ASTVผู้จัดการรายวัน- บีโอไอลุ้นยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนปี 2553 ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีทิ้งสิ้น 4 แสนล้านบาทจากอานิสงค์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและความชัดเจนในการแก้ไขปัญหามาบตาพุด พร้อมเปิดศูนย์บริหารครบวงจร OSOS อำนวยความสะดวกการลงทุน
นางอรรกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลัง พิธีเปิดศูนย์ประสานการบริหารด้านการลงทุน One Start One Stop Investment Center หรือ OSOS ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวานนี้(23พ.ย.) ว่า ปี 2553 บีโอไอตั้งเป้าหมายที่จะดึงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 4 แสนล้านบาทเนื่องจากมองว่านักลงทุนจะลงทุนมากขึ้นจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และความชัดเจนกรณีของการแก้ไขปัญหามาบตาพุดของรัฐบาล
“ปีนี้การลงทุนลดลงไปโดยเฉพาะจากต่างชาติส่วนหนึ่งเพราะขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการจัดการมลพิษในพื้นที่บริเวณมาบตาพุด และการเมืองไม่นิ่ง แต่ปีหน้าปัจจัยทั้งหมดน่าจะมีทิศทางที่เป็นบวก ประกอบกับเงินลงทุนจากโครงการไทยเข้มแข็งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและทำให้เศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหว “นางอรรชกากล่าว
ทั้งนี้การลงทุนตรงจากต่างประเทศ(FDI)ในปี 2553 คาดหวังจะกลับมาเป็นบวกได้หลังจากช่วงกลางปีนี้ยอดขอลงทุนจากต่างชาติหายไปถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แลล่าสุดเริ่มมีต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึน ทำให้ยอดการขอลงทุลดลงไปเพียงแต่ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับการจัดตั้งศูนย์บริการ OSOS ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ รวมถึงช่วยเร่งรัดขั้นตอนต่างๆ แก่นักลงทุนรายใหม่ ให้สามารถเริ่มต้นประกอบธุรกิจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยได้รวมศูนย์ราชการ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง จำนวน 21 แห่ง จาก 10 กระทรวง มาอำนวยความสะดวกในสถานที่แห่งเดียว ที่อาคารจามจุรี ซึ่งช่วยให้นักธุรกิจสามารถลดขั้นตอน ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้บริการของ OSOS จะครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาและข้อมูลเกี่ยวกับการธุรกิจ ตลอดจนการจดทะเบียน และการรับเรื่องการขอใบอนุญาตหลายประเภท เช่น การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การขอรับการส่งเสริมการลงทุน หรือการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว นอกจากนี้จะมีการเปิดศูนย์บริการวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน ซึ่งจะย้ายเข้ามาทำงานที่อาคารจัตุรัสจามจุรี
นางอรรกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลัง พิธีเปิดศูนย์ประสานการบริหารด้านการลงทุน One Start One Stop Investment Center หรือ OSOS ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวานนี้(23พ.ย.) ว่า ปี 2553 บีโอไอตั้งเป้าหมายที่จะดึงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 4 แสนล้านบาทเนื่องจากมองว่านักลงทุนจะลงทุนมากขึ้นจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และความชัดเจนกรณีของการแก้ไขปัญหามาบตาพุดของรัฐบาล
“ปีนี้การลงทุนลดลงไปโดยเฉพาะจากต่างชาติส่วนหนึ่งเพราะขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการจัดการมลพิษในพื้นที่บริเวณมาบตาพุด และการเมืองไม่นิ่ง แต่ปีหน้าปัจจัยทั้งหมดน่าจะมีทิศทางที่เป็นบวก ประกอบกับเงินลงทุนจากโครงการไทยเข้มแข็งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและทำให้เศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหว “นางอรรชกากล่าว
ทั้งนี้การลงทุนตรงจากต่างประเทศ(FDI)ในปี 2553 คาดหวังจะกลับมาเป็นบวกได้หลังจากช่วงกลางปีนี้ยอดขอลงทุนจากต่างชาติหายไปถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แลล่าสุดเริ่มมีต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึน ทำให้ยอดการขอลงทุลดลงไปเพียงแต่ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับการจัดตั้งศูนย์บริการ OSOS ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อธุรกิจ รวมถึงช่วยเร่งรัดขั้นตอนต่างๆ แก่นักลงทุนรายใหม่ ให้สามารถเริ่มต้นประกอบธุรกิจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยได้รวมศูนย์ราชการ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง จำนวน 21 แห่ง จาก 10 กระทรวง มาอำนวยความสะดวกในสถานที่แห่งเดียว ที่อาคารจามจุรี ซึ่งช่วยให้นักธุรกิจสามารถลดขั้นตอน ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้บริการของ OSOS จะครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาและข้อมูลเกี่ยวกับการธุรกิจ ตลอดจนการจดทะเบียน และการรับเรื่องการขอใบอนุญาตหลายประเภท เช่น การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การขอรับการส่งเสริมการลงทุน หรือการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว นอกจากนี้จะมีการเปิดศูนย์บริการวีซ่า และใบอนุญาตทำงาน ซึ่งจะย้ายเข้ามาทำงานที่อาคารจัตุรัสจามจุรี