xs
xsm
sm
md
lg

รัฐเดี่ยวกับประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

พอถึงเวลาหกโมงเย็น เราจะเห็นผู้คนในแต่ละจังหวัดมารวมตัวกันแล้วร้องเพลงชาติ นับเป็นการแสดงออกของคนไทยที่ต้องการเรียกร้องให้เกิดความสมานฉันท์

การแสดงออกถึงความรักชาตินั้น ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ถ้ามีการแข่งกีฬาหรือมวย เราก็จะเชียร์นักกีฬาไทย นอกจากนั้น การเกิดความขัดแย้งกับเขมรก็ทำให้คนไทยรู้สึกร่วมกันต่อต้านเขมร แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้เขมรเสียอีก กรณีวิศวกรไทยถูกจับก็มีคนไทยออกมาแก้ต่างให้เขมร ทำนองว่าคนของเราผิดจริง

เรื่องนี้เป็นที่คาดคิดไว้แล้ว เวลาเขมรมีเรื่องกับไทยทีไร ก็จะใช้วิธีการจับตัวคนไทยไว้ก่อน สมัยสีหนุก็จับข้าราชการไทยไปขังคุกขี้ไก่อยู่เป็นเวลานาน คราวก่อนก็มีการเผาสถานทูตไทย เป็นความป่าเถื่อนของคนเขมร ซึ่งมีนิสัยเลวๆ อย่างนี้มานานแล้ว

ไทยเราสร้างความเป็นรัฐที่แข็งแกร่งมากกว่าความเป็นชาติ ที่สำคัญก็คือเราเป็นรัฐเดี่ยวที่รวบอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง การสร้างรัฐเริ่มจากการสร้างกลไกหลักคือระบบราชการ ที่สำคัญก็คือ การมีทหารประจำการแทนที่จะมีทหารรับจ้าง หรือการเกณฑ์คนมาในยามศึกสงครามเป็นครั้งคราว

กลไกของรัฐมีกฎหมายที่ใช้บังคับแก่คนทั่วไปเป็นเครื่องมือสำคัญ ระบบราชการมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และมาจัดเป็นระบบที่ทันสมัยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระบบราชการเป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญ และมีสายบังคับบัญชาที่ลดหลั่น มียศถาบรรดาศักดิ์ ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างคนในสังคม ระบบราชการเป็นฝ่ายกำหนดค่านิยมในสังคม และมีการขยายตัวจนกลายเป็นขุมอำนาจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสังคม

ความเป็นชาติของเราเพิ่งเริ่มมีการสร้างขึ้นอย่างจริงๆ จังๆ ในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่ก็ยังไม่เกิดผลมากเท่าไรนัก อย่างน้อยในหมู่ข้าราชการก็เริ่มมีความรู้สึกสำนึกถึงความเป็นชาติ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยปกติรัฐเดี่ยวมักมีปัญหาในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะรัฐเดี่ยวที่ท้องถิ่นอ่อนแอ ไม่มีอำนาจ ท้องถิ่นไทยอ่อนแอเพราะในอดีตทางอีสาน และทางเหนือมีความรู้สึกต่อต้านเมืองหลวง มีการกบฏหลายครั้ง กล่าวได้ว่า ไม่มีความผูกพันทั้งกับรัฐและกับชาติ ด้วยเหตุนี้เอง ส่วนกลางจึงไม่ปล่อยให้ท้องถิ่นปกครองตนเอง

รัฐซึ่งประกอบด้วยกรมกองต่างๆ จึงเป็นฝ่ายแบ่งสรรทรัพยากร และแน่นอนว่า กรมจึงเติบโตมากกว่าจังหวัด กรมเป็นส่วนราชการสามารถตั้งงบประมาณได้ แต่จังหวัดไม่ได้มีฐานะเป็นส่วนราชการตามพระราชบัญญัติงบประมาณ จึงต้องอาศัยงบประมาณจากกรมลงไปตามโครงการต่างๆ

การพัฒนาการเมืองของเรา จึงเป็นการพัฒนาที่การเมืองถูกจำกัดโดยขอบเขตอำนาจของรัฐ เพราะรัฐเข้าไปจัดการเกี่ยวข้องกับสังคมในทุกๆ กิจกรรม จนไม่มีพื้นที่ให้กับการเมือง นักการเมืองอาศัยการเลือกตั้งเข้าไปเบียดแย่งชิงงบประมาณกัน ส่วนท้องถิ่นก็เติบโตช้าและมีกิจกรรมน้อยมากที่ทำได้ ประชาชนจึงพึ่งพาระบบราชการมากกว่าระบบการเมือง

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ทักษิณเป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนมาก เพราะทักษิณเป็นผู้นำระบบสวัสดิการด้านสาธารณสุขไปให้ประชาชน และยังมีเงินกองทุนหมู่บ้านอีกด้วย

พัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยไทย เป็นไปในลักษณะที่ประชาธิปไตยเกิดขึ้นภายใต้รัฐที่ไม่เอื้อต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย การขัดกันระหว่างลักษณะของรัฐกับลักษณะของระบอบการเมืองนี้ ทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองมาก เพราะภายในสังคมเองก็ยังมีพลังเหนี่ยวรั้งคานอำนาจการเมือง และอำนาจรัฐน้อยมาก และเมื่อนักการเมืองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งนานๆ ก็จะใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

รัฐอ่อนตัวลงเพราะพลังนอกระบบจากสากลมีผลทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ๆ นับตั้งแต่การมีคุณค่าใหม่ๆ เช่น การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม การเคารพสิทธิมนุษยชน และการมีประชาธิปไตย เป็นต้น

ที่สำคัญก็คือ มาตรฐานใหม่นี้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจด้วย ธนาคารของไทยจึงกลายเป็นของต่างชาติไปเกือบหมด และยังมีข้อตกลงพหุภาคี และการรวมตัวกันในภูมิภาคทั่วโลกอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ ทำให้โลกใหม่เป็นโลกแห่งการแข่งขัน รัฐเดี่ยวที่รวบอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง จึงไม่ยืดหยุ่นพอ การปฏิรูประบบราชการจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ โดยเริ่มเน้นประสิทธิภาพ การลดขั้นตอนในการให้บริการ และการมีเป้าหมายที่วัดผลสัมฤทธิ์ได้

ในขณะที่รัฐต้องมีการปรับตัว แต่ระบอบการเมืองก็ยังคงมีปัญหา เพราะสถาบันทางการเมืองยังมีความอ่อนแอ และตัวบุคคลยังมีส่วนสำคัญในการเมืองอยู่ ทำให้เกิดปัญหาสองด้านรุมเร้าเข้ามา คือ การปฏิรูป (ระบบราชการ) รัฐกับการปฏิรูปการเมือง

ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายทักษิณกับฝ่ายต่อต้านทักษิณ ก็เป็นภาพสะท้อนของปัญหาสองด้านนี้ ประเด็นของปัญหาก็คือ แทนที่ทักษิณจะปรับเปลี่ยนลักษณะของรัฐให้เป็นประชาธิปไตย ก็กลับเปลี่ยนเป็นเผด็จการ โดยอาศัยความชอบธรรมทางการเมือง การเคลื่อนไหวในการต่อต้านทักษิณ โดยเนื้อแท้แล้วก็คือ การต่อต้านระบอบเผด็จการมากกว่าการต่อต้านตัวบุคคล

ในอนาคตไม่ว่าใครจะมีอำนาจ ก็จะต้องหลีกเลี่ยงการสร้างอำนาจในระบอบเผด็จการ เพราะสวนทางกับกระแสโลก และความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเวลานี้ได้รับข้อมูลข่าวสารกว้างขวาง และลึกซึ้งมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น