ASTVผู้จัดการรายวัน - เคทีซีรับธุรกิจบัตรเครดิตเริ่มถึงจุดอิ่มตัว เผยปีหน้าหันเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารายได้สูงที่ยังมีศักยภาพในการใช้จ่าย พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิม ตั้งเป้าบัตรใหม่ไม่เกิน 2 แสนบัตร ขณะที่ NPLปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมั่นใจคุมได้ไม่เกิน 3%
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2553 ว่า ในส่วนของเคทีซีจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้าโดยแบ่งตามฐานเงินเดือน เจาะในลูกค้าระดับบนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และมีกำลังจับจ่ายสูง โดยจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนบัตรใหม่ เนื่องจากการขยายบัตรเครดิตเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว จึงทำให้จำนวนบัตรใหม่ในปีนี้คงไม่ขยับเพิ่มขึ้นมากนัก โดยปัจจุบันยอดบัตรใหม่อยู่ที่ 1.7 ล้านบัตร ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้เดิมที่ 1.6 แสนบัตร
"ในปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มยอดบัตรเครดิตใหม่ไว้ที่ 2 แสนบัตร ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตน่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทำให้ภาพรวมปีหน้าธุรกิจจะยังทรงตัวต่อเนื่องจากปีนี้ และการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตจะเริ่มอิ่มตัว ซึ่งเราคงจะเน้นในเรื่องของการรักษาฐานลูกค้ามากกว่า ประกอบกับเราจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้า โดยแบ่งตามฐานเงินเดือน หรือ เจาะลูกค้าระดับบนให้มากขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีกำลังจับจ่ายที่สูงอยู่”นายวรวุฒิ กล่าว
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ มียอดปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.8% ซึ่งยังเป็นระดับที่สามารถควบคุมได้ และยังไม่เกินที่ระดับที่ประเมินไว้คือ 3% ขณะที่อัตราการผิดชำระหนี้ก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ คือ ไม่เกินระดับ 3% เช่นกัน
สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรต่อบัตรต่อเดือนในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5-10% ลดลงจากปีก่อนที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 20% โดยประเมินว่าตัวเลขยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 5 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 4.8 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน โดยตัวเลข ณ เดือน ต.ค. มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 4.9 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน ซึ่งมาจากฐานลูกค้าทั้งหมดที่ 1.7 ล้านบัตร แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสม่ำเสมอมีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดลูกค้าทั้งหมด มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 1.1 หมื่นบาทต่อบัตรต่อเดือน จากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 1 หมื่นบาทต่อบัตรต่อเดือน
นายวรวุฒิกล่าวว่า ช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ บริษัทจึงได้คัดสรรโปรโมชั่นพิเศษที่ยังคงเน้นเรื่องการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า โดยกระตุ้นให้สมาชิกนำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards มาแลกรับสิทธิพิเศษในหลากหลายรูปแบบ และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้ริเริ่มและผู้นำกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้คะแนนสะสม โดยปัจจุบันเป็นบัตรเครดิตที่มีระบบรองรับการแลกใช้คะแนนสะสม ณ จุดให้บริการตามร้านค้าต่างๆทั่วประเทศมากที่สุดถึง 2,700 จุดทั่วประเทศ มีพันธมิตรร้านค้าทั้งสิ้น 80 ราย หรือ มากขึ้น 900% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 โดยคาดว่าสมาชิกจะนำคะแนนสะสมมาร่วมแลกรับสิทธิพิเศษมากถึง 600 ล้านคะแนน คิดเป็นสัดส่วน 10% จากยอดรวมคะแนนสะสม KTC Forever Rewards ของสมาชิกเคทีซี
นายวรวุฒิ นิสภกุลธร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2553 ว่า ในส่วนของเคทีซีจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้าโดยแบ่งตามฐานเงินเดือน เจาะในลูกค้าระดับบนมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และมีกำลังจับจ่ายสูง โดยจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนบัตรใหม่ เนื่องจากการขยายบัตรเครดิตเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว จึงทำให้จำนวนบัตรใหม่ในปีนี้คงไม่ขยับเพิ่มขึ้นมากนัก โดยปัจจุบันยอดบัตรใหม่อยู่ที่ 1.7 ล้านบัตร ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้เดิมที่ 1.6 แสนบัตร
"ในปีหน้าตั้งเป้าเพิ่มยอดบัตรเครดิตใหม่ไว้ที่ 2 แสนบัตร ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตน่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ทำให้ภาพรวมปีหน้าธุรกิจจะยังทรงตัวต่อเนื่องจากปีนี้ และการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตจะเริ่มอิ่มตัว ซึ่งเราคงจะเน้นในเรื่องของการรักษาฐานลูกค้ามากกว่า ประกอบกับเราจะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้า โดยแบ่งตามฐานเงินเดือน หรือ เจาะลูกค้าระดับบนให้มากขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีกำลังจับจ่ายที่สูงอยู่”นายวรวุฒิ กล่าว
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ มียอดปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.8% ซึ่งยังเป็นระดับที่สามารถควบคุมได้ และยังไม่เกินที่ระดับที่ประเมินไว้คือ 3% ขณะที่อัตราการผิดชำระหนี้ก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ คือ ไม่เกินระดับ 3% เช่นกัน
สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรต่อบัตรต่อเดือนในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5-10% ลดลงจากปีก่อนที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 20% โดยประเมินว่าตัวเลขยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 5 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 4.8 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน โดยตัวเลข ณ เดือน ต.ค. มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 4.9 พันบาทต่อบัตรต่อเดือน ซึ่งมาจากฐานลูกค้าทั้งหมดที่ 1.7 ล้านบัตร แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสม่ำเสมอมีสัดส่วนประมาณ 70% ของยอดลูกค้าทั้งหมด มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 1.1 หมื่นบาทต่อบัตรต่อเดือน จากปีก่อนที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเฉลี่ยอยู่ที่ 1 หมื่นบาทต่อบัตรต่อเดือน
นายวรวุฒิกล่าวว่า ช่วงเทศกาลปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ บริษัทจึงได้คัดสรรโปรโมชั่นพิเศษที่ยังคงเน้นเรื่องการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า โดยกระตุ้นให้สมาชิกนำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards มาแลกรับสิทธิพิเศษในหลากหลายรูปแบบ และเพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้ริเริ่มและผู้นำกลยุทธ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้คะแนนสะสม โดยปัจจุบันเป็นบัตรเครดิตที่มีระบบรองรับการแลกใช้คะแนนสะสม ณ จุดให้บริการตามร้านค้าต่างๆทั่วประเทศมากที่สุดถึง 2,700 จุดทั่วประเทศ มีพันธมิตรร้านค้าทั้งสิ้น 80 ราย หรือ มากขึ้น 900% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 โดยคาดว่าสมาชิกจะนำคะแนนสะสมมาร่วมแลกรับสิทธิพิเศษมากถึง 600 ล้านคะแนน คิดเป็นสัดส่วน 10% จากยอดรวมคะแนนสะสม KTC Forever Rewards ของสมาชิกเคทีซี