xs
xsm
sm
md
lg

KTC เชื่อธุรกิจบัตรเครดิตอิ่มตัว ชี้กลยุทธ์ปี 53 จับลูกค้ากลุ่มบน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริษัท บัตรกรุงไทย หรือ KTC เผยแผนธุรกิจปีหน้า เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าแบ่งตามฐานเงินเดือน พร้อมรักษาฐานลูกค้าเก่า รับธุรกิจบัตรเครดิตเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว แอบลุ้นตั้งเป้าบัตรใหม่ไม่เกิน 2 แสนบัตร ส่วน NPL ในปีนี้ ปรับเพิ่มขึ้น คาดอยู่ที่ 2.8% หวังควบคุมไม่ให้เกิน 3% พร้อมกระตุ้นให้นำคะแนนสะสมมาแลกรับสิทธิ ตั้งเป้า 600 ล้านคะแนน หรือ คิดเป็น 10% จากยอดรวมคะแนนสะสม

นายวรวุฒิ นิสภกุลธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2553 จะเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว ซึ่งจะทำให้จำนวนบัตรใหม่ในปีนี้คงไม่ขยับเพิ่มขึ้นมากนัก โดยปัจจุบันยอดบัตรใหม่อยู่ที่ 1.7 ล้านบัตร ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้เดิมที่ 1.6 แสนบัตร

อย่างไรก็ตาม จากจำนวนบัตรใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาจากความต้องการใช้บัตรเครดิตกันมากขึ้น ประกอบกับลูกค้ายังมีความต้องการที่จะถือบัตรเครดิตมากกว่า 1 บัตร โดยสลับการใช้บัตรให้ตรงความต้องการของตัวเอง ซึ่งลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรมากสุดอันดับ 1 ได้แก่ ชำระค่าน้ำมัน อันดับ 2 ใช้ซื้อสินค้าจากซูเปอร์สโตร์

“เราตั้งเป้าเพิ่มยอดบัตรเครดิตใหม่ในปีหน้าไว้ที่ 2 แสนบัตร โดยในปีหน้าอัตราการเติบโตน่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทั้งนี้ ต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับภายในประเทศยังมีปัจจัยจากการเมืองที่คาดเดาสถานการณ์ได้อย่างยากลำบาก” นายวรวุฒิ กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้าจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้าโดยแบ่งตามฐานเงินเดือน เจาะในลูกค้าระดับบนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจยังมีกำลังจับจ่ายสูง ส่วน NPL ในปีนี้ ยอมรับว่า ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.8% แต่ยังเป็นระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งยังไม่เกินที่ระดับ 3% และอัตราการผิดชำระหนี้ก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ คือ ไม่เกินระดับ 3% เช่นกัน

“ปีหน้าภาพรวมของธุรกิจจะยังทรงตัวต่อเนื่องจากปีนี้ และการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตจะเริ่มอิ่มตัว ซึ่งเราคงจะเน้นในเรื่องของการรักษาฐานลูกค้ามากกว่า ประกอบกับเราจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้า โดยแบ่งตามฐานเงินเดือน หรือ เจาะลูกค้าระดับบนให้มากขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีกำลังจับจ่ายที่สูงอยู่” นายวรวุฒิ กล่าว

สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรต่อบัตรต่อเดือนในปีนี้ คาดว่า จะเติบโต 5-10% ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตที่ 20% โดยประเมินว่าตัวเลขยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 5 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 4.8 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน

อีกทั้ง ตัวเลข ณ เดือน ต.ค.มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 4.9 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน ซึ่งมาจากฐานลูกค้าทั้งหมดที่ 1.7 ล้านบัตร โดยแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสม่ำเสมอมีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดลูกค้าทั้งหมด ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 1.1 หมื่นบาทต่อบัตรต่อเดือน จากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 1 หมื่นบาทต่อบัตรต่อเดือน

“สาเหตุที่ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ลดลง เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ลูกค้ามีการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลง” นายวรวุฒิ กล่าว

ส่วนในปีนี้บริษัทได้กำหนดนโยบายการตลาดที่เน้นให้สมาชิกรู้จักใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและวางแผนการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ตอบรับกับสภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด “ความจริง ความสุขยังมีอยู่” และ สำหรับช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ บริษัทจึงได้คัดสรรโปรโมชันพิเศษที่ยังคงเน้นเรื่องการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า โดยกระตุ้นให้สมาชิกนำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards มาแลกรับสิทธิพิเศษในหลากหลายรูปแบบ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้ริเริ่มและผู้นำกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้คะแนนสะสม โดยปัจจุบันเป็นบัตรเครดิตที่มีระบบรองรับการแลกใช้คะแนนสะสม ณ จุดให้บริการตามร้านค้าต่างๆทั่วประเทศมากที่สุดถึง 2,700 จุดทั่วประเทศ มีพันธมิตรร้านค้าทั้งสิ้น 80 ราย หรือ มากขึ้น 900% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 ที่บริษัทเริ่มปฏิวัติระบบการแลกคะแนนสะสมเป็นครั้งแรกซึ่งขณะนั้นมีพันธมิตรเพียง 9 ราย

“เราเชื่อว่า แคมเปญส่งท้ายปีครั้งนี้ คาดว่าสมาชิกจะนำคะแนนสะสมมาร่วมแลกรับสิทธิพิเศษมากถึง 600 ล้านคะแนน คิดเป็นสัดส่วน 10% จากยอดรวมคะแนนสะสม KTC Forever Rewards ของสมาชิกเคทีซี” นายวรวุฒิ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น