นักธุรกิจไทยในเขมรแฉ “ฮุนเซน” แต่งตั้ง “นช.ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษา หวังใช้ผลประโยชน์ล่อดึงนักลงทุนเข้ากัมพูชา ส่งลูกตนเองจ่อกินหัวคิว ถือหุ้นลมนักลงทุนต่างชาติรวยเละ พร้อมแฉธุรกิจขายตำแหน่งศักดินา “ออกญา-คุณหญิง” คนใน รบ.ฮุนเซนรับทรัพย์อื้อ
นายธนกร จิรภาสุขสกุล นักธุรกิจไทยในกัมพูชา เปิดเผยกับ ASTV ผู้จัดการรายวัน ถึงขบวนการซื้อตำแหน่ง “ออกญา” ในเขมร ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางศักดินา เปรียบเทียบชั้นเจ้าพระยาหรือตำแหน่งคุณหญิงของไทยว่า มีขบวนการซื้อขายกันอย่างเป็นล่ำป็นสัน สร้างรายได้ให้แก่คนในรัฐบาลฮุนเซนเป็นอย่างมาก ซึ่งเดิมการให้ตำแหน่ง “ออกญา” ของเขมรกับนักธุรกิจหรือนักการเมืองนั้น จะต้องมีขั้นตอนการพิจารณาโดยมีกษัตริย์กัมพูชาเป็นผู้เห็นชอบและแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าว กับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ มีการทำคุณงามความดีให้สังคม เช่น การสร้างโรงพยาบาล หรือโรงเรียน และต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมานาน 5-10 ปี จึงจะมีการพิจารณาให้ตำแหน่ง “ออกญา” ดังกล่าว
แต่ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล เช่น นายเจียซิม นายเฮง สัมริน ซึ่งมีบทบาทในตำแหน่งประธานวุฒิสภาแห่งกันพูชา และประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา รวมทั้งมีอำนาจคุมพื้นที่ทั้งหมดในประเทศกัมพูชา ได้เห็นช่องทางในการหาผลประโยชน์จากการซื้อขายตำแหน่ง “ออกญา” โดยเฉพาะนักธุรกิจหรือนักการเมืองที่ต้องการยกระดับตัวเอง เพื่อให้มียศตำแหน่งดังกล่าว ก็ใช้เงินซื้อตำแหน่งออกญาได้โดยง่าย เช่น อยากได้ตำแหน่งเทียบชั้นเจ้าพระยา (เปรียบเทียบชั้นยศเป็นของไทย) ใช้เงินซื้อประมาณ 3 ล้านบาท มีสิทธิเทียบเท่ากับเป็นรัฐมนตรีของเขมร หรืออยากได้ตำแหน่งคุณหญิง หรือที่ภาษาเขมรเรียกสีหมุนี ใช้เงินซื้อประมาณ 3.4 ล้านบาท ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวนี้ใช้เงินซื้อผ่านบุคคลในรัฐบาลของนายฮุนเซน ซึ่งเป็นที่รู้กันในแวดวงนักธุรกิจในเขมรว่า มีขบวนการซื้อตำแหน่งออกญาอยู่ ทั้งนี้ ใครที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว จะได้รับใบประกาศรับรองเกียรติคุณ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในกัมพูชาไม่สามารถดำเนินการจับกุมกับบุคคลดังกล่าวได้เหมือนกับประชาชนทั่วๆไป เพราะมีสิทธิพิเศษคุ้มครองอยู่
“มีนักธุรกิจไทยหลายคนที่ซื้อตำแหน่งดังกล่าว เช่น ที่รู้จักกันในนามเจ้าพ่อเกาะกง ก็ใช้วิธีการนี้ มีการจ่ายผลประโยชน์ให้กับคนในรัฐบาลฮุนเซน ก็ได้ตำแหน่งมาอย่างง่ายดาย โดยไม่มีการทำคุณงามความดีให้แก่สังคมเลย ซึ่งเม็ดเงินที่ซื้อตำแหน่งจะไปตกอยู่กับคนในรัฐบาลฮุนเซน สร้างความร่ำรวย ใช้เป็นช่องทางการหาผลประโยชน์อย่างง่ายดายสำหรับคนที่ต้องการยกระดับฐานะตนเองในสังคมเขมร”
สำหรับคนต่างชาติที่เข้าไปในประเทศกัมพูชาแล้ว ต้องการเปลี่ยนแปลงสัญชาติให้เป็นชาวเขมร ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงมีเงิน 1.5 แสนเหรียญดอลลาร์หรือประมาณ 5 ล้านบาทก็สามารถมีบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตของชาวกัมพูชาได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมีนักธุรกิจและนักการเมืองของไทยที่มีคดีทุจริตคอร์รัปชันหนีไปอยู่ที่กัมพูชาหลายคน และยังสามารถเดินทางเข้าออกประเทศต่างๆ ได้ ส่วนนักธุรกิจต่างชาติที่ต้องการได้ตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีของกัมพูชา จะต้องจ่ายผลประโยชน์ให้ถึง 5 หมื่นเหรียญ จึงจะได้เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่ต้องการ ซึ่งต้องผ่านขบวนการมีบัตรประชาชนของกัมพูชาก่อนจึงจะมาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีได้
จับตา “นักโทษแม้ว” ได้ตำแหน่ง มีหรือไม่ต้องจ่าย
นายธนกรเล่าต่อไปถึงขบวนการซื้อตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลฮุนเซนของนักธุรกิจต่างชาติว่า การแต่งตั้ง ทักษิณ ชินวัตร น่าจะอยู่ในขบวนการที่เสนอผลตอบแทนให้นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาแน่นอน เช่นมีการเสนอว่าจะมีการดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในกัมพูชา
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครดิตให้แก่นายฮุนเซนที่ต้องการยกระดับประชาชนชาวเขมร ซึ่งมักจะถูกคนไทยมองว่าเป็นคนชนชั้นที่ 2 ในสังคม และดึงอดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่หนีคดีและถูกมองว่าเป็นบุคคลชนชั้นที่ 2 ในสังคมไทย มาร่วมกันพัฒนาประเทศกัมพูชาทำให้เกิดกระแสชาตินิยมขึ้น อีกทั้งเป็นการกลบกระแสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำในกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวของไทย ในช่วงที่ผ่านมานายฮุนเซนไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ในประเทศได้ จึงพยายามที่จะสร้างกระแสขึ้นใหม่ ด้วยการดึงนายกฯ ไทยที่เป็นนักธุรกิจไปร่วมเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติและเรียกคะแนนเสียงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในกัมพูชาให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
“โมเดลฮุนเซน” กินรวบทั้งตระกูล
อสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นปัจจัยในการลงทุนหลักในกัมพูชา ก่อให้เกิดการจ้างงาน แต่ก็แอบแฝงไปด้วยผลประโยชน์ของคนในตระกูลของนายฮุนเซน ซึ่งขบวนการลงทุนนี้จะต้องผ่านขั้นตอนการจัดซื้อที่ดินต่างๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหากนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในกัมพูชานั้นไม่ว่าจะเป็นการเช่าที่ดินหรือการซื้อที่ดินต้องผ่านตัวแทนรายใหญ่ คือนายกิบเม้ง ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มาแรงในกัมพูชา มีธุรกิจประกันชีวิต หุ้นส่วนใหญ่ธนาคารแห่งหนึ่งในกัมพูชา มีธุรกิจสื่อสารชื่อโมบิเทล และสถานีโทรทัศน์ CTN ของกัมพูชา
นอกจากนี้ยังมีตัวแทนนายหน้าที่ดินรายใหญ่อีกรายในกัมพูชาคือ “ฮุนมานา” ซึ่งเป็นลูกของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเช่าที่ดินราคาถูกมีระยะเวลาเช่นนานถึง 99 ปีในกัมพูชา แล้วนำมาขายต่อหรือพัฒนาเพื่อขายให้กับนักธุรกิจต่างชาติ ซึ่งนายกิบเม้ง เป็นลูกค้ารายใหญ่อีกราย
“ฮุนมานา ลูกฮุนเซนจะไล่ซื้อที่ดินผืนสวยๆ ซื้อมาแล้วนำไปขายต่อให้กิบเม้ง เพื่อรอขายต่อให้นักลงทุนต่างชาติอีกที ซึ่งทำกันเป็นระบบเรียกกันว่าผูกขาดกันอยู่ไม่กี่คนในกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีคนในตระกูลของนายฮุนเซน ไล่ตั้งแต่ลูกคนโตจนถึงคนเล็กสุดท้องคนที่ 5 มีการวางหน้าที่ความรับผิดชอบไว้ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อค้าที่ดิน ส่วนหลังบ้านของนายฮุนเซนก็จะคอยเคลียร์หน้าสื่อต่างๆ เมื่อนักลงทุนต่างชาติมีปัญหาในการดำเนินธุรกิจ นี่ทำกันแบบครบวงจรทั้งตระกูล”
นักธุรกิจไทยในเขมรกล่าวต่อไปว่า เป็นที่รู้กันว่าการลงทุนในเขมรนั้นส่วนใหญ่จะต้องมีการจ่ายเงินในระบบใต้โต๊ะทั้งสิ้น นักธุรกิจรายใดไม่จ่ายผลประโยชน์ให้แก่คนในรัฐบาลฮุนเซน จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจให้ราบรื่นได้ เพราะวันดีคืนดีจะมีกฎระเบียบและข้อบังคับออกมาทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักไปในทันที จึงจำเป็นต้องมีผู้หนุนหลังเป็นคนในรัฐบาลฮุนเซน หรือคนในบ้านของฮุนเซนเพื่อช่วยเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้
“รูปแบบการจ่ายผลประโยชน์ให้แก่คนในรัฐบาลฮุนเซน หรือคนที่เกี่ยวข้องนั้น มักจะจ่ายให้ในรูปของการถือหุ้นลม เช่น ทำโรงแรม 300 ห้องต้องให้หุ้นลมคนในตระกูลของฮุนเซน 10 % เพื่อคอยเคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น”
เป็นที่รู้กันของนักลงทุนต่างชาติว่า การเข้าหาคนในรัฐบาลฮุนเซนนั้นมีสายสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน เช่น นักลงทุนมาเลเซีย ต้องไปเจรจากับนายซกอาน นักลงทุนเกาหลีต้องไปเจรจากับนายอินไชลี นักลงทุนออสเตรเลีย ต้องไปเจรจากับนายกิบเม้ง นักลงทุนจีนต้องเจรจากับนายซกอัน ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ของไทยอย่างทิฟฟี่เจรจาผ่านนายเตียบัญ