสถานีบริการน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาค่าการตลาดที่เหมาะสมทำให้ผู้ค้าน้ำมันอยู่ได้ประมาณ 1.80 บาท/ลิตร โดยยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคบ้าง
ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนเพิ่มสถานีบริการน้ำมันที่จำหน่ายE20 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 130 แห่งในสิ้นปีนี้ เป็น 260 แห่งในปีหน้า เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯที่จะเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทน โดยบริษัทฯได้ตั้งงบลงทุนด้านพลังงานทดแทนประมาณ 5-6 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการเอทานอล ไบโอดีเซลและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการหาพันธมิตร่วมทุนในธุรกิจเอทานอลที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 20-30 เมกะวัตต์ บางจากฯจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและคาดว่าจะเปิดประมูลงานได้ในเร็วๆนี้
