ASTVผู้จัดการรายวัน - เคทีซียืนกรานไม่ลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 15% แน่นอน โวยต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูง พร้อมโฟกัสเรื่องแผนเพิ่มทุนตลอด 2 ปีข้างหน้าเชื่อช่วยให้ธุรกิจแข็งแกร่ง ส่วนเรื่องแผนปีหน้าตั้งเป้าเติบโตบัตรใหม่ 1.5 แสนใบ
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) (เคทีซี) เปิดเผยถึงกรณีที่ทางกระทรวงยุติธรรมขอความร่วมมือมายังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือ 15% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 20% เพื่อเป็นการลดภาระให้กับผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิตนั้น ในส่วนของเคทีซีเองยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงอย่างแน่นอน และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตรายอื่นไม่สามารถทำได้เช่นกัน เนื่องจากการทำธุรกิจบัตรเครดิตจะมีต้นทุนการดำเนินงานด้านต่างๆ อีกทั้งความเสี่ยงด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในจำนวนมากในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
"อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในปัจจุบันเราจะใช้แนวการคิดที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยภาครัฐ อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เป็นตัวกำหนดหลัก เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตทุกรายใช้กันและมีทีมในการวิเคราะห์ด้านข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว นอกจากนี้การที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาตีกรอบให้การทำธุรกิจของเราเล็กลงก็คงจะยาก เพราะเราทำธุรกิจภายใต้กรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง ดังนั้นทางเคทีซีเองก็คงจะลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตให้เหลือ 15% คงไม่ได้ และน่าสงสารประเทศไทยถ้ามีการลดดอกเบี้ย" นานนิวัตต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ทางผู้ว่าการ ธปท. ออกมาประกาศถึงความชัดเจนว่าจะไม่มีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับและดูแลต้องลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง โดยเคทีซีมองว่า ธปท.เองทำงานอยู่บนพื้นฐานอย่างมีการศึกษาและมีการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับตลาดบัตรเครดิตโดยรวมมาตลอดว่าเป็นอย่างไรและถือว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว
ส่วนเรื่องแผนการดำเนินงานของเคทีซีที่เกี่ยวกับการเพิ่มทุนนั้น ในอีก 2 ปีข้างหน้าก็ยังมองเรื่องการเพิ่มทุนยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ เนื่องจากเคทีซียังมีการเติบโตอยู่และภาวะเศรษฐกิจโลกและของไทยจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรื่องการเพิ่มทุนจะขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมรวมถึงภาวะตลาดทุนที่เปิดด้วย
"เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งในทุกๆด้านของเคทีซี เราจึงจะโฟกัสเรื่องการเพิ่มทุนต่อไป หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นมีมติเป็นเสียงข้างมากในการไม่อนุมัติให้มีการเพิ่มทุนก็ตาม แต่เคทีซีได้วิเคราะห์ถึงสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงในปัจจุบันและมีความเสี่ยงอยู่มาก ดังนั้น แผนการเพิ่มทุนก็ยังเป็นนโยบายและแนวทางที่เคทีซีจะต้องให้ความสำคัญอยู่" นายนิวัตต์ กล่าว
นายนิวัตต์ ยังกล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันธุรกิจบัตรเดรดิตในปี 2553 ว่าไม่น่าจะรุนแรงมากนัก เพราะทาง ธปท.ออกมากล่าวถึงข้อมูลการแข่งขันตลาดบัตรเครดิตได้มีความอิ่มตัวแล้วประกอบกับสภาพเศรษฐกิจไม่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ปริมาณผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตคงมีไม่มากนัก ดังนั้นในปีหน้าแผนการดำเนินธุรกิจของเคทีซีจะเน้นทำการตลาดลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงระดับบน และเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตก็ยังเข้มงวดเหมือนเดิม ไม่สามารถผ่อนผันให้มากกว่าที่เป็นอยู่ได้
โดยลูกค้าที่มาขอสินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็นบุคคลที่มีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำไม่ถึงเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 1.5 หมื่นบาทหรือมีรายได้ไม่คงที่ทำให้กำลังซื้อลดลง มีความเสี่ยงด้านเครดิต เคทีซีก็จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อน้อยลง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นเอ็นพีแอลในอนาคต
ด้านนายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น เคทีซีก็เลยจะหันมารุกขยายสินเชื่อบุคคลมากขึ้นโดยตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม จากเดิมที่ได้หยุดทำการตลาดและชะลอการปล่อยสินเชื่อไป 1 ปี ส่วนทางด้านบัตรเครดิตก็ตั้งเป้าเติบโตยอดบัตรใหม่ไว้ที่ 1.5 แสนใบ เป็นอย่างต่ำในขณะที่สิทธิประโยชน์ต่างๆก็จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรด้วยการหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วม
"ในปีหน้าเรามีแผนที่จะตอกย้ำถึงความเป็นบัตรเครดิตเคทีซีมากขึ้น การแข่งขันทำการตลาดก็จะสูงพอสมควร ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ให้สิทธิประโยชน์มัดใจลูกค้า ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.ในแง่ของการขยายฐานบัตรและ 2.การใช้จ่ายผ่านบัตรที่จะมากขึ้น โดยเคทีซีจะทำโปรโมชั่นลงลึกเพื่อเจาะกลุ่มในเชิงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันแล้วนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ให้เหมาะสม" นายธวัชชัย กล่าว
นอกจากนี้ในส่วนของการออกหุ้นกู้ของเคทีซีในปีหน้านั้น นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าบริหารอาวุโส สายงานคอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีก็ยืนยันที่จะดำเนินตามแนวทางดังกล่าวเหมือนกับปี 2552 ด้วยการออกหุ้นกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีวงเงิน 6-7 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนเงินกู้ระยะยาวปีหน้าอยู่ที่ 70% ส่วนเงินกู้ระยะสั้นอยู่ที่ 30% จากปีนี้สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 85% ต่อ 15% ตามลำดับ โดยสภาพตลาดในปีหน้าไม่มีอะไรน่าห่วงจึงเชื่อว่าการออกหุ้นกู้ของเคทีซีจะเป็นได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) (เคทีซี) เปิดเผยถึงกรณีที่ทางกระทรวงยุติธรรมขอความร่วมมือมายังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงเหลือ 15% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 20% เพื่อเป็นการลดภาระให้กับผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิตนั้น ในส่วนของเคทีซีเองยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงอย่างแน่นอน และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตรายอื่นไม่สามารถทำได้เช่นกัน เนื่องจากการทำธุรกิจบัตรเครดิตจะมีต้นทุนการดำเนินงานด้านต่างๆ อีกทั้งความเสี่ยงด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในจำนวนมากในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
"อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในปัจจุบันเราจะใช้แนวการคิดที่อ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยภาครัฐ อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เป็นตัวกำหนดหลัก เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการบัตรเครดิตทุกรายใช้กันและมีทีมในการวิเคราะห์ด้านข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว นอกจากนี้การที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาตีกรอบให้การทำธุรกิจของเราเล็กลงก็คงจะยาก เพราะเราทำธุรกิจภายใต้กรอบกฎหมายอย่างถูกต้อง ดังนั้นทางเคทีซีเองก็คงจะลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตให้เหลือ 15% คงไม่ได้ และน่าสงสารประเทศไทยถ้ามีการลดดอกเบี้ย" นานนิวัตต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การที่ทางผู้ว่าการ ธปท. ออกมาประกาศถึงความชัดเจนว่าจะไม่มีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่นซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับและดูแลต้องลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลง โดยเคทีซีมองว่า ธปท.เองทำงานอยู่บนพื้นฐานอย่างมีการศึกษาและมีการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับตลาดบัตรเครดิตโดยรวมมาตลอดว่าเป็นอย่างไรและถือว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว
ส่วนเรื่องแผนการดำเนินงานของเคทีซีที่เกี่ยวกับการเพิ่มทุนนั้น ในอีก 2 ปีข้างหน้าก็ยังมองเรื่องการเพิ่มทุนยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ เนื่องจากเคทีซียังมีการเติบโตอยู่และภาวะเศรษฐกิจโลกและของไทยจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรื่องการเพิ่มทุนจะขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมรวมถึงภาวะตลาดทุนที่เปิดด้วย
"เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งในทุกๆด้านของเคทีซี เราจึงจะโฟกัสเรื่องการเพิ่มทุนต่อไป หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นมีมติเป็นเสียงข้างมากในการไม่อนุมัติให้มีการเพิ่มทุนก็ตาม แต่เคทีซีได้วิเคราะห์ถึงสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงในปัจจุบันและมีความเสี่ยงอยู่มาก ดังนั้น แผนการเพิ่มทุนก็ยังเป็นนโยบายและแนวทางที่เคทีซีจะต้องให้ความสำคัญอยู่" นายนิวัตต์ กล่าว
นายนิวัตต์ ยังกล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันธุรกิจบัตรเดรดิตในปี 2553 ว่าไม่น่าจะรุนแรงมากนัก เพราะทาง ธปท.ออกมากล่าวถึงข้อมูลการแข่งขันตลาดบัตรเครดิตได้มีความอิ่มตัวแล้วประกอบกับสภาพเศรษฐกิจไม่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ปริมาณผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตคงมีไม่มากนัก ดังนั้นในปีหน้าแผนการดำเนินธุรกิจของเคทีซีจะเน้นทำการตลาดลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงระดับบน และเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตก็ยังเข้มงวดเหมือนเดิม ไม่สามารถผ่อนผันให้มากกว่าที่เป็นอยู่ได้
โดยลูกค้าที่มาขอสินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็นบุคคลที่มีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำไม่ถึงเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 1.5 หมื่นบาทหรือมีรายได้ไม่คงที่ทำให้กำลังซื้อลดลง มีความเสี่ยงด้านเครดิต เคทีซีก็จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อน้อยลง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นเอ็นพีแอลในอนาคต
ด้านนายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น เคทีซีก็เลยจะหันมารุกขยายสินเชื่อบุคคลมากขึ้นโดยตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 7-8 หมื่นล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าในหลายอุตสาหกรรม จากเดิมที่ได้หยุดทำการตลาดและชะลอการปล่อยสินเชื่อไป 1 ปี ส่วนทางด้านบัตรเครดิตก็ตั้งเป้าเติบโตยอดบัตรใหม่ไว้ที่ 1.5 แสนใบ เป็นอย่างต่ำในขณะที่สิทธิประโยชน์ต่างๆก็จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรด้วยการหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วม
"ในปีหน้าเรามีแผนที่จะตอกย้ำถึงความเป็นบัตรเครดิตเคทีซีมากขึ้น การแข่งขันทำการตลาดก็จะสูงพอสมควร ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ให้สิทธิประโยชน์มัดใจลูกค้า ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1.ในแง่ของการขยายฐานบัตรและ 2.การใช้จ่ายผ่านบัตรที่จะมากขึ้น โดยเคทีซีจะทำโปรโมชั่นลงลึกเพื่อเจาะกลุ่มในเชิงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันแล้วนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ให้เหมาะสม" นายธวัชชัย กล่าว
นอกจากนี้ในส่วนของการออกหุ้นกู้ของเคทีซีในปีหน้านั้น นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าบริหารอาวุโส สายงานคอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีก็ยืนยันที่จะดำเนินตามแนวทางดังกล่าวเหมือนกับปี 2552 ด้วยการออกหุ้นกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีวงเงิน 6-7 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนเงินกู้ระยะยาวปีหน้าอยู่ที่ 70% ส่วนเงินกู้ระยะสั้นอยู่ที่ 30% จากปีนี้สัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 85% ต่อ 15% ตามลำดับ โดยสภาพตลาดในปีหน้าไม่มีอะไรน่าห่วงจึงเชื่อว่าการออกหุ้นกู้ของเคทีซีจะเป็นได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี